พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5400/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ในคดีแย่งคืนที่ดิน: โจทก์ต้องพิสูจน์การมอบที่ดินให้ทำกินต่างดอกเบี้ย
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าโจทก์มอบที่ดินให้จำเลยทั้งสองทำกินต่างดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า โจทก์ขายที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองแล้ว ถือว่าจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธโดยมิได้ตั้งประเด็นขึ้นมาใหม่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ขายที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้นเป็นเพียงเหตุผลของการปฏิเสธเท่านั้น โจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนข้ออ้างตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่า โจทก์มอบที่ดินให้จำเลยทั้งสองทำกินต่างดอกเบี้ย ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของจำเลยทั้งสองที่จะต้องนำสืบพิสูจน์ว่าลายมือชื่อของผู้ขายในหนังสือสัญญาขายที่ดินเป็นของโจทก์
อ.เป็นผู้พิมพ์หนังสือสัญญาขายที่ดินและเป็นผู้จดทะเบียนซื้อขายที่พิพาทย่อมเป็นพยานบุคคลที่ได้เห็นหรือทราบข้อความเกี่ยวกับเรื่องที่จะเบิกความเป็นพยานนั้นโดยตรง จึงเป็นประจักษ์พยาน ไม่ใช่พยานชั้นสอง
อ.เป็นผู้พิมพ์หนังสือสัญญาขายที่ดินและเป็นผู้จดทะเบียนซื้อขายที่พิพาทย่อมเป็นพยานบุคคลที่ได้เห็นหรือทราบข้อความเกี่ยวกับเรื่องที่จะเบิกความเป็นพยานนั้นโดยตรง จึงเป็นประจักษ์พยาน ไม่ใช่พยานชั้นสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5400/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ในคดีที่ฟ้องแย่งคืนที่ดิน: โจทก์ต้องพิสูจน์ข้ออ้างการมอบที่ดินให้ทำกินต่างดอกเบี้ย ไม่ใช่จำเลย
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าโจทก์มอบที่ดินให้จำเลยทั้งสองทำกินต่างดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า โจทก์ขายที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองแล้ว ถือว่าจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธโดยมิได้ตั้งประเด็นขึ้นมาใหม่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ขายที่พิพาทให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้นเป็นเพียงเหตุผลของการปฏิเสธเท่านั้น โจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนข้ออ้างตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่า โจทก์มอบที่ดินให้จำเลยทั้งสองทำกินต่างดอกเบี้ย ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของจำเลยทั้งสองที่จะต้องนำสืบพิสูจน์ว่าลายมือชื่อของผู้ขายในหนังสือสัญญาขายที่ดินเป็นของโจทก์ อ. เป็นผู้พิมพ์หนังสือสัญญาขายที่ดินและเป็นผู้จดทะเบียนซื้อขายที่พิพาทย่อมเป็นพยานบุคคลที่ได้เห็นหรือทราบข้อความเกี่ยวกับเรื่องที่จะเบิกความเป็นพยานนั้นโดยตรง จึงเป็นประจักษ์พยาน ไม่ใช่พยานชั้นสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองและการครอบครองที่ดิน ผู้จำนองต้องพิสูจน์การมอบที่ดินเพื่อหักล้างการครอบครองของผู้รับจำนอง
