คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7621/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องหนี้ตามเช็ค: คดีไม่อยู่ในอำนาจศาลไม่ทำให้ขาดอายุความ
จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับ ลงวันที่14 และ 21 พฤศจิกายน 2527 โจทก์ได้เช็คพิพาทไว้ในครอบครองโดยรับซื้อลดจาก ธ. เช็คพิพาทลงวันออกเช็ควันที่ 14 และ 21 พฤศจิกายน 2527 เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทแล้ว โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ตามเช็ค วันที่ 12 กันยายน 2528 ภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันออกเช็คหรือวันที่ลงในเช็ค ฟ้องโจทก์ในคดีดังกล่าวจึงไม่ขาดอายุความ แม้ต่อมาศาลแพ่งธนบุรีพิพากษายกฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2529 เพราะคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลแพ่งธนบุรีที่จะพิจารณาพิพากษา กรณีจึงต้องด้วย ป.พ.พ.มาตรา176 เดิม โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2530 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำว่า คดีไม่อยู่ในอำนาจศาล ตาม ป.พ.พ.มาตรา 176เดิม มีความหมายรวมถึงเขตอำนาจศาลด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องหนี้โดยไม่ระบุวันทำสัญญา แต่ระบุเดือน/ปี และเหตุทำสัญญาหาย ไม่ถือเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องระบุเดือนและ พ.ศ.ที่จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์แล้วระบุว่า หนังสือกู้นั้นถูกพวกปล้นเก็บไป แม้ไม่ระบุวันวันที่กู้ ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาบางข้อ เมื่อผู้ฎีกาไม่อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลฎีกาก็รับวินิจฉัยเฉพาะข้อฎีกาที่ศาลเดิมสั่งรับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3784/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ของโจทก์ในการฟ้องหนี้, การวินิจฉัยนอกสำนวน, และขอบเขตการนำสืบพยานหลักฐาน
จำเลยสละข้อต่อสู้ตามคำให้การที่ว่าหนังสือสัญญากู้ยืมเป็นเอกสารปลอม คงเหลือข้อต่อสู้เพียงว่า จำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ ไม่เคยกู้ยืมเงิน และรับเงินไปจากโจทก์ คำให้การของจำเลยที่เหลือหลังจากสละข้อต่อสู้บางข้อแล้ว ยังคงเป็นคำให้การที่ปฏิเสธฟ้องโจทก์รวมทั้งเหตุแห่งการปฏิเสธชัดแจ้งเป็นคำให้การที่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ว่าจำเลยกู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทก์
โจทก์อ้างหนังสือสัญญากู้ยืมซึ่งมี ก. ลงชื่อในช่องผู้ให้กู้ โดยโจทก์ไม่ได้ลงชื่อ ศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้กู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทก์ เป็นการวินิจฉัยโดยอาศัยพยานหลักฐานในสำนวนคดีที่โจทก์นำสืบนั่นเอง หาเป็นการวินิจฉัยนอกสำนวนไม่ ที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยกู้ยืมเงินจาก ก. และศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกู้ยืมเงินจาก ก. เป็นการนำสืบและวินิจฉัยเพื่อเป็นการให้เหตุผลหรืออธิบายว่าจำเลยไม่ได้กู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทก์ จึงเป็นการนำสืบและวินิจฉัยอยู่ในกรอบของคำให้การที่ว่าจำเลยไม่ได้กู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องหนี้และการฟ้องบังคับจำนอง: สิทธิเรียกร้องขาดอายุความเมื่อฟ้องไม่บังคับจำนอง
ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคสามบัญญัติห้ามมิให้เจ้าหนี้ฟ้องบังคับตามสิทธิเรียกร้องอันมีต่อเจ้ามรดกเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่เมื่อเจ้าหนี้ได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก แม้บทกฎหมายหนี้จะอยู่ภายใต้บังคับของมาตรา 193/27 แห่ง ป.พ.พ. เป็นผลให้เจ้าหนี้จำนองยังคงมีสิทธิฟ้องบังคับชำระหนี้แม้ว่าสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานจะขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องเป็นกรณีที่เจ้าหนี้ฟ้องบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองเท่านั้น การที่โจทก์ฟ้องว่า บ. ร่วมกับจำเลยที่ 1 จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้เงินกู้ ต่อมา บ. ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เป็นทายาทโดยธรรมของ บ. ขอให้จำเลยทั้งสี่ชำระหนี้อันเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยมิได้ขอให้บังคับชำระหนี้จากที่ดินที่จำนอง จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ใช้สิทธิฟ้องเรียกให้ชำระหนี้เงินกู้อย่างเจ้าหนี้สามัญมิใช่ฟ้องบังคับจำนองถึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 193/27 ต้องนำอายุความ 1 ปี ตามมาตรา 1754 วรรคสาม มาใช้บังคับ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์รู้ถึงความตายของ บ. ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2548 แต่โจทก์ฟ้องคดีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 วันที่ 26 มกราคม 2550 พ้นกำหนด 1 ปี นับแต่โจทก์ได้รู้ถึงความตายของ บ. สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในหนี้เงินกู้อันเป็นหนี้ประธานจึงขาดอายุความ ดอกเบี้ยซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นอุปกรณ์ย่อมขาดอายุความด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/26 ฟ้องโจทก์ในส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จึงขาดอายุความแล้ว
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (1) บัญญัติให้สิทธิเรียกร้องในดอกเบี้ยค้างชำระนับย้อนหลังขึ้นไปตั้งแต่วันฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 5 ปี จึงเป็นอันขาดอายุความ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีวันที่ 26 มกราคม 2550 ดอกเบี้ยที่โจทก์เรียกร้องตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 ถึงวันที่ 25 มกราคม 2545 จึงเกิน 5 ปี และขาดอายุความแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องหนี้และการฟ้องบังคับจำนอง: การฟ้องเรียกชำระหนี้เงินกู้กับทายาทเมื่อเลยกำหนดอายุความ และการฟ้องบังคับจำนอง
ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคสามอยู่ใต้บังคับมาตรา 193/27 เป็นผลให้เจ้าหนี้จำนองยังคงมีสิทธิฟ้องบังคับชำระหนี้ แม้ว่าสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานจะขาดอายุความแล้ว แต่ก็ต้องเป็นกรณีที่เจ้าหนี้จำนองฟ้องบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนอง อันเป็นการบังคับตามทรัพยสิทธิเหนือทรัพย์สินนั้น แม้โจทก์กล่าวอ้างมาในคำฟ้องว่า บ. ร่วมกับจำเลยที่ 1 จำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ แต่โจทก์เพียงแต่ขอให้บังคับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ในฐานะทายาทโดยธรรมของ บ. ชำระหนี้อันเป็นตัวเงินคืนต้นเงินและดอกเบี้ย มิได้ขอให้บังคับชำระหนี้จากที่ดินที่จำนองจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ใช้สิทธิฟ้องเรียกให้ชำระหนี้เงินกู้อย่างเจ้าหนี้สามัญ มิใช่ฟ้องบังคับจำนอง กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 193/27 จึงต้องนำอายุความ 1 ปี ตามมาตรา 1754 วรรคสาม มาใช้บังคับแก่คดี
โจทก์ได้รู้ถึงความตายของ บ. ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2548 แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2550 ซึ่งพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่โจทก์ได้รู้ถึงความตายของ บ. สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในหนี้เงินกู้อันเป็นหนี้ประธานจึงขาดอายุความ ดอกเบี้ยซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นอุปกรณ์ย่อมเป็นอันขาดอายุความด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/26
ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (1) บัญญัติให้สิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยค้างชำระ มีกำหนดอายุความ 5 ปี สิทธิเรียกร้องในดอกเบี้ยค้างชำระที่พ้นกำหนดอายุความ 5 ปี นับย้อนหลังตั้งแต่วันฟ้องขึ้นไปจึงเป็นอันขาดอายุความ