คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ภัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5334/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตนเองจากการถูกทำร้าย: การกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
จำเลยไม่มีสาเหตุกับผู้ตายเมื่อ อ.ซึ่งถูกผู้ตาย ไล่ฟันวิ่งมาหลบอยู่หลังจำเลยและผู้ตายตามมาฟัน อ. จำเลยพูดกับผู้ตายว่าจำเลยไม่เกี่ยวข้องนั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้เข้าช่วยเหลือ อ. ไม่ได้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ระหว่างอ.กับผู้ตาย ทั้งไม่ได้สมัครใจเข้าต่อสู้กับผู้ตายแต่อย่างใด
ผู้ตายตามมาฟัน อ.ซึ่งวิ่งมาหลบอยู่หลังจำเลย เมื่อ อ.หลบหนีไปแล้ว ผู้ตายใช้มีดฟันถูกบริเวณแก้มซ้ายของจำเลย แสดงว่าผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนโดยใช้มีดฟันถูกจำเลย จำเลยเข้าแย่งมีดได้จากผู้ตาย ผู้ตายกับพวกจะเข้ามาทำร้ายจำเลยอีก จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายหนึ่งครั้งแล้ววิ่งหนีไป เช่นนี้ฟังได้ว่าภัยที่เกิดขึ้นแก่จำเลยยังมีอยู่ การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไปเพียงหนึ่งครั้ง จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุตาม ป.อ. มาตรา 68 ไม่เป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา288

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5334/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวที่พอสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกทำร้ายก่อนและภัยยังคงมีอยู่
จำเลยไม่มีสาเหตุกับผู้ตายเมื่อ อ. ซึ่งถูกผู้ตาย ไล่ฟันวิ่งมาหลบอยู่หลังจำเลยและผู้ตายตามมาฟัน อ. จำเลยพูดกับผู้ตายว่าจำเลยไม่เกี่ยวข้องนั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้เข้าช่วยเหลือ อ.ไม่ได้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ระหว่างอ.กับผู้ตาย ทั้งไม่ได้สมัครใจเข้าต่อสู้กับผู้ตายแต่อย่างใด ผู้ตายตามมาฟัน อ.ซึ่งวิ่งมาหลบอยู่หลังจำเลยเมื่ออ.หลบหนีไปแล้ว ผู้ตายใช้มีดฟันถูกบริเวณแก้มซ้ายของจำเลย แสดงว่าผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนโดยใช้มีดฟันถูกจำเลย จำเลยเข้าแย่งมีดได้จากผู้ตาย ผู้ตายกับพวกจะเข้ามาทำร้ายจำเลยอีก จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายหนึ่งครั้งแล้ววิ่งหนีไป เช่นนี้ฟังได้ว่าภัยที่เกิดขึ้นแก่จำเลยยังมีอยู่ การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไปเพียงหนึ่งครั้ง จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2388/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันสิทธิเกินสมควรแก่เหตุ: การแทงเพื่อป้องกันตัวจากการทำร้าย และการช่วยเหลือเพื่อป้องกันภัย
โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 เป็นสามีภรรยากันแต่หย่าขาดจากกันแล้ว จำเลยที่ 2 เป็นพี่สาวจำเลยที่ 1 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ไปซื้อของในตลาดสดได้พบกับโจทก์ร่วม ส่วนจำเลยที่ 2 นั่งทอดขนมอยู่ในตลาดสดนั้น โจทก์ร่วมหมิ่นประมาทรังแกและทำร้ายจำเลยที่ 1 โดยพูดว่าจำเลยที่ 1 เล่นชู้ จำเลยที่ 1 พูดว่าอย่าพูดมาก โจทก์ร่วมเข้ากอดจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ผลักโจทก์ร่วมออกไปและว่ากล่าวโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมกลับมาจับนมจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงตบหน้าโจทก์ร่วม 1 ที แล้วโจทก์ร่วมตบหน้าจำเลยที่ 1 ทั้งสองข้าง และเตะที่ชายโครง สะโพก และขา จำเลยที่ 1 ล้ม โจทก์ร่วมดึงผมจำเลยที่ 1 ให้ลุกขึ้นใช้เข่ากระแทกบริเวณหน้าท้อง จำเลยที่ 1 จึงใช้มีดซึ่งอยู่ในถุงย่ามที่สะพายติดตัวมาแทงโจทก์ร่วม ปรากฎว่าจำเลยที่ 1 เป็นหญิงสูงเพียง 150 เซนติเมตรโจทก์ร่วมสูง 170 เซนติเมตร หนัก 62 กิโลกรัม สูงใหญ่กว่าจำเลยที่ 1 มากไม่มีหนทางที่จำเลยที่ 1 จะต่อสู้กับโจทก์ร่วมได้เลย การที่จำเลยที่ 1 ใช้มีดซึ่งอยู่ในถุงย่ามที่สะพายติดตัวมาแทงโจทก์ร่วมเพื่อมิให้โจทก์ร่วมทำร้ายจำเลยที่ 1 จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการที่ถูกโจทก์ร่วมประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่การที่จำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงโจทก์ร่วมถึง 3 ครั้ง ตรงอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย และบาดแผลที่หน้าท้องและที่ด้านข้างลำตัวด้านซ้ายมือ เลือดจากกล้ามเนื้อหน้าท้องไหลลงไปในช่องท้องประมาณ 1,500 ซี.ซี. ซึ่งแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลลงความเห็นว่าหากบำบัดรักษาไม่ทันอาจทำให้ถึงตายได้เนื่องจากเสียเลือดมาก จึงเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ จำเลยที่ 1 ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าโจทก์ร่วมโดยป้องกันสิทธิของตนเกินสมควรแก่เหตุตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และ มาตรา 69