ทำกรมธรรม์จำนองที่ดินมือเปล่า มีข้อสัญญาว่าจะไถ่ภายใน 3 ปี ผู้รับจำนองยึดถอทีดินที่จำนองมานาน 6 ปี ผู้จำนองจึงมาฟ้องขอไถ่ โดยอ้างว่าที่ดินอยู่ในความครอบครองของผู้รับจำนองเพราะภายหลังการจำนอง ตนไม่สามารถส่งดอกเบี้ยได้ จึงมอบที่ดินที่จำนองให้ทำต่างดอกเบี้ย ฝ่ายผู้รับจำนองต่อสู้ว่า ผูจำนองได้ตกลงในภายหลังมอบที่ที่จำนองเป็นสิทธิแก่ตนแทนต้นเงินจำนองและดอกเบี้ย กับขอเพิ่มเงินอีกจำนวนหนึ่งและตนได้ครอบครองที่นั้น ตั้งแต่นั้นตลอดมา ดังนี้ เป็นหน้าที่ผู้จำนอง โจทก์ต้องสืบให้ได้ความจริงก่อนว่าผู้รับจำนองยึดถือครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองซึ่งกฎหมายรับสันนิษฐานไว้เสีย
ถ้าโจทก์ไม่นำสืบต้องหักล้างก็ไม่มีทางชนะคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 420/2442)
ถ้าโจทก์ไม่นำสืบต้องหักล้างก็ไม่มีทางชนะคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 420/2442)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินด้วยปากเปล่า การมอบที่ดินถือเป็นการชำระหนี้บางส่วน ทำให้สัญญาจะซื้อขายสมบูรณ์ได้
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันด้วยปากเปล่า และยังมิได้ชำระราคาที่ดินแก่กัน แต่ผู้ขายได้มอบที่ดินให้ผู้ซื้อ ผู้ซื้อก็ได้เข้าครอบครองที่ ดังนี้ถือว่าได้มีการปฏิบัติการชำระหนี้บางส่วนแล้ว ย่อมเป็นสัญญาจะซื้อขายถูกต้องตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 456 ผู้ซื้อฟ้องขอบังคับให้ผู้ขายโอนขายตามสัญญาได้
(อ้างฎีกาที่ 297/2478)
(อ้างฎีกาที่ 297/2478)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินด้วยวาจา การมอบที่ดินและเข้าครอบครองถือเป็นการชำระหนี้บางส่วนได้
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันด้วยปากเปล่า และยังมิได้ชำระราคาที่ดินแก่กัน แต่ผู้ขายได้มอบที่ดินให้ผู้ซื้อ ผู้ซื้อก็ได้เข้าครอบครองที่ ดังนี้ ถือว่าได้มีการปฏิบัติการชำระหนี้บางส่วนแล้ว ย่อมเป็นสัญญาจะซื้อขายถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ผู้ซื้อฟ้องขอบังคับให้ผู้ขายโอนขายตามสัญญาได้ (อ้างฎีกาที่297/2478)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบที่ดินเป็นประกันต่างดอกเบี้ย ไม่ถือเป็นการสละสิทธิในที่ดิน
คำพยานร่วมที่คู่ความให้ถือเป็นข้อแพ้ชนะ พยานเบิกความว่า โจทก์กู้เงินจำเลย มอบที่นาเป็นประกันให้จำเลยเสียภาษีที่ดินใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของทุกปี ดังนี้แสดงว่า เป็นเรื่องมอบที่ดินให้ทำกินต่างดอกเบี้ย ไม่ใช่มอบให้จำเลยเป็นเจ้าของ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มอบที่ดินชำระหนี้ แม้ครอบครองไม่ถึง 9-10 ปี ก็สละสิทธิ์เรียกคืนได้
มอบที่ดินตีใช้หนี้ไป แม้ที่ดินนั้นจะเป็นที่บ้านที่สวน และจำเลยครอบครองต่อจากโจทก์ยังไม่ถึง 9 - 10 ปีก็ตามโจทก์ฟ้องเรียกคืนไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 784/2486)
(อ้างฎีกาที่ 784/2486)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบที่ดินชำระหนี้และการสละสิทธิ์ครอบครอง เมื่อจำเลยครอบครองต่อเนื่อง ศาลไม่อนุญาตให้เรียกคืน
มอบที่ดินตีใช้หนี้ไป แม้ที่ดินนั้นจะเป็นที่บ้านที่สวนและจำเลยครอบครองต่อจากโจทก์ยังไม่ถึง 9-10 ปีก็ตาม โจทก์ฟ้องเรียกคืนไม่ได้(อ้างฎีกาที่784/2486)