พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2710/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องกู้ยืมที่ไม่สมบูรณ์: ประเด็นการต่อสู้เรื่องนิติกรรมอำพราง และหน้าที่การนำสืบพยานของจำเลย
ฟ้องโจทก์กล่าวอ้างสภาพแห่งข้อหาในมูลหนี้ตามสัญญากู้ยืม จำเลยให้การว่ามิได้กู้ยืมกันจริงหากแต่ทำสัญญากู้ยืมไว้เพื่อเป็นประกันหนี้ค่าก่อสร้างบ้านที่จำเลยผู้ว่าจ้างต้องชำระให้แก่สามีของโจทก์ผู้รับจ้าง ดังนี้เท่ากับจำเลยให้การปฏิเสธว่าจำเลยมิได้รับเงินตามสัญญากู้และสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งตรงตามประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในชั้นชี้สองสถาน ส่วนข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากคำแถลงของโจทก์ว่า เมื่อก่อสร้างบ้านแล้วจึงทำหนังสือกู้ไว้ คงมีความหมายเพียงว่ามูลหนี้ตามสัญญากู้ยืมมีที่มาจากมูลหนี้ค่าก่อสร้างบ้านเท่านั้น มิใช่เป็นการรับว่ามูลหนี้ตามฟ้องเป็นนิติกรรมอำพรางตามที่จำเลยต่อสู้ทั้งประเด็นข้อนี้ก็เกิดจากคำให้การต่อสู้ของจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงต่อไป ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4872/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติสัมพันธ์บัญชีเดินสะพัด: ศาลปรับใช้บทกฎหมายที่ถูกต้อง แม้ฟ้องเป็นเรื่องกู้ยืม และอายุความ 10 ปี
โจทก์ฟ้องเรื่องกู้ยืมเงิน แต่บรรยายฟ้องและนำสืบว่าโจทก์ที่ 2 ได้รับโควต้าเป็นผู้ส่งอ้อยให้แก่โรงงานน้ำตาล โจทก์ตกลงให้จำเลยทั้งสอง ซึ่งเป็นลูกไร่ส่งอ้อยให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์นำไปขายให้แก่โรงงานน้ำตาล โจทก์ที่2 เป็นผู้ออกทุนให้จำเลยทั้งสองก่อนโดยจ่ายเป็นเงินสดบ้างเป็นเช็คบ้าง ทั้งได้จ่ายค่าไถ่ที่ดินค่าปุ๋ย และของอื่นๆ เพื่อให้จำเลย ใช้ในการทำไร่อ้อย โจทก์ที่ 2 ให้จำเลยลงลายมือชื่อกำกับหนี้ทุกรายการ เมื่อตัดอ้อยแล้วจำเลยทั้งสองส่งให้โจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 จะนำอ้อยดังกล่าวไปขายให้โรงงานน้ำตาล ครั้นโจทก์ที่ 2 ได้รับเงินค่าขายอ้อย จากโรงงานจึงมาคิดหักทอนบัญชีกับจำเลยทั้งสองหากค่าอ้อยที่ จำเลยทั้งสองได้รับไม่พอกับจำนวนเงินที่จำเลยเบิกไปก็ยกยอดไป ในปีต่อไปและโจทก์คิดดอกเบี้ยเอาแก่จำเลยซึ่งจำเลยทั้งสองรับว่า เป็นผู้ปลูกอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลในโควต้าของโจทก์ โจทก์จ่ายค่าปุ๋ย ให้จำเลยเมื่อโจทก์นำอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลและได้รับเงินมาแล้วก็มาคิดบัญชีกันเป็นรายปี แต่หลังจากจำเลยเลิกเป็นลูกไร่ของโจทก์แล้ว ไม่ได้คิดเงินกัน โจทก์จำเลยจะเป็นหนี้ลูกหนี้กันเท่าใดจึงไม่ทราบ กรณีเช่นนี้นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยจึงเข้าลักษณะ บัญชีเดินสะพัดซึ่งไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
แม้โจทก์จะฟ้องเรื่องกู้ยืม แต่ก็ได้บรรยายฟ้องเข้าลักษณะ บัญชีเดินสะพัด ศาลมีอำนาจยกบทกฎหมายที่ถูกต้องมาปรับแก่คดีได้ และการฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญาบัญชีเดินสะพัดนั้นไม่มีกฎหมาย บัญญัติ อายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีกำหนด 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
แม้โจทก์จะฟ้องเรื่องกู้ยืม แต่ก็ได้บรรยายฟ้องเข้าลักษณะ บัญชีเดินสะพัด ศาลมีอำนาจยกบทกฎหมายที่ถูกต้องมาปรับแก่คดีได้ และการฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญาบัญชีเดินสะพัดนั้นไม่มีกฎหมาย บัญญัติ อายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีกำหนด 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164