พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5852/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีพนัน: การระบุงวดสลากเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา ไม่ต้องระบุเลขรางวัล
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบโดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และระบุงวดสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ออกเพื่อใช้เป็นเลขพนันได้เสีย เป็นฟ้องที่แสดงการกระทำชัดแจ้งพอสมควรให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี และเป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว ไม่จำต้องระบุเลขรางวัลสลากที่ออกมาในฟ้องด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5852/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีพนัน: เพียงระบุงวดสลากก็เพียงพอ ไม่ต้องระบุเลขรางวัล
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบโดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และระบุงวดสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ออกเพื่อใช้เป็นเลขพนันได้เสีย เป็นฟ้องที่แสดงการกระทำชัดแจ้งพอสมควรให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี และเป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว ไม่จำต้องระบุเลขรางวัลสลากที่ออกมาในฟ้องด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีพนันป๊อก: ความสมบูรณ์ของฟ้องและขอบเขตการแก้ไขโทษของศาลอุทธรณ์
จำเลยฎีกาอ้างว่า คำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์ไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าจำเลยนี้เล่นการพนันป๊อกกันในลักษณะใดอย่างไรนั้นเป็นข้ออ้างเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า ผู้ใดเป็นเจ้ามือในการเล่นพนันป๊อกแต่ได้บรรยายมาว่าจำเลยทั้ง 3 บังอาจร่วมกันเล่นการพนันป๊อก (21 แต้ม อันเป็นการพนันประเภทห้ามขาดตามบัญชี ก. อันดับ 11 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน 2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยมิได้มีพระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้เล่นได้ ดังนี้ ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
จำเลยกระทำผิดครั้งหลังมีโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ต้องวางโทษทั้งจำทั้งปรับตามพระราชบัญญัติการพนัน 2478 มาตรา 14 ทวิ (2) แต่ศาลชั้นต้นวางโทษปรับทวีคูณ ปรับ 600 บาทจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์เช่นนี้การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุก 2 เดือน ปรับ 600 บาทแต่ยกโทษจำคุกเสียก็เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า ผู้ใดเป็นเจ้ามือในการเล่นพนันป๊อกแต่ได้บรรยายมาว่าจำเลยทั้ง 3 บังอาจร่วมกันเล่นการพนันป๊อก (21 แต้ม อันเป็นการพนันประเภทห้ามขาดตามบัญชี ก. อันดับ 11 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน 2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยมิได้มีพระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้เล่นได้ ดังนี้ ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
จำเลยกระทำผิดครั้งหลังมีโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ต้องวางโทษทั้งจำทั้งปรับตามพระราชบัญญัติการพนัน 2478 มาตรา 14 ทวิ (2) แต่ศาลชั้นต้นวางโทษปรับทวีคูณ ปรับ 600 บาทจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์เช่นนี้การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุก 2 เดือน ปรับ 600 บาทแต่ยกโทษจำคุกเสียก็เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีพนัน: ข้อจำกัดด้านเวลาฟ้อง, ตัวการร่วม, และการลงโทษตามพยานหลักฐาน
เกี่ยวกับการกระทำผิดในคดีอาญาเล่นการพนันสลากกินรวบโจทก์บรรยายฟ้องว่าตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2496 ตลอดจนถึงวันที่30 กันยายน 2496 เวลากลางวันและกลางคืนแม้จะกล่าวเป็นเวลานานถึง 9 เดือนก็ตาม จำเลยก็พอเข้าใจข้อกล่าวหาได้ดีแล้ว นอกจากนั้นโจทก์ยังได้ยืนยันกล่าวว่าจำเลยได้ขายสลากประจำวันที่ 30 กันยายน 2496 อีกด้วย ดังนี้ฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
และในฟ้องของโจทก์ก็แสดงว่าจำเลยทุกคนเป็นตัวการกระทำผิดในคดีนี้ เมื่อข้อเท็จจริงโจทก์สืบได้สม แม้โจทก์มิได้อ้าง กฎหมายอาญา มาตรา 63 ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งหมดฐานเป็นตัวการได้ ไม่เป็นการพิจารณาเกินคำขอ
และในฟ้องของโจทก์ก็แสดงว่าจำเลยทุกคนเป็นตัวการกระทำผิดในคดีนี้ เมื่อข้อเท็จจริงโจทก์สืบได้สม แม้โจทก์มิได้อ้าง กฎหมายอาญา มาตรา 63 ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งหมดฐานเป็นตัวการได้ ไม่เป็นการพิจารณาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเพียงพอของฟ้องคดีพนัน: ไม่ต้องบรรยายวิธีเล่นละเอียด หากบรรยายการกระทำและสินพนันชัดเจน
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยสมคบกันเล่นการพนันสลากกินรวม พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นขึ้นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งจำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังหลบหนีอยู่ เป็นผู้เข้าเล่น ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.กาาพนันดังนี้ เป็นฟ้องที่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้วไม่จำเป็นจะต้องบรรยายวิธีเล่นโดยละเอียดอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10667/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบฟ้องคดีพนันและการพิพากษาโดยผู้พิพากษาคนเดียวชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.การพนันฯ โดยบรรยายฟ้องในตอนต้นว่าจำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบ พนันเอาทรัพยสินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต และโจทก์บรรยายฐานะของจำเลยผู้เล่นในตอนท้ายว่า โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.การพนันฯ มาตรา 12 ซึ่งครบองค์ประกอบความผิดตามมาตราที่ขอให้ลงโทษจำเลยแล้ว ส่วนผู้เล่นที่หลบหนีจะเป็นคนเดินโพยหรือผู้เล่น รวมทั้งชื่อผู้เล่นที่หลบหนีว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน เป็นคนไทยหรือต่างด้าว มิใช่องค์ประกอบความผิดที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้อง เมื่อจำเลยให้การับสารภาพตามฟ้อง แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาตามฟ้องได้ดีจึงมิใช่ฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิด
ข้อหาความผิดที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานเล่นการพนันสลากกินรวบ โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ตาม พ.ร.บ.การพนันฯ มาตรา 12 (1) มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของผู้พิพากษาคนเดียวในศาลชั้นต้นเป็นองค์คณะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 25 (5) แม้ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลจังหวัดจะต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองคนจึงเป็นองค์คณะที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 26 แต่บทบัญญัติดังกล่าวก็อยู่ภายใต้บังคับ มาตรา 25 ด้วย ดังนั้น คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิจารณาพิพากษาโดยลงชื่อผู้พิพากษาคนเดียว ลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน ซึ่งไม่เกิน 6 เดือน จึงเป็นคำพิพากษาที่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 25 (5) ประกอบมาตรา 26
ข้อหาความผิดที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานเล่นการพนันสลากกินรวบ โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ตาม พ.ร.บ.การพนันฯ มาตรา 12 (1) มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของผู้พิพากษาคนเดียวในศาลชั้นต้นเป็นองค์คณะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 25 (5) แม้ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลจังหวัดจะต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองคนจึงเป็นองค์คณะที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 26 แต่บทบัญญัติดังกล่าวก็อยู่ภายใต้บังคับ มาตรา 25 ด้วย ดังนั้น คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิจารณาพิพากษาโดยลงชื่อผู้พิพากษาคนเดียว ลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน ซึ่งไม่เกิน 6 เดือน จึงเป็นคำพิพากษาที่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 25 (5) ประกอบมาตรา 26