พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5851/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาซ้ำ ศาลมีสิทธิยกคำร้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ยื่นต่อศาลครั้งที่ 3 มีข้ออ้างและคำขอเช่นเดียวกับที่จำเลยยื่นในครั้งแรกและครั้งที่ 2 ซึ่งคำร้องทั้งสองฉบับดังกล่าวศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง แม้จะเป็นการยกคำร้องเพราะจำเลยไม่ได้นำพยานมาสืบก็ถือว่าเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นในเรื่องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นแล้ว การที่จำเลยยื่นคำร้องเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวอีกย่อมเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วอันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 วรรคหนึ่ง
การดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นไต่สวนอนาถาไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้าย จึงไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าว
การดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นไต่สวนอนาถาไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้าย จึงไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1658/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำเกี่ยวกับสัญญาเช่าเดิม แม้ฟ้องก่อนมีคำพิพากษาในคดีก่อน ก็ต้องห้ามตามมาตรา 144
คดีก่อนจำเลยฟ้องขับไล่โจทก์ว่าสัญญาเช่าที่ทำกันไว้ 7 ปี ใช้บังคับได้เพียง 3 ปีและโจทก์ผิดสัญญาเช่าเพราะไม่ชำระค่าเช่าสัญญาเช่าจึงเป็นอันเลิกกัน โจทก์ให้การว่ามิได้ผิดสัญญาเช่า ขอให้ยกฟ้อง การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าสัญญาเช่ามีกำหนด3 ปี ขึ้นไป แต่ไม่ได้จดทะเบียนจึงตกเป็นโมฆะ ขอให้จำเลยคืนเงินมัดจำตามสัญญาเช่าให้แก่โจทก์ ย่อมเป็นการขัดกับคำให้การของโจทก์ในคดีก่อนเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตทั้งคำฟ้องคดีนี้ก็เป็นเรื่องที่ให้ศาลวินิจฉัยเกี่ยวกับสัญญาเช่าในทรัพย์สินเดียวกับคดีก่อนที่สืบเนื่องมาจากประเด็นเดียวกับที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในคดีก่อน จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144แม้ว่าโจทก์จะได้ฟ้องคดีนี้ไว้ก่อนที่ศาลในคดีก่อนจะได้วินิจฉัยชี้ขาดก็ตาม แต่เมื่อศาลในคดีก่อนได้พิจารณาชี้ขาดแล้ว ก็ตกอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 144 เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7211/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 144 วรรคหนึ่ง แม้มีเหตุเพิกถอนซ้ำ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
หลังจากศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลยเนื่องจากต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนการพิจารณาและพิพากษาคดีที่ผิดระเบียบในชั้นฎีกาทั้งหมดมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยอ้างเหตุเพิกถอนเป็นประเด็นในคดีว่าเกิดจากความผิดพลาดของศาลชั้นต้นที่สั่งรับฎีกาของจำเลยโดยวินิจฉัยว่ากรณีไม่จำต้องรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ทั้งที่จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงไว้แล้ว ซึ่งต่อมาศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย จึงเป็นกรณีที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวไปแล้ว การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบอีก โดยอ้างเหตุเพิกถอนเป็นประเด็นอย่างเดียวกันกับคำร้องขอเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบครั้งแรก จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2116/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีที่พิพาทซ้ำกับคดีก่อน ศาลยกฟ้องตามมาตรา 144
ปัญหาว่า โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณา คดีนี้ซ้ำและฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งเรื่องก่อนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 และมาตรา 148 หรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยย่อมมีสิทธิ ที่จะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง เดิมจำเลยทั้งสามในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้อง ส.และต.เป็นจำเลยเป็นคดีแพ่งโดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครองที่พิพาทตาม น.ส.3 เลขที่ 15 ต่อมาส.และต. ไปขอออก น.ส.3 ก. เลขที่ 4618โดยมิชอบทับที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 15 ของจำเลยทั้งสามส.และต. ให้การว่า การขอออก น.ส.3 ก.