จำเลยที่ 2 เข้าไปช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ในขณะที่โจทก์ร่วมกำลังทำร้ายจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 หยิบไม้ฟืนที่เป็นเชื้อเพลิงใช้ทำขนมซึ่งวางอยู่ใกล้ตัวตีโจทก์ร่วมไปเพียงครั้งเดียวและไม่เลือกว่าที่ส่วนไหนของร่างกายเพื่อป้องกันมิให้โจทก์ร่วมทำร้ายจำเลยที่ 1 เมื่อตีแล้วก็โยนไม้ทิ้งและนั่งขายขนมฝักบัวต่อไป ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำไปโดยฉับพลันทันทีเพื่อป้องกันจำเลยที่ 1 ให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2180/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวที่เกินสมควรแก่เหตุ: การพิจารณาความจำเป็นในการใช้กำลังเพื่อป้องกันภัย
ผู้ตายรูปร่างแข็งแรงใหญ่โตกว่าจำเลย มีนิสัยเกเรและชอบพกอาวุธปืน แต่วันเกิดเหตุไม่มีใครเห็นผู้ตายชักอาวุธปืนออกมาเพื่อจะยิงจำเลย การที่จำเลยถูกผู้ตายชกต่อยล้มลงแล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายที่ท้องหนึ่งนัด เป็นการทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บหมดโอกาสทำร้ายจำเลยได้อีก เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุแต่เมื่อถูกยิงแล้วผู้ตายงอตัวก้มศีรษะลงเพราะพิษกระสุนนัดแรกผู้ตายย่อมไม่อยู่ในสภาพที่จะทำร้ายจำเลยได้อีก การที่จำเลยยิงผู้ตายอีกหนึ่งนัดถูกท้ายทอยผู้ตาย จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในเหตุป้องกัน: การยิงป้องกันภัยที่เกินกว่าเหตุ และความรับผิดทางอาญา
จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุ ผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองตามสมควรแก่เหตุ: ความเข้าใจผิดในสถานการณ์เสี่ยงภัย
จำเลยผู้เดียวนอนเฝ้ากระบือและเครื่องสูบน้ำที่ห้างนา ในท้องที่ที่มีการปล้นการลักกันเสมอ ตกใจตื่นโดยได้ยินเสียงก๊อกแก๊กทางปลายเท้า เห็นเงาคนดำๆ ห่าง 1 วาเศษเข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะมาทำการปล้น จึงใช้ปืนยิงไป1 นัด ถูกผู้นั้นตาย ในขณะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนร้าย ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ การต่อสู้ และการพิจารณาความจำเป็นในการกระทำเพื่อป้องกันภัย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 251,55 จำคุกจำเลย 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 249,53 จำคุก 2 ปี ดังนี้เป็นแก้มาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ผู้ตายไล่ตามจะทำร้ายจำเลยเข้าไปในห้องผู้มีชื่อ แล้วมีการต่อสู้กัน จำเลยแทงผู้ตาย 5 แห่ง ดังนี้เป็นการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุคดีเข้ามาตรา 249,53 (ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวในภาวะฉุกเฉิน: การแทงเพื่อป้องกันภัยจากบุคคลที่บุกรุกเข้ามาในบ้าน
ผู้ตายห้อยโหนลงมาจากหน้าต่างเรือนของจำเลยในเวลาดึกดื่น (ผู้ตายกับพี่สาวจำเลยผูกสมัครรักใคร่กัน) ทั้งเป็นเวลาเดือนมืดและได้ลงมายืนประจันหน้ากับจำเลย พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้จำเลยเข้าใจว่าผู้ที่ยืนอยู่นั้นเป็นขโมยขึ้นลักทรัพย์และอาจทำร้ายจำเลย และไม่รู้ได้ว่าผู้นั้นไม่มีอาวุธร้ายแรงที่พอจะทำลายชีวิตจำเลยได้
เมื่อจำเลยแทงผู้ที่ยืนประจันหน้าไปเสียก่อน เช่นนี้ย่อมเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตน อนึ่งแม้จะแทงโดยแรงโดยอาจแลเห็นผลว่าจะทำให้ผู้นั้นถึงตายได้ก็ตามก็เป็นการกระทำในเวลาฉุกเฉิน จึงไม่เป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ เป็นการกระทำที่ได้รับยกเว้นอาญาตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัว: การกระทำเพื่อป้องกันภัยจากการประทุษร้ายที่เกิดขึ้นก่อน
ผู้ตายไปทวงเงินจำเลย ๆ ว่ายังไม่มี ผู้ตายก็ลงเรือนไปแล้ว เรียกให้จำเลยลงไปด้วย จำเลยก็ลงไปตามที่ผู้ตายเรียก และได้เกิดการทำร้ายขึ้น โดยผู้ตายได้ใช้ไม้ตีจำเลย 2 ทีก่อน จนไม้หักแล้วยังหยิบไม้อีกอันหนึ่งจะตีซ้ำเติมอีก จำเลยจึงแทงไปแต่เพียงทีเดียวผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุและการช่วยเหลือเพื่อป้องกันภัย
การกระทำที่เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