พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะกับการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นคนละกรณีกัน ฎีกาชี้ว่าการป้องกันต้องเกิดขณะที่ภัยใกล้ถึง แต่การกระทำด้วยโทสะอาจเกิดขึ้นหลังภัยผ่านพ้นไปได้
การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่อาจเป็นทั้งการกระทำโดยบันดาลโทสะและป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายในขณะเดียวกันได้ เนื่องจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ผู้กระทำจะใช้สิทธิป้องกันได้จะต้องเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง และขณะใช้สิทธิป้องกันภยันตรายนั้นยังมิได้สิ้นสุดลงหากภยันตรายนั้นผ่านพ้นไปแล้วผู้กระทำก็ไม่อาจใช้สิทธิป้องกันได้ อย่างไรก็ดี ภยันตรายดังกล่าวแม้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมอย่างหนึ่ง หากผู้ถูกข่มเหงได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นคือในระยะเวลาต่อเนื่องที่ตนยังมีโทสะอยู่ ย่อมถือว่าเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ การที่ผู้ตายเข้าไปหาจำเลยแล้วเตะสำรับกับข้าวที่จำเลยกับภรรยานั่งรับประทานอยู่ แม้จะเป็นการกระทำที่ผู้ตายมีเจตนาทำให้เสียทรัพย์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นอันถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายก็ตาม แต่จำเลยก็หาได้กระทำสิ่งใดเป็นการตอบโต้ ผู้ตายในขณะผู้ตายเตะสำรับกับข้าวของจำเลยไม่ ต่อเมื่อผู้ตายร้องเรียกจำเลยให้เข้ามาต่อสู้กันพร้อมทั้งด่าจำเลยจำเลยเกิดโทสะจึงเข้าต่อสู้กับผู้ตาย เมื่อสู้ไม่ได้เพราะตัวเล็กกว่า จำเลยจึงวิ่งไปหยิบมีดมาแทงผู้ตายการกระทำของจำเลยต่อผู้ตายเป็นการกระทำเมื่อภยันตรายดังกล่าวที่ผู้ตายก่อได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่การกระทำของผู้ตายก็ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไปในขณะนั้นคือในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกับที่จำเลยยังมีโทสะอยู่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ หาใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายด้วยในขณะเดียวกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายจากการถูกทำร้าย ผู้กระทำต้องได้รับการป้องกันภัยใกล้จะถึง
จำเลยและผู้ตายต่างไปเที่ยวในงานวัด แล้วเกิดเรื่องท้าทายจนเกือบจะชกต่อยกันแต่มีคนห้ามจึงเลิกรากันไปตอนหนึ่ง ต่อมาผู้ตายกับพวกเดินเที่ยวเตร่พบจำเลยที่หน้าโรงครัวในงานนั้นผู้ตายเข้าชกจำเลยก่อนถูกที่หน้าอก 1 ที จำเลยเดินหนีเข้าโรงครัวหยิบมีดที่ใช้หั่นผักผู้ตายตามเข้าไปจำเลยร้องห้าม อย่าเข้าไป แล้วเดินไปทางตะวันออกผู้ตายตามไปเงื้อมีดจะแทง จำเลยจึงแทงผู้ตายไป 1 ที โดยถือมีดเหวี่ยงไปข้างหลังถูกผู้ตายเซและล้มลง ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย