คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยกขึ้นว่ากล่าว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2632/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับก่อนหลังของกฎหมาย: ผลของการใช้กฎหมายใหม่ก่อนวันเกิดเหตุ และความผิดตามกฎหมายเดิมที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าว
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2520 เรื่องระบุชื่อและจัดแบ่งประเภทวัตถุที่ออกฤทธิ์ ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ลงวันที่ 18 มกราคม 2520 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่14 มิถุนายน 2520 เป็นต้นไป เมื่อเหตุคดีนี้เกิดในวันที่ 19 เมษายน 2520 ซึ่งเป็นวันก่อนประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับ จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 แต่ในระหว่างที่ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2520 ยังไม่มีผลใช้บังคับ การกระทำของจำเลยก็ยังคงเป็นความผิดอยู่ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 ที่แก้ไขแล้ว มาตรา 20ทวิ แต่ความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษดังกล่าวโจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์และฎีกาจึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อกฎหมายต้องยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นก่อน จึงอุทธรณ์ได้ แม้คดีขอเฉลี่ยทรัพย์
คดีที่พิพาทกันในชั้นขอเฉลี่ยทรัพย์นั้น ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่คู่ความจะยกขึ้นอ้างอิงในการยื่นอุทธรณ์ได้ ก็จะต้องเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
คำคัดค้านของโจทก์ที่คัดค้านคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์อ้างว่า สัญญาจ้างว่าความที่พิพาททำขึ้นโดยฉ้อฉล แล้วกล่าวเสริมเพียงว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการขัดต่อศีลธรรมและมารยาทของทนายความตามกฎหมาย ดังนี้ ยังไม่เป็นการชัดแจ้งพอที่จะแสดงว่าโจทก์ประสงค์จะยกปัญหาว่า สัญญาจ้างว่าความที่พิพาทเป็นการขัดต่อกฎหมาย (พระราชบัญญัติทนายความ่และข้อบังคับว่าด้วยมารยาททนายความ) เป็นข้อคัดค้านต่อสู้ผู้ร้องด้วย ศาลจึงยกประเด็นเรื่องสัญญาจ้างว่าความดังกล่าวเป็นการสมยอมหรือไม่ขึ้นวินิจฉัยประการเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2623/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้เรื่องชำระหนี้หลังศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ถือเป็นการไม่ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและเป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 12 กันยายน ถึงวันที่ 22 กันยายน 2512จำเลยซื้อเชื่อสินค้าเก้าอี้ไปจากโจทก์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงินค่าซื้อสินค้าเชื่อ จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่าตามวันเดือนปีตามฟ้อง จำเลยไม่ได้ซื้อเชื่อสินค้าเก้าอี้เป็นจำนวนเงินจากโจทก์ตามฟ้อง โจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ โจทก์จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ จำเลยมิได้กล่าวแก้ไว้ว่าได้ชำระหนี้ราคาเก้าอี้ตามฟ้องให้โจทก์แล้ว จำเลยจึงจะฎีกาว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์แล้วไม่ได้เพราะจำเลยมิได้หยิบยกขึ้นว่ากล่าวไว้ในศาลชั้นต้น และมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน