พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4023/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบัตร: โอนสิทธิโดยไม่ชอบ เจ้าของสิทธิที่แท้จริงไม่อาจฟ้องเรียกค่าเสียหายได้จนกว่าจะมีสิทธิบัตร
ส. เป็นข้าราชการในมหาวิทยาลัยของรัฐ สิทธิขอรับสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์ซึ่งได้ประดิษฐ์ขึ้นในฐานะข้าราชการมหาวิทยาลัยดังกล่าวจึงมิใช่ของตน เมื่อ ส. โอนสิทธิไปให้โจทก์ โจทก์นั้นจึงไม่อาจอ้างความเป็นเจ้าของสิทธิในการขอรับสิทธิบัตรได้ ประกอบกับยังมีกรณีโต้แย้งเกี่ยวกับผู้มีสิทธิในการขอรับสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์พิพาทที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การฟ้องเรียกค่าเสียหายการละเมิดสิทธิบัตรต้องยื่นฟ้องต่อศาลหลังจากที่ได้มีการออกสิทธิบัตรให้แก่ผู้ขอรับสิทธิบัตรแล้ว
การฟ้องเรียกค่าเสียหายการละเมิดสิทธิบัตรต้องยื่นฟ้องต่อศาลหลังจากที่ได้มีการออกสิทธิบัตรให้แก่ผู้ขอรับสิทธิบัตรแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7238/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการและผลของคำพิพากษาโมฆะนิติกรรมต่อการฟ้องเรียกค่าภาษี
คดีก่อนจำเลยที่ 3 ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่อศาลจังหวัดปัตตานี ขอให้พิพากษาว่านิติกรรมเข้าหุ้นส่วนของจำเลยที่ 3 เป็นโมฆะและศาลจังหวัดปัตตานีพิพากษาว่านิติกรรมดังกล่าวเป็นโมฆะ คำพิพากษาดังกล่าวมิใช่คำพิพากษาเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคล หากแต่เกี่ยวด้วยนิติกรรมที่จำเลยที่ 3 กระทำ คำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่ ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคสอง (1)
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 3 รับผิดในฐานะที่เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 มิได้ฟ้องให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้ที่จะต้องเสียภาษีอากร ดังนั้น เจ้าพนักงานประเมินมีหน้าที่เพียงแต่หมายเรียก ตรวจสอบไต่สวน และ แจ้งการประเมินจำเลยที่ 1 ไปยังภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 เท่านั้น หาจำต้องส่งหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนและหนังสือแจ้งการประเมินไปให้จำเลยที่ 3 และผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นด้วยไม่ เมื่อโจทก์ออกหมายเรียกและแจ้งการประเมินให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดผู้ต้องเสียภาษีอากรแล้ว การหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนและแจ้งการประเมินของโจทก์จึงชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 3 รับผิดในฐานะที่เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 มิได้ฟ้องให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้ที่จะต้องเสียภาษีอากร ดังนั้น เจ้าพนักงานประเมินมีหน้าที่เพียงแต่หมายเรียก ตรวจสอบไต่สวน และ แจ้งการประเมินจำเลยที่ 1 ไปยังภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 เท่านั้น หาจำต้องส่งหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนและหนังสือแจ้งการประเมินไปให้จำเลยที่ 3 และผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นด้วยไม่ เมื่อโจทก์ออกหมายเรียกและแจ้งการประเมินให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดผู้ต้องเสียภาษีอากรแล้ว การหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนและแจ้งการประเมินของโจทก์จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7371/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้เช่าเรือต่อความเสียหาย และสิทธิในการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบุคคลภายนอก
