พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5141/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่ชัดเจนด้านสภาพแห่งข้อหาและค่าเสียหาย ถือเป็นฟ้องเคลือบคลุมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง
โจทก์บรรยายฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเสียหายอันเนื่องมาจากจำเลยผิดสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์เพียงว่า การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหายไม่น้อยกว่า 500,000 บาท โดยมิได้บอกว่าเสียหายอย่างไรบ้าง จำนวนค่าเสียหายที่แท้จริงเท่าใด คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จต่อผู้บังคับบัญชา มิใช่เจ้าพนักงานสอบสวน ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
แม้พลตำรวจโท ป. และพลตำรวจโท ว. เป็นเจ้าพนักงานตำรวจผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 17 แต่ตามหนังสือที่จำเลยที่ 1 ร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อพลตำรวจโท ป. และพลตำรวจโท ว. ซึ่งบุคคลทั้งสองต่างเป็นผู้บังคับบัญชาโจทก์ ทั้งนี้เพื่อประสงค์ให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและลงโทษทางวินัยแก่โจทก์ และย้ายโจทก์ออกจากพื้นที่รับผิดชอบทางราชการ จึงเป็นการที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงพลตำรวจโท ป. และพลตำรวจโท ว. ขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับความประพฤติโจทก์ต่อบุคคลทั้งสองในฐานะผู้บังคับบัญชาโจทก์ มิใช่ในฐานะที่เป็นพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาแต่อย่างใด และพลตำรวจโท ป. มิได้มีคำสั่งให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนความผิดในทางอาญาแก่โจทก์ คงมีคำสั่งให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาให้ความคุ้มครองจำเลยที่ 1 แล้วรายงานให้พลตำรวจโท ป. ทราบด้วยเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนในการบรรยายฟ้องประมาทเลินเล่อเพียงพอให้จำเลยเข้าใจได้ ฟ้องชอบตามมาตรา 172
โจทก์บรรยายฟ้องว่าลูกจ้างโจทก์ได้ขับรถบรรทุกของโจทก์ออกจากห้องชั่งน้ำหนักมาจอดรอที่ไหล่ทางเพื่อออกสู่ถนนสายเลี่ยงเมือง ได้มีรถบรรทุกขับโดยจำเลยที่1ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังว่ามีรถบรรทุกของโจทก์จอดรอเพื่อออกสู่ถนนสายเลี่ยงเมืองอยู่เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนบริเวณด้านหน้าของรถบรรทุกของโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นฟ้องที่ได้บรรยายถึงเหตุที่อ้างว่าจำเลยที่1ประมาทเลินเล่อไว้ชัดแจ้งเพียงพอที่จะให้จำเลยที่2และที่3เข้าใจได้แล้วสำหรับรายละเอียดต่างๆในขณะเกิดเหตุเป็นอย่างไรโจทก์อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณาฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3646/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการพิจารณาความผิดแจ้งความเท็จ: มาตรา 172 ก่อน 174 วรรคสอง และข้อยกเว้นการอุทธรณ์
การที่จะพิจารณาว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 วรรคสองหรือไม่ ศาลต้องพิจารณาเสียก่อนว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามมาตรา 172 หรือไม่ การกระทำความผิดตาม มาตรา 174 วรรคสองมีอัตราโทษอย่างสูงเกินสามปีไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิในกรณีเช่นนี้สำหรับความผิดฐานแจ้งความเท็จตาม มาตรา 172 จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 วรรคสองได้นั้น จะต้องกระทำความผิดตาม มาตรา 172 เสียก่อน แม้โจทก์จะได้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดตาม มาตรา 172 มาด้วยและศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ก็ตามเมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนี้ ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามลำดับชั้นของศาลเสียก่อน
