พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องชัดเจน จำเลยต้องรับผิดหนี้เบิกเกินบัญชี การจำนองเป็นประกันหนี้ ไม่ถือเป็นการชำระหนี้
คำฟ้องบรรยายว่าการเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 มีการขอเพิ่มวงเงินหลายครั้งรวมเป็นเงิน 700,000 บาท โดยมีที่ดินจำนองเป็นประกัน เมื่อครบกำหนดตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีแล้ว จำเลยที่ 1เป็นหนี้โจทก์อยู่เฉพาะต้นเงิน 334,207.57 บาท ฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งสามารถทำให้จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้คดีได้แล้ว ส่วนจะมีการหักทอนบัญชีกันอย่างไร ค้างชำระหนี้ค่าอะไร เป็นรายละเอียดที่โจทก์นำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ตามฟ้อง แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความตามฟ้องและตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ได้นำที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 จดทะเบียนจำนองให้กับโจทก์แล้วก็ตาม ก็จะถือว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ให้โจทก์และมิได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องหาได้ไม่ เพราะการจำนองดังกล่าวก็เพื่อเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 ที่มีอยู่ต่อโจทก์เท่านั้น เป็นคนละเรื่องกับการชำระหนี้ให้โจทก์ จำเลยที่ 2 มิได้ยื่นอุทธรณ์หรือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ขอให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3308/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานผลิตอาหารปลอมและปลอมเครื่องหมายการค้าเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ฟ้องชัดเจนครบถ้วน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบังอาจผลิตอาหารปลอม โดยผลิตซอสน้ำมันหอยที่ผสมปรุงแต่ง และทำขึ้นเทียมซอสน้ำมันหอยตราชาวประมงที่ อ.ผลิตทำขึ้น และทำออกจำหน่ายเป็นอาหารแท้อย่างนั้น ซอสน้ำมันหอยที่จำเลยผลิตขึ้นนั้นมีคุณภาพและมาตรฐานไม่ถูกต้องตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยมีจำนวนจุลินทรีย์เกินมาตรฐานที่กำหนด และใช้กรดเบนโซอิคเป็นวัตถุกันเสียเกินปริมาณกำหนด จนทำให้เกิดโทษและอันตรายแก่ผู้บริโภค และจำเลยได้นำอาหารที่ผลิตขึ้นนั้นแบ่งบรรจุขวด แล้วนำฉลากเครื่องหมายการค้าที่จำเลยทำปลอมขึ้นปิดที่ขวด เพื่อ ลวง หรือพยายามลวงผู้ซื้อให้เข้าใจผิดในเรื่องคุณภาพ ปริมาณ และประโยชน์ว่า อาหารดังกล่าวเป็นซอสน้ำมันหอยตราชาวประมงที่แท้จริงที่ อ.ผลิตขึ้น คำบรรยายฟ้องดังกล่าว จึงครบถ้วนตามความหมายของอาหารปลอม ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 27 (2), (5) และ (4) แล้ว และได้บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องที่สมบูรณ์.
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยผลิตอาหารโดยมีจำนวนจุลินทรีย์เกินกำหนดมาตรฐานและใช้กรดเบ็นโซอิคเป็นวัตถุกันเสียเกินปริมาณที่กำหนดจนทำให้เกิดโทษและอันตรายแก่ผู้บริโภคได้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ แม้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่ามีจำนวนจุลินทรีย์เท่าใดและใช้กรดเบ็นโซอิคจำนวนเท่าใดเพราะเป็นข้อเท็จจริงที่นำสืบได้ในชั้นพิจารณาเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ
ความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าตามประมวลกฎหมายอาญาและความผิดฐานผลิตอาหารปลอมตามพระราชบัญญัติอาหาร เป็นความผิดตามกฎหมายคนละฉบับและแยกจากกันได้ แม้จำเลยจะกระทำในเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรม
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยผลิตอาหารโดยมีจำนวนจุลินทรีย์เกินกำหนดมาตรฐานและใช้กรดเบ็นโซอิคเป็นวัตถุกันเสียเกินปริมาณที่กำหนดจนทำให้เกิดโทษและอันตรายแก่ผู้บริโภคได้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ แม้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่ามีจำนวนจุลินทรีย์เท่าใดและใช้กรดเบ็นโซอิคจำนวนเท่าใดเพราะเป็นข้อเท็จจริงที่นำสืบได้ในชั้นพิจารณาเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ
ความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าตามประมวลกฎหมายอาญาและความผิดฐานผลิตอาหารปลอมตามพระราชบัญญัติอาหาร เป็นความผิดตามกฎหมายคนละฉบับและแยกจากกันได้ แม้จำเลยจะกระทำในเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้: การบรรยายฟ้องที่ชัดเจนถึงเจตนาและพฤติกรรมการซ่อนเร้นทรัพย์สิน
โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาร่วมกันเพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้รับชำระหนี้ ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้อยู่แล้ว ข้อความดังกล่าวจำเลยที่ 3 ย่อมเข้าใจคำฟ้องได้ดีว่า โจทก์ได้อ้างว่าจำเลยที่ 3 รู้และได้กระทำไปโดยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 2 ต่อศาลอาญา และกำลังใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ฟ้องของโจทก์จึงครบองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 แล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 3 ปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินโดยกล่าวอ้างว่าเป็นของตน การซ่อนเร้นนั้นย่อมเข้าใจความหมายได้ชัดเจนดีอยู่แล้ว ส่วนจะกระทำด้วยวิธีอย่างใดเป็นเรื่องรายละเอียดซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 3 ปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินโดยกล่าวอ้างว่าเป็นของตน การซ่อนเร้นนั้นย่อมเข้าใจความหมายได้ชัดเจนดีอยู่แล้ว ส่วนจะกระทำด้วยวิธีอย่างใดเป็นเรื่องรายละเอียดซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ การบรรยายฟ้องที่ชัดเจนถึงเจตนาและพฤติการณ์ซ่อนเร้นทรัพย์สินเพียงพอต่อการดำเนินคดี
โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาร่วมกันเพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่1และที่2ได้รับชำระหนี้ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้อยู่แล้วข้อความดังกล่าวจำเลยที่3ย่อมเข้าใจคำฟ้องได้ดีว่าโจทก์ได้อ้างว่าจำเลยที่3รู้และได้กระทำไปโดยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่2ต่อศาลอาญาและกำลังใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ฟ้องของโจทก์จึงครบองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา350แล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่3ปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินโดยกล่าวอ้างว่าเป็นของตนการซ่อนเร้นนั้นย่อมเข้าใจความหมายได้ชัดเจนดีอยู่แล้วส่วนจะกระทำด้วยวิธีอย่างใดเป็นเรื่องรายละเอียดซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่3ปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินโดยกล่าวอ้างว่าเป็นของตนการซ่อนเร้นนั้นย่อมเข้าใจความหมายได้ชัดเจนดีอยู่แล้วส่วนจะกระทำด้วยวิธีอย่างใดเป็นเรื่องรายละเอียดซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีป่าไม้ และการวินิจฉัยฟ้องเคลือบคลุม: ป่าไม้, อายุความ 10 ปี, ฟ้องชัดเจน
ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 73พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 17 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท ฉะนั้นจึงต้องถืออายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3)
ฟ้องโจทก์ซึ่งบรรยายว่า "ฯลฯระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2506 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2507 ฯลฯ" ประกอบข้อความว่า"ฯลฯได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าบางน้ำจืดบางส่วนในท้องที่ตำบลบางสนอำเภอปทิว จังหวัดชุมพร เป็นป่าคุ้มครอง และจำเลยได้ทำลายป่า และตัดฟันไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติรวมเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 90 ตารางวา โดยมิได้รับอนุญาต ฯลฯ" ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องโจทก์ซึ่งบรรยายว่า "ฯลฯระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2506 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2507 ฯลฯ" ประกอบข้อความว่า"ฯลฯได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าบางน้ำจืดบางส่วนในท้องที่ตำบลบางสนอำเภอปทิว จังหวัดชุมพร เป็นป่าคุ้มครอง และจำเลยได้ทำลายป่า และตัดฟันไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติรวมเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 90 ตารางวา โดยมิได้รับอนุญาต ฯลฯ" ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานปลอมแปลงเอกสารเพื่อยืดอายุความ ศาลวินิจฉัยว่าฟ้องชัดเจน แม้ไม่ได้ระบุวันเวลาที่ปลอมแปลง
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า โจทก์ได้ทำสัญญากู้เงินจำเลยเมื่อ พ.ศ.2471 ครั้นจำเลยนำสัญญามาฟ้องกลับปลอม (แก้) เป็น พ.ศ.2473 เพื่อให้อายุความยืดออกไป ดังนี้เป็นฟ้องที่ชัดเจนพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่จำต้องกล่าวว่าจำเลยทำปลอมขึ้นเมื่อวัน เดือน ปี ใดและที่ไหน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2483
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษคดีเบิกความเท็จ: ฟ้องชัด-รับสารภาพเพียงพอ แม้ศาลสงสัยข้อสำคัญก็ไม่ต้องสืบเพิ่ม
คดีซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่ถึงสิบปี เมื่อฟ้องโจทก์ระบุความผิดไว้ชัดแจ้ง และจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลก็พิพากษาลงโทษจำเลยได้คดีเบิกความเท็จ ถ้าศาลสงสัยว่าคำเบิกความในคดีก่อนจะมิใช่ข้อสำคัญก็อาจเรียกสำนวนมาดูในฐานเป็นพะยานของศาลได้ตาม ประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 228
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: ฟ้องระบุชัดเจนหรือไม่ จำเลยเข้าใจข้อหาหรือไม่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดย+กำลังกายชกต่อพลตำรวจ+หนึ่ง (ระบุชื่อ) กับพวกเจ้าพนักงานดังนี้แม้ทางพิจารณาจะปรากฎว่า จำเลยชกต่อยถูกพลตำรวจอีกผู้หนึ่ง+มิได้ระบุชื่อในฟ้องก็ตามไม่เรียกว่า โจทก์ฟ้องเคลือบคลุมลงโทษจำเลยได้