เกี่ยวกับความรับผิดของผู้เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 562 นั้น หากความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เช่ามิใช่เกิดจากการใช้ทรัพย์สินโดยมิชอบ และมิใช่เป็นการกระทำของผู้เช่าหรือของบุคคลซึ่งอยู่กับผู้เช่า หรือของผู้เช่าช่วงผู้เช่าก็ไม่ต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่า ส่วนข้อตกลงรับผิดนอกเหนือจากนี้ที่มีระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าเป็นเรื่องที่บังคับได้ระหว่างคู่กรณีเท่านั้น ข้อตกลงดังกล่าวหาก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้เช่าในอันที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เช่าจากบุคคลภายนอกผู้ทำละเมิดไม่ บุคคลที่ต้องเสียหายและมีสิทธิได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการทำละเมิดต่อเรือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 คือเจ้าของเรือ โจทก์ซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าเรือดังกล่าวมาทำการรับขน จะฟ้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดแก่เรืออันมิใช่ความเสียหายที่เกิดจากการรับขนได้ก็แต่โดยอาศัยการรับช่วงสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226,227
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2164/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจที่ไม่เป็นสัญญาต่างตอบแทน และความไม่ชัดเจนของข้อตกลงค่าก่อสร้าง ทำให้ฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้
หนังสือมอบอำนาจที่จำเลยมอบอำนาจให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการจัดทำแบบแปลนและก่อสร้างอาคารพาณิชย์และตลาดสดของจำเลย มิได้มีข้อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้ออกเงินค่าก่อสร้างเป็นจำนวนเงินเท่าใดและโจทก์ในฐานะ ผู้รับมอบอำนาจจะได้รับค่าตอบแทนหรือผลประโยชน์อย่างใดบ้าง ใบมอบอำนาจดังกล่าวยังไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนคงถือได้ว่าเป็นหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์เป็นผู้ติดต่อประสานงานและเสนอขออนุมัติแบบแปลน แผนผัง การวางเงินมัดจำกับทางจังหวัดและกรมธนารักษ์เท่านั้น ส่วนการก่อสร้างอาคารพาณิชย์และตลาดสดจะได้มีการตกลงทำสัญญากันอีกต่างหาก
คำฟ้องของโจทก์บรรยายว่าโจทก์คิดค่าก่อสร้างแล้ว เมื่อหักค่าใช้จ่ายออกโจทก์จะมีกำไรเป็นจำนวนเงินดังกล่าวในฟ้องแต่ โจทก์ก็มิได้บรรยายว่าโจทก์จะคิดค่าก่อสร้างจากจำเลยโดยอาศัยข้อตกลงอะไร เมื่อโจทก์และจำเลยมิได้ทำสัญญากันไว้ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่แจ้งชัดพอที่จะฟังได้ว่าโจทก์ขาดประโยชน์เพราะอะไรและโจทก์จะมีกำไรจากการก่อสร้างอย่างไร โจทก์จึงขอให้จำเลยชดใช้ค่าขาดประโยชน์ดังกล่าวไม่ได้
คำฟ้องของโจทก์บรรยายว่าโจทก์คิดค่าก่อสร้างแล้ว เมื่อหักค่าใช้จ่ายออกโจทก์จะมีกำไรเป็นจำนวนเงินดังกล่าวในฟ้องแต่ โจทก์ก็มิได้บรรยายว่าโจทก์จะคิดค่าก่อสร้างจากจำเลยโดยอาศัยข้อตกลงอะไร เมื่อโจทก์และจำเลยมิได้ทำสัญญากันไว้ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่แจ้งชัดพอที่จะฟังได้ว่าโจทก์ขาดประโยชน์เพราะอะไรและโจทก์จะมีกำไรจากการก่อสร้างอย่างไร โจทก์จึงขอให้จำเลยชดใช้ค่าขาดประโยชน์ดังกล่าวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพักงานและการฟ้องเรียกค่าเสียหายก่อนสิทธิเกิด: โจทก์ต้องดำเนินการให้สิทธิเกิดก่อนจึงฟ้องได้
โจทก์ถูกกล่าวหาว่าทุจริต และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจึงมีคำสั่งพักงานโจทก์เพื่อรอฟังผลของคดี สำหรับคดีอาญา ศาลพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด ส่วนคดีแพ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ดังนี้ โจทก์จึงเป็นผู้สุจริตและไม่มีมลทินมัวหมองการสอบสวนเป็นอันสิ้นสุดเพราะตามข้อบังคับ ฯ จำเลยไม่มีอำนาจพักงานเพื่อรอฟังผลในคดีแพ่ง โจทก์จึงมีสิทธิกลับเข้าทำงานดังเดิม มีสิทธิได้รับค่าจ้างในระหว่างพักงานมีสิทธิขอลาออกและมีสิทธิขอให้จำเลยพิจารณาการลาออก แต่ขณะที่พิพาทเป็นคดีนี้โจทก์หาได้กลับเข้าทำงานไม่ และยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ลาออก ก็กลับมาฟ้องเสียก่อนว่าโจทก์ได้กลับเข้าทำงานแล้ว และได้รับอนุมัติให้ลาออกแล้ว มีสิทธิได้รับเงินต่าง ๆ ในระหว่างถูกพักงาน และเงินต่าง ๆ ที่จะได้หลังจากลาออกแล้ว ซึ่งเป็นการฟ้องก่อนสิทธิเกิดขึ้น ชั้นนี้โจทก์พึงดำเนินการตามสิทธิต่าง ๆ นั้นให้เรียบร้อยก่อน จึงจะมีอำนาจฟ้องคดีนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีชั่วคราวเมื่อลูกหนี้ฟ้องเจ้าหนี้เรียกค่าเสียหาย: ศาลไม่อนุญาตอุทธรณ์ดุลพินิจ
จำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลที่ให้จำเลยชำระเงินตามคำพิพากษาแก่โจทก์ภายใน30วันโดยอ้างว่าได้ยื่นฟ้องโจทก์ไว้เป็นอีกคดีหากชนะคดีดังกล่าวก็อาจหักกลบลบหนี้กันได้ขอให้รอคดีไว้ฟังผลคดีดังกล่าวดังนี้เป็นเรื่องของจำเลยในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้งดการบังคับคดีเมื่อศาลแรงงานกลางเห็นว่าไม่อาจหักกลบลบหนี้กันได้ให้ออกหมายบังคับคดีจึงเป็นการใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้งดการบังคับคดีจำเลยจะอุทธรณ์ดุลพินิจดังกล่าวไม่ได้เพราะเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯมาตรา54.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4446-4449/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การประเมินความประมาท, การแบ่งความรับผิด และข้อยกเว้นการฟ้องเรียกค่าเสียหาย
รถของโจทก์ที่ 1 ชนกับรถของจำเลยที่ 2 แม้ส.คนขับรถ ของโจทก์ที่ 1 จะขับรถโดยประมาทเลินเล่อด้วยแต่โจทก์ที่ 4 เป็นเพียงนั่งโดยสารมากับรถของโจทก์ที่1 คันเกิดเหตุมิได้มีส่วน ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นด้วยจำเลยทั้งสามจึงต้องรับผิดชดใช้ ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ที่ 4 เต็มจำนวนโดยไม่อาจแบ่ง ความรับผิดให้แก่โจทก์ที่ 4 ได้ และปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้โจทก์ที่ 4 จะไม่ได้ยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเพื่อความเป็นธรรมแก่โจทก์ที่ 4ได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ารถของโจทก์ที่ 1 ชนกับรถของจำเลยที่ 2 เพราะส. ซึ่งเป็นคนขับรถของโจทก์ที่ 1และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็น คนขับรถของจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทเลินเล่อด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่จำเลยที่ 1เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อมากกว่ากรณีเช่นนี้ จำเลยที่2 ซึ่งเป็นฝ่ายผิดมากกว่าก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องให้โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็น ฝ่ายผิดน้อยกว่าให้รับผิดในความเสียหายของจำเลยที่ 2 ได้ ปัญหาดังกล่าวนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนซึ่ง ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ารถของโจทก์ที่ 1 ชนกับรถของจำเลยที่ 2 เพราะส. ซึ่งเป็นคนขับรถของโจทก์ที่ 1และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็น คนขับรถของจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทเลินเล่อด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่จำเลยที่ 1เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อมากกว่ากรณีเช่นนี้ จำเลยที่2 ซึ่งเป็นฝ่ายผิดมากกว่าก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องให้โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็น ฝ่ายผิดน้อยกว่าให้รับผิดในความเสียหายของจำเลยที่ 2 ได้ ปัญหาดังกล่าวนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนซึ่ง ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายต้องมีข้อโต้แย้งสิทธิระหว่างโจทก์จำเลยก่อน หากไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง