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 วรรคสองได้นั้น จะต้องกระทำความผิดตาม มาตรา 172 เสียก่อน แม้โจทก์จะได้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดตาม มาตรา 172 มาด้วยและศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ก็ตามเมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนี้ ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามลำดับชั้นของศาลเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3646/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการพิจารณาความผิดแจ้งความเท็จ: มาตรา 172 ก่อน 174 วรรคสอง และข้อยกเว้นการห้ามอุทธรณ์
การที่จะพิจารณาว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 วรรคสองหรือไม่ ศาลต้องพิจารณาเสียก่อนว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามมาตรา172 หรือไม่ การกระทำความผิดตาม มาตรา 174 วรรคสองมีอัตราโทษอย่างสูงเกินสามปีไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิในกรณีเช่นนี้สำหรับความผิดฐานแจ้งความเท็จตาม มาตรา 172 จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174วรรคสองได้นั้น จะต้องกระทำความผิดตาม มาตรา 172 เสียก่อนแม้โจทก์จะได้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดตาม มาตรา 172มาด้วยและศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ก็ตามเมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนี้ ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามลำดับชั้นของศาลเสียก่อน
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174วรรคสองได้นั้น จะต้องกระทำความผิดตาม มาตรา 172 เสียก่อนแม้โจทก์จะได้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดตาม มาตรา 172มาด้วยและศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ก็ตามเมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนี้ ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามลำดับชั้นของศาลเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องชัดเจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 หากไม่ชัดเจนศาลไม่รับพิจารณา
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2511 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองบัญญัติว่า "คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น" มาตรา 1(3) ได้บัญญัติคำว่า "คำฟ้อง"ให้หมายถึงกระบวนพิจารณาใดๆ ที่โจทก์ได้เสนอข้อหาต่อศาลฯลฯ ไม่ว่าจะได้เสนอในขณะเริ่มคดีโดยคำฟ้องหรือคำร้องขอ ฯลฯ ดังนี้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งจึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ด้วย
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งกล่าวอ้างแต่ว่า คณะกรรมการตรวจคะแนนหลายหน่วยเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยไม่กล่าวให้แจ้งชัดว่าคณะกรรมการฯหน่วยใดบ้างที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อ้างว่าคณะกรรมการฯนับบัตรดีของหมายเลข 10 เป็นบัตรเสีย นับบัตรเสียของหมายเลขอื่นเป็นบัตรดี โดยไม่แสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นบัตรเสียเพราะเหตุใด กล่าวอ้างว่ามีบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยและบุคคลอื่นๆ ได้กระทำการเพื่อประโยชน์แห่งการรับเลือกตั้งโดยประการที่เป็นคุณแก่ ช.ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 2 ด้วยการช่วยเหลือในด้านการเงินและทรัพย์สินอื่นๆ โดยมิได้กล่าวให้ชัดเจนว่าบุคคลนั้นๆ คือใคร ช่วยเหลือในด้านการเงินและทรัพย์สินอื่น โดยกระทำอย่างใดอันจะถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เป็นคุณ กล่าวอ้างว่าช.ผู้สมัครหมายเลข2และตัวแทนได้ให้เงินและทรพัย์สินและสัญญาว่าจะให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตน และไม่ให้ลงคะแนนแก่ล.กับผู้สมัครฯ หมายเลขอื่นโดยมิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่าผู้เลือกตั้งที่ได้เงินและทรัพย์สินกับที่ได้รับสัญญาว่าจะรับเงินนั้นมีจำนวนเท่าใด เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งใด ซึ่งถ้ามีจำนวนน้อยก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ อ้างว่า ช.