พบผลลัพธ์ทั้งหมด 32 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5395/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ศาลฎีกายกฟ้อง แม้กระบวนการพิจารณาเสร็จสิ้น
โจทก์มิได้ลงลายมือชื่อไว้ในฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) แต่การที่จะสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องหรือไม่ประทับฟ้องตามมาตรา 161 วรรคหนึ่ง นั้น ก็ล่วงเลยเวลาที่จะปฏิบัติได้ เพราะศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาจนเสร็จสิ้นแล้ว ศาลฎีกาไม่อาจพิจารณาฟ้องของโจทก์ได้ จึงไม่วินิจฉัยฎีกาของจำเลยและพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2819/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดอย่างชัดเจน มิใช่แค่โต้แย้งว่าฟ้องไม่ถูกต้อง
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่1และที่3ระบุว่าจำเลยที่1และที่3ได้ชำระค่าเช่าซื้อและค่าเสียหายให้แก่โจทก์ไปบางส่วนแล้วหากจำเลยที่1และที่3มีโอกาสต่อสู้คดีแล้วย่อมทำให้ผลของคำพิพากษาคดีเปลี่ยนแปลงไปเพราะจำเลยที่1และที่3มิได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องอีกทั้งค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องเกินความจริงเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไม่เต็มตามฟ้องข้ออ้างของจำเลยที่1และที่3ที่ว่าหากจำเลยที่1และที่3มีโอกาสต่อสู้คดีแล้วย่อมทำให้ผลของคำพิพากษาคดีเปลี่ยนแปลงไปเพราะจำเลยที่1และที่3มิได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจึงเป็นเพียงข้อโต้เถียงว่าฟ้องของโจทก์ไม่ถูกต้องแต่ไม่ได้แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องในส่วนใดอย่างไรดังนั้นคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่1และที่3ถือไม่ได้ว่าได้แสดงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้งจึงเป็นคำขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2591/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเพิกถอน นส.3 ต้องฟ้องบุคคลภายนอกที่มีสิทธิเกี่ยวข้องด้วย มิฉะนั้นถือเป็นการฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
โจทก์เป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาท ต่อมาจำเลยได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจดทะเบียนโอนขายให้ ต.ในวันเดียวกัน ต. จดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทแก่ธนาคาร ก.ดังนั้น ผู้โต้แย้งสิทธิและผู้ทำนิติกรรมเกี่ยวกับการเพิกถอนการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินพิพาทนอกจากจำเลยแล้วยังมีเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอ ต. และธนาคาร ก.ด้วย การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเพียงคนเดียวซึ่งไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทแล้วโดยมิได้ฟ้องหรือเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นคู่ความด้วยแต่โจทก์กลับขอให้ศาลเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์และนิติกรรมดังกล่าวเป็นการขอให้ศาลพิพากษากระทบถึงสิทธิของบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความในคดี ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 โจทก์มิอาจฟ้องบังคับได้ ชอบที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาที่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์เป็นฟ้องไม่ถูกต้อง ศาลฎีกายกฟ้อง
ฟ้องที่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลฎีกา ย่อมล่วงเลยเวลาที่จะให้แก้ไขเสียแล้ว ศาลฎีกาจึงพิพากษายกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3096/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีอาญาไม่ระงับ แม้ศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่ถูกต้องตามรูปแบบ
คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์เนื่องจากโจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อในฟ้องเท่ากับว่าศาลยังมิได้พิจารณาเรื่องที่โจทก์ฟ้อง ยังถือไม่ได้ว่าศาลได้พิพากษาในความผิดที่โจทก์ฟ้อง สิทธิในการฟ้องคดีของโจทก์จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3096/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีอาญาไม่ระงับ แม้ศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่ถูกต้องตามรูปแบบ (ไม่มีลายมือชื่อ) โจทก์ยังฟ้องซ้ำได้
คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์เนื่องจากโจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อในฟ้องเท่ากับว่าศาลยังมิได้พิจารณาเรื่องที่โจทก์ฟ้อง ยังถือไม่ได้ว่าศาลได้พิพากษาในความผิดที่โจทก์ฟ้อง สิทธิในการฟ้องคดีของโจทก์จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: สถานที่เกิดเหตุสำคัญในการฟ้อง หากขาดรายละเอียด ถือเป็นฟ้องไม่ถูกต้อง
สถานที่เกิดเหตุเป็นสารสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวบรรยายมาในฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง เพราะฟ้องโจทก์ขาดรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เกิดการกระทำผิด ย่อมเห็นได้อยู่ในตัวแล้วว่า การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้องไม่ปรากฏแน่ชัดว่าจำเลยได้กระทำผิด ณ สถานที่ใด จึงถือว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิด ซึ่งได้ฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไป แม้โจทก์จะยื่นฟ้องใหม่ก่อนอุทธรณ์คดีนั้น ก็ไม่ทำให้เกิดสิทธิที่จะฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาซ้ำ: การขาดรายละเอียดเวลากระทำผิดทำให้ฟ้องไม่ถูกต้อง และไม่อาจฟ้องซ้ำได้
เวลากระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์ต้องกล่าวในฟ้อง และเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำเมื่อศาลพิพากษายกฟ้องคดีก่อนเพราะฟ้องโจทก์ไม่ระบุเวลากระทำผิด จึงได้ชื่อว่าได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) โจทก์ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยอีก (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1576/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน: ฟ้องขาดองค์ประกอบความผิด หากเจ้าพนักงานนั้นไม่มีหน้าที่สอบสวนวินัย
ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนทางวินัย โดยเจตนาให้โจทก์ต้องถูกลงโทษทางวินัยแต่ระบุฟ้องว่าจำเลยแจ้งต่อ ส. ปลัดจังหวัด เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองไม่ปรากฏว่า ส. เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนโจทก์ทางวินัยแต่อย่างใด ฟ้องโจทก์จึงขาดสารสำคัญแห่งความผิดอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 137
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดแจ้งความเท็จต้องระบุเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนชัดเจน หากฟ้องไม่ชัดเจนถือเป็นฟ้องไม่ถูกต้อง
ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนทางวินัย โดยเจตนาให้โจทก์ต้องถูกลงโทษทางวินัยแต่ระบุฟ้องว่าจำเลยแจ้งต่อ ส. ปลัดจังหวัดเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองไม่ปรากฏว่า ส. เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนโจทก์ทางวินัยแต่อย่างใด ฟ้องโจทก์จึงขาดสารสำคัญแห่งความผิดอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 137