เลขที่ 4618 ถูกต้องและได้เข้าครอบครองที่พิพาท อย่างเจ้าของ ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า น.ส.3 ก. เลขที่ 4618 ออกทับที่พิพาทของจำเลยทั้งสาม อันจะต้องเพิกถอนหรือไม่ การที่โจทก์ยื่นคำร้องสอด ขอเข้าเป็นจำเลยร่วมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ในคดีก่อน โจทก์จึงเป็นคู่ความในคดีก่อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(11) และ ต้องถูกผูกพันในกระบวนพิจารณาของศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 เมื่อ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี ในคดีก่อนแล้วว่า น.ส.3 ก.เลขที่ 4618 ออกทับที่ของจำเลยทั้งสามตาม น.ส.3 เลขที่ 15 ให้เพิกถอน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้โดยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 4618 อีก เพราะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้ก่อนศาลได้วินิจฉัยในคดีก่อนก็ตาม แต่เมื่อ ศาลชั้นต้นได้พิพากษาชี้ขาดคดีในคดีก่อนแล้ว กรณีก็ต้อง ตกอยู่ภายใต้บังคับของมาตรา 144 เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6601/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์ซ้ำในคดีบังคับคดี แม้มีข้อเท็จจริงเดิม ศาลยกคำร้องตามมาตรา 144 วรรคแรก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ฉบับแรกของผู้ร้องเพราะผู้ร้องไม่นำสืบให้เห็นว่าจำเลย ไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะบังคับคดีเอาชำระหนี้ได้ ข้อที่ผู้ร้องอ้างเป็นที่สุดไปแล้วเพราะไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์การที่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ฉบับหลังอีกโดยมีข้ออ้างและคำขอเช่นเดียวกับคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ฉบับแรก และไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสืบหาทรัพย์สินของจำเลย เพิ่มเติมอีกเลย นอกจากจำนวนหนี้ที่คำนวณดอกเบี้ย ถึงวันยื่นคำร้องฉบับหลังซึ่งมีจำนวนมากกว่าเดิมเท่านั้น จึงเป็นการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดี หรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว แม้เป็นขั้นตอน ชั้นบังคับคดีก็ตาม ก็ต้องห้ามตามมาตรา 144 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3413/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำที่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 หลังศาลมีคำสั่งชี้ขาดแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องฉบับแรกขอให้ยกเลิกการส่งมอบห้องพิพาท 11 ห้อง ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ส่งมอบให้แก่โจทก์โดย อ้างว่า การส่งมอบไม่ถูกต้องเพราะคดียังไม่ถึงที่สุดศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ส่งมอบห้อง พิพาททั้งสิบห้าห้องรวมทั้งทรัพย์สินให้แก่โจทก์แล้ว จึง ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาและไต่สวนคำร้องของ ผู้ร้องอีกต่อไป ให้ยกคำร้อง คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งวินิจฉัย ชี้ขาดในประเด็นที่ผู้ร้องขอให้ยกเลิกการส่งมอบห้องพิพาท 11 ห้อง ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ส่งมอบให้แก่โจทก์แล้ว หากผู้ร้องไม่พอใจอย่างไร ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้น ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์ผู้ร้อง กลับมายื่นคำร้องอีกฉบับว่าการส่งมอบห้องพิพาทไม่ถูกต้อง ผู้ร้องยังครอบครองห้องพิพาทอีก 4 ห้อง การบังคับคดียังไม่ เสร็จสิ้น และการด่วนคืนห้องพิพาทให้แก่โจทก์ไม่เป็นธรรมแก่ผู้ร้อง ขอให้ไต่สวนคำร้องของ ผู้ร้องฉบับแรกและคืน ห้องพิพาททั้งสิบห้าห้องให้แก่ผู้ร้อง คำร้องฉบับหลังจึง มีข้ออ้างเช่นเดียวกับคำร้องฉบับแรก แม้จะมีคำขอต่างกัน โดยขอให้ไต่สวนคำร้องฉบับแรกและขอให้คืนห้องพิพาททั้ง สิบห้าห้อง ก็สืบเนื่องมาจากประเด็นข้อพิพาทเดียวกัน จึง เป็นการขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดี หรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 และปัญหาเรื่องการดำเนิน กระบวนพิจารณาซ้ำเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำประเด็นผิดสัญญาเช่า แม้มีการฟ้องแย้งก่อนหน้านี้ ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามมาตรา 144
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์ผู้ให้เช่าเรียกเงินค่ามัดจำการเช่าอาคารจากโจทก์ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยได้ซ่อมแซมทรัพย์สินที่เช่าแล้วไม่ได้ค้างชำระค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้าไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาพิพากษาให้โจทก์คืนเงินมัดจำให้แก่จำเลยคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขอให้จำเลยชำระค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้าที่ค้างค่าขาดประโยชน์ที่ไม่สามารถใช้อาคารที่ให้เช่ารวมทั้งค่าซ่อมอาคารที่จำเลยซ่อมไม่เสร็จประเด็นแห่งคดีที่ต้องวินิจฉัยเป็นอย่างเดียวกันว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาการที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำประเด็นเดิมที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์ผู้ให้เช่าเป็นจำเลยเรียกเงินค่ามัดจำการเช่าอาคารจากโจทก์ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยได้ซ่อมแซมทรัพย์สินที่เช่าตามสัญญาแล้วไม่ได้ค้างชำระค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้าไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาพิพากษาให้โจทก์คืนเงินมัดจำให้แก่จำเลยโจทก์อุทธรณ์คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขอให้จำเลยชำระค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้าที่ค้างค่าขาดประโยชน์ที่ไม่สามารถใช้อาคารที่ให้เช่ารวมทั้งค่าซ่อมอาคารที่จำเลยซ่อมไม่เสร็จโดยยอมให้หักกลบลบหนี้กับเงินมัดจำที่จำเลยวางไว้แก่โจทก์ดังนี้คดีนี้กับคดีก่อนโจทก์และจำเลยเป็นคู่ความรายเดียวกันประเด็นแห่งคดีที่ต้องวินิจฉัยคดีนี้กับคดีก่อนก็เป็นประเด็นที่ต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกันว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาเมื่อคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วว่าจำเลยคดีนี้ไม่ได้ผิดสัญญาการที่โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วอันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7447/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ-ฟ้องแย้ง: การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามมาตรา 144 วรรคหนึ่ง และผลกระทบต่อฟ้องแย้ง
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1และ 2 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ออก น.ส.3 ก. ทับที่ดินของจำเลย ขอให้เพิกถอน น.ส.3 ก. ส่วนจำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและให้สืบพยานจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามฟ้องแย้งต่อไป แล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชนะคดีตามฟ้องแย้ง โจทก์อุทธรณ์ และโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1และที่ 2 เป็นคดีนี้ขอให้เพิกถอน น.ส.3 ก. เช่นเดียวกันการทิ้งฟ้องของโจทก์ในคดีก่อน มีผลเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์เท่านั้นหามีผลไปถึงฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และ ที่ 2 ด้วยไม่ ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงยังคงมีอยู่ให้ศาลต้องพิจารณาต่อไป การที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกันเข้ามาใหม่ ขณะที่คดีตามฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้วและอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 144 วรรคหนึ่ง โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 กับที่ 3 และจำเลยที่ 2กับที่ 3 ร่วมกันเพิกถอน น.ส.3 ก. ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2เป็นเจ้าของในแต่ละแปลง โดยโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ออก น.ส.3 ก.ทั้งสองฉบับ เมื่อฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำซึ่งไม่อาจบังคับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 เพิกถอน น.ส.3 ก.ในแต่ละฉบับได้แล้ว สภาพคำขอบังคับของโจทก์อันเกี่ยวกับจำเลยที่ 3 จึงไม่เปิดช่องที่จะบังคับตามคำขอของโจทก์ในคดีนี้ได้ คดีสำหรับจำเลยที่ 3 จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาอีกต่อไป ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6780/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ – ประเด็นสิทธิในที่ดิน – มาตรา 144
โจทก์กับจำเลยที่ 1 เคยฟ้องร้องกันเกี่ยวกับที่พิพาทตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 924/2528 ของศาลชั้นต้น คดีดังกล่าวกับคดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทเช่นเดียวกันว่า จำเลยที่ 1ซื้อที่พิพาทมาโดยชอบหรือไม่ และโจทก์หรือจำเลยที่ 1เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาท เมื่อศาลมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 924/2528 ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้ก่อนศาลจะวินิจฉัยคดีหมายเลขแดงที่ 924/2528 ก็ตามเมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาชี้ขาดคดีแล้ว กรณีก็ต้องอยู่ใต้บังคับของมาตรา 144 เช่นกัน