จัดยานพาหนะนำผู้เลือกตั้งไปกลับจากที่เลือกตั้งโดยไม่ต้องเสียค่าพาหนะ โดยไม่กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเป็นหน่วยเลือกตั้งใด และเป็นเหตุให้การลงคะแนนเปลี่ยนแปลงไปอย่างใด กล่าวอ้างว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนบางหน่วยนับคะแนนโดยมิชอบ คือไม่ยอมอ่านบัตรที่มีผู้กาเครื่องหมายหมายเลข 10 และหมายเลขอื่น ทำให้คะแนนของ ล.หมายเลข 10 และหมายเลขอื่นน้อยกว่าความเป็นจริง โดยไม่ระบุให้แจ้งชัดว่าเป็นคณะกรรมการฯหน่วยใด ไม่อ่านบัตรที่กาเครื่องหมายหมายเลข10 เป็นจำนวนประมาณเท่าใด หมายเลขอื่น ๆ คือหมายเลขใดมีจำนวนประมาณเท่าใด และการไม่อ่านเช่นนี้เป็นเหตุให้คะแนนของ ล. และหมายเลขอื่นน้อยกว่าความเป็นจริงประมาณเท่าใด ซึ่งถ้าน้อยกว่าความเป็นจริงเพียงเล็กน้อยก็จะไม่ เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ และกล่าวอ้างว่ากรรมการตรวจคะแนนบางคนมิได้ไปปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้ต้องตั้งบุคคลอื่นแทน การตั้งแทนก็กระทำโดยมิชอบ โดยมิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่ากรรมการที่มิได้มานั้นคือใคร หรือประจำหน่วยใด การตั้งบุคคลอื่นแทนนั้นฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรา 40 อย่างใด เหล่านี้ ย่อมถือว่าไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
ผู้ร้องได้ขอแก้ไขคำร้องให้แจ้งชัดขึ้นหลังจากที่ผู้คัดค้านได้คัดค้านไว้แล้วว่าคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม ยิ่งกว่านั้นผู้คัดค้านก็ได้ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อนี้ไว้ก่อนแล้ว ย่อมไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขคำร้องได้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งกล่าวอ้างแต่ว่า คณะกรรมการตรวจคะแนนหลายหน่วยเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยไม่กล่าวให้แจ้งชัดว่าคณะกรรมการฯหน่วยใดบ้างที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อ้างว่าคณะกรรมการฯนับบัตรดีของหมายเลข 10 เป็นบัตรเสีย นับบัตรเสียของหมายเลขอื่นเป็นบัตรดี โดยไม่แสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นบัตรเสียเพราะเหตุใด กล่าวอ้างว่ามีบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยและบุคคลอื่นๆ ได้กระทำการเพื่อประโยชน์แห่งการรับเลือกตั้งโดยประการที่เป็นคุณแก่ ช.ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 2 ด้วยการช่วยเหลือในด้านการเงินและทรัพย์สินอื่นๆ โดยมิได้กล่าวให้ชัดเจนว่าบุคคลนั้นๆ คือใคร ช่วยเหลือในด้านการเงินและทรัพย์สินอื่น โดยกระทำอย่างใดอันจะถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เป็นคุณ กล่าวอ้างว่าช.ผู้สมัครหมายเลข2และตัวแทนได้ให้เงินและทรพัย์สินและสัญญาว่าจะให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตน และไม่ให้ลงคะแนนแก่ล.กับผู้สมัครฯ หมายเลขอื่นโดยมิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่าผู้เลือกตั้งที่ได้เงินและทรัพย์สินกับที่ได้รับสัญญาว่าจะรับเงินนั้นมีจำนวนเท่าใด เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งใด ซึ่งถ้ามีจำนวนน้อยก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ อ้างว่า ช.จัดยานพาหนะนำผู้เลือกตั้งไปกลับจากที่เลือกตั้งโดยไม่ต้องเสียค่าพาหนะ โดยไม่กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเป็นหน่วยเลือกตั้งใด และเป็นเหตุให้การลงคะแนนเปลี่ยนแปลงไปอย่างใด กล่าวอ้างว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนบางหน่วยนับคะแนนโดยมิชอบ คือไม่ยอมอ่านบัตรที่มีผู้กาเครื่องหมายหมายเลข 10 และหมายเลขอื่น ทำให้คะแนนของ ล.หมายเลข 10 และหมายเลขอื่นน้อยกว่าความเป็นจริง โดยไม่ระบุให้แจ้งชัดว่าเป็นคณะกรรมการฯหน่วยใด ไม่อ่านบัตรที่กาเครื่องหมายหมายเลข10 เป็นจำนวนประมาณเท่าใด หมายเลขอื่น ๆ คือหมายเลขใดมีจำนวนประมาณเท่าใด และการไม่อ่านเช่นนี้เป็นเหตุให้คะแนนของ ล. และหมายเลขอื่นน้อยกว่าความเป็นจริงประมาณเท่าใด ซึ่งถ้าน้อยกว่าความเป็นจริงเพียงเล็กน้อยก็จะไม่ เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ และกล่าวอ้างว่ากรรมการตรวจคะแนนบางคนมิได้ไปปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้ต้องตั้งบุคคลอื่นแทน การตั้งแทนก็กระทำโดยมิชอบ โดยมิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่ากรรมการที่มิได้มานั้นคือใคร หรือประจำหน่วยใด การตั้งบุคคลอื่นแทนนั้นฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรา 40 อย่างใด เหล่านี้ ย่อมถือว่าไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
