คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องชิงทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2422/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความไม่สมบูรณ์ของฟ้องคดีชิงทรัพย์เนื่องจากขาดรายละเอียดเจ้าของทรัพย์และตัวบุคคลที่ถูกข่มขู่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี โดยมิได้บรรยายว่าทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายเป็นของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิดของกฎหมายดังกล่าว นอกจากนี้ฟ้องโจทก์ไม่ได้กล่าวถึงตัวบุคคลผู้ถูกจำเลยขู่เข็ญ และเป็นเจ้าของทรัพย์ไว้เลยถือได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีอีกด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2422/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องชิงทรัพย์ไม่สมบูรณ์ ขาดรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับตัวทรัพย์และผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์ตาม ป.อ.มาตรา 339 ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี โดยบรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันชิงทรัพย์ โดยใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธจี้และขู่เข็ญว่าถ้า ไม่ยอมจะฆ่าให้ตาย มิได้บรรยายว่าทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายเป็นของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสารสำคัญไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิดของบทกฎหมายดังกล่าว นอกจากนี้การที่ฟ้องโจทก์ไม่ได้กล่าวถึงตัวบุคคลผู้ถูกจำเลยใช้มีดจี้ ขู่เข็ญและเป็นเจ้าของทรัพย์ไว้เลย ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีอีกด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 158(5).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2422/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องชิงทรัพย์ไม่ชัดเจนขาดองค์ประกอบสำคัญ ศาลยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี โดยมิได้บรรยายว่าทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายเป็นของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิดของกฎหมายดังกล่าว นอกจากนี้ฟ้องโจทก์ไม่ได้กล่าวถึงตัวบุคคลผู้ถูกจำเลยขู่เข็ญ และเป็นเจ้าของทรัพย์ไว้เลยถือได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีอีกด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1433/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีชิงทรัพย์ที่ไม่ระบุชื่อเจ้าของทรัพย์ หากโจทก์บรรยายรายละเอียดอื่นครบถ้วน
ความผิดฐานลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ตามลักษณะของความผิดจะต้องเป็นทรัพย์ของผู้อื่น และโดยปกติฟ้องย่อมต้องระบุชื่อเจ้าของทรัพย์เพื่อจำเลยจะต่อสู้คดีได้ แต่กฎหมายก็มิได้บังคับเด็ดขาดว่าต้องระบุชื่อเจ้าของทรัพย์เสมอไปเช่นในกรณีที่ไม่อาจทราบตัวเจ้าของทรัพย์ที่แน่นอนได้ คำฟ้องเพียงแต่กล่าวไว้พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีก็เป็นการเพียงพอแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยชิงทรัพย์ โดยลักเอากระเป๋าสตางค์1 ใบ ราคา 50 บาท เงินสด 370 บาท .....ของหญิงไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 35 ปี ผู้เสียหายไปโดยทุจริต.....เป็นการบรรยายฟ้องที่มีข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้วคงขาดแต่ชื่อเจ้าของทรัพย์เท่านั้นแต่เมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วย่อมเป็นที่เข้าใจว่าทรัพย์ที่จำเลยลักเอาไปเป็นของผู้อื่น มิใช่เป็นทรัพย์ของจำเลยหรือเป็นทรัพย์ที่ไม่มีเจ้าของ ดังนี้ ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ระบุข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลและสิ่งของพอสมควรที่จำเลยจะต่อสู้คดีได้แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1433/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีชิงทรัพย์ที่ไม่ระบุชื่อเจ้าของทรัพย์
ความผิดฐานลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ตามลักษณะของความผิดจะต้องเป็นทรัพย์ของผู้อื่น และโดยปกติฟ้องย่อมต้องระบุชื่อเจ้าของทรัพย์เพื่อจำเลยจะต่อสู้คดีได้ แต่กฎหมายก็มิได้บังคับเด็ดขาดว่าต้องระบุชื่อเจ้าของทรัพย์เสมอไปเช่นในกรณีที่ไม่อาจทราบตัวเจ้าของทรัพย์ที่แน่นอนได้ คำฟ้องเพียงแต่กล่าวไว้พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีก็เป็นการเพียงพอแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยชิงทรัพย์ โดยลักเอากระเป๋าสตางค์1 ใบ ราคา 50 บาท เงินสด 370 บาท .....ของหญิงไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 35 ปี ผู้เสียหายไปโดยทุจริต.....เป็นการบรรยายฟ้องที่มีข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้วคงขาดแต่ชื่อเจ้าของทรัพย์เท่านั้นแต่เมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วย่อมเป็นที่เข้าใจว่าทรัพย์ที่จำเลยลักเอาไปเป็นของผู้อื่น มิใช่เป็นทรัพย์ของจำเลยหรือเป็นทรัพย์ที่ไม่มีเจ้าของ ดังนี้ ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ระบุข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลและสิ่งของพอสมควรที่จำเลยจะต่อสู้คดีได้แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยวิธีพิจารณาของฟ้องชิงทรัพย์ร่วมกับพวก ไม่ต้องระบุชื่อพวกและไม่ต้องอ้างมาตรา 63
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งที่ยังจับตัวไม่ได้สมคบกันชิงทรัพย์ ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 298299
ดังนี้ก็เป็นฟ้องที่ชอบด้วยวิธีพิจารณาแล้ว ไม่จำต้องอ้างบทมาตรา 63 เพราะได้อ้างมาตราที่บัญญัติว่าเป็นความผิดไว้แล้ว และไม่จำต้องระบุว่าพวกของจำเลยเป็นใคร