พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6588/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดีและการจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์โดยมิชอบ
การที่ทนายโจทก์อ้างว่ามีอาการป่วยวิงเวียนศีรษะต้องจอดรถอาเจียนข้างถนนจึงทำให้มาถึงศาลช้าไปนั้น โจทก์ก็รับว่ามาศาลหลังเวลานัดสืบพยานโจทก์ประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที และภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีไปแล้ว 10 นาที ถือว่าโจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดจึงเป็นกรณีโจทก์ขาดนัดพิจารณา ซึ่งตาม ป.วิ.พ.มาตรา 201 วรรคหนึ่ง บัญญัติบังคับให้ศาลสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และเมื่อคำสั่งให้จำหน่ายคดีดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นได้
เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ที่คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้จำหน่ายคดีของโจทก์ โดยศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและศาลจำหน่ายคดี จึงต้องห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์หรือมีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 201 แล้ว ดังนี้การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ
เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ที่คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้จำหน่ายคดีของโจทก์ โดยศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและศาลจำหน่ายคดี จึงต้องห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์หรือมีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 201 แล้ว ดังนี้การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7293/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ชอบแล้ว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา358ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นผู้ใช้รถแทรกเตอร์ดันเสาปูนซีเมนต์ล้มจำนวน5ต้นแต่จำเลยกระทำตามคำสั่งของน. โดยเชื่อว่าจำเลยมีสิทธิทำได้การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาการที่จำเลยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงว่าพยานโจทก์และโจทก์ร่วมเบิกความขัดแย้งกันมีพิรุธและขัดต่อเหตุผลไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้รถแทรกเตอร์ดันเสาปูนซีเมนต์ของโจทก์ร่วมล้มจำนวน5ต้นตามฟ้องกับอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่าพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนก่อนได้รับคำร้องทุกข์การสอบสวนจึงไม่ชอบต้องห้ามมิให้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา120เพื่อให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามที่จำเลยอุทธรณ์ซึ่งแม้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจะฟังได้ตามที่จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องอยู่เช่นเดิมซึ่งไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไปอุทธรณ์ของจำเลยไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15ดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยกรณีจึงมิใช่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์มีผลเท่ากับพิพากษาว่าอุทธรณ์ของจำเลยไม่อุทธรณ์ที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา193วรรคสองดังที่จำเลยฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4775/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยคดีซ้ำซ้อนและการไต่สวนมูลฟ้อง: ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์กรณีคดีมีข้อเท็จจริงซ้ำกับคดีก่อน
โจทก์