ผู้ร้องได้ขอแก้ไขคำร้องให้แจ้งชัดขึ้นหลังจากที่ผู้คัดค้านได้คัดค้านไว้แล้วว่าคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม ยิ่งกว่านั้นผู้คัดค้านก็ได้ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อนี้ไว้ก่อนแล้ว ย่อมไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขคำร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิด มาตรา 172 และ 189 อาญา: ความเสียหายและวิธีการช่วยเหลือต้องชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา172 แต่ไม่ได้ระบุมาว่า การที่จำเลยแจ้งความเท็จนั้นอาจทำให้ผู้ใดหรือประชาชนเสียหายแม้จะอ่านคำบรรยายฟ้องโดยทั่วไปก็ไม่อาจทราบความข้อนี้ได้ดังนี้ ฟ้องโจทก์ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตราดังกล่าวนั้น จึงลงโทษจำเลยไม่ได้
การช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 นั้น จะต้องกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งคือ 1. โดยให้ที่พัก หรือ 2. โดยซ่อนเร้น หรือ 3. โดยช่วยอย่างอื่นเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม การบรรยายฟ้องมีใจความแต่เพียงว่า จำเลยกล่าวเท็จต่อเจ้าพนักงานในเรื่องทำพินัยกรรมเพื่อช่วยเหลือพวกที่ต้องหาว่าสมคบกันทำพินัยกรรมปลอมเพื่อไม่ให้ต้องโทษและเมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วไม่อาจทราบได้ว่าโจทก์หาว่าจำเลยกระทำเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาถูกจับกุมดังนี้ เป็นคำฟ้องที่ขาดองค์ความผิดตามมาตรา 189 จะลงโทษจำเลยไม่ได้
การช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 นั้น จะต้องกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งคือ 1. โดยให้ที่พัก หรือ 2. โดยซ่อนเร้น หรือ 3. โดยช่วยอย่างอื่นเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม การบรรยายฟ้องมีใจความแต่เพียงว่า จำเลยกล่าวเท็จต่อเจ้าพนักงานในเรื่องทำพินัยกรรมเพื่อช่วยเหลือพวกที่ต้องหาว่าสมคบกันทำพินัยกรรมปลอมเพื่อไม่ให้ต้องโทษและเมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วไม่อาจทราบได้ว่าโจทก์หาว่าจำเลยกระทำเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาถูกจับกุมดังนี้ เป็นคำฟ้องที่ขาดองค์ความผิดตามมาตรา 189 จะลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2563
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งเท็จต่อพนักงานสอบสวน: ความผิดตามมาตรา 172 แทนมาตรา 137 และเจตนาแกล้งผู้อื่น
ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติแล้วว่าจำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อร้อยตำรวจเอก ส. เจ้าพนักงาน เมื่อร้อยตำรวจเอก ส. เป็นพนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจสอบสวนและสืบสวนในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กรณีจึงเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนและเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา การกระทำของจำเลยจึงต้องด้วยบทบัญญัติที่เป็นความผิดไว้โดยเฉพาะคือ ป.อ. มาตรา 172 จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 137 ซึ่งเป็นบทบัญญัติทั่วไป อย่างไรก็ตาม จากทางนำสืบโจทก์ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อเจตนาจะแกล้งให้ ภ. ต้องรับโทษทางอาญา การแจ้งข้อความอันเป็นเท็จของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นเพียงความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 172 เท่านั้น ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษในความผิดที่มีระวางโทษจำคุกถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ตามมาตรา 174 วรรคสอง และ 181 (2)