ฟ้องโจทก์ได้ความแต่เพียงว่า เขตที่ดินตามโฉนดที่1498ของจำเลยไม่ถึงหลักเขตที่ปรากฏอยู่ และไม่ถึงเขตสุขาภิบาลใช้เป็นจุดวัดทางสาธารณะ การใช้จุดวัดดังกล่าวนี้ไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้การรังวัดจากหลักเขตดังกล่าวรุกล้ำเข้าไปในทางสาธารณะ ทำให้ทางสาธารณะที่คั่นอยู่ระหว่างที่ดินโจทก์จำเลยร่นเข้าไปอยู่ในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเป็นการบรรยายถึงการกระทำของบุคคลอื่นอันมีผลให้กระทบกระเทือนถึงที่ดินของโจทก์ หาได้มีข้อความที่เกี่ยวกับจำเลยว่าได้กระทำการอันใดที่ทำให้ทางสาธารณะเข้าไปอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ หรือทำให้โจทก์เสียหายไม่ต้องถือว่ายังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นระหว่างโจทก์จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการแย่งทำนา หลังคดีเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินยังไม่สิ้นสุด ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า ป. ทำพินัยกรรมยกที่นาพิพาทให้โจทก์จำเลยไปขอรับมรดกที่นารายนี้ โดยแจ้งเท็จว่าจำเลยยังเป็นภริยาของ ป. อยู่ เจ้าพนักงานหลงเชื่อ ได้โอนนาพิพาทให้เป็นของจำเลยขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่านิติกรรมโอนมรดกที่นาพิพาทเป็นโมฆะและเพิกถอนเสีย และพิพากษาแสดงว่าโจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองตามส่วนในพินัยกรรม คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ว่า โจทก์จะทำนาในที่พิพาทซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วว่าเป็นของโจทก์ จำเลยไม่ยอมให้ทำ และจำเลยเข้าแย่งทำนาเสียทั้งหมด ขอให้บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ ฟ้องคดีเรื่องใหม่เป็นฟ้องอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก หาใช่เป็นเรื่องเดียวกันกับฟ้องในคดีก่อนไม่ จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19/2515)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกค่าเสียหายผลมะม่วงหลังมีคำพิพากษาเรื่องเขตแดน ไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาชี้ขาดไปตามสัญญาประนีประนอมและคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างที่ดินของโจทก์และจำเลยจำเลยจะโต้เถียงว่าต้องแบ่งแนวเขตเป็นอย่างอื่นให้ผิดไปจากคำพิพากษาตามยอมหาได้ไม่
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินตรงที่ติดต่อกันในประเด็นที่ว่า มีอาณาเขตอยู่ตรงไหน จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แต่ในคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าศาลได้พิพากษาชี้ขาดคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 แล้วว่า ให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นแนวเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลย ต้นมะม่วงที่เป็นแนวเขตจึงเป็นของโจทก์ จำเลยเก็บผลมะม่วงนั้นไป ต้องชดใช้ค่าผลมะม่วงให้โจทก์ประเด็นในคดีนี้เป็นคนละประเด็นกับคดีแพ่งแดงที่ 295/2510กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินตรงที่ติดต่อกันในประเด็นที่ว่า มีอาณาเขตอยู่ตรงไหน จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แต่ในคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าศาลได้พิพากษาชี้ขาดคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 แล้วว่า ให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นแนวเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลย ต้นมะม่วงที่เป็นแนวเขตจึงเป็นของโจทก์ จำเลยเก็บผลมะม่วงนั้นไป ต้องชดใช้ค่าผลมะม่วงให้โจทก์ประเด็นในคดีนี้เป็นคนละประเด็นกับคดีแพ่งแดงที่ 295/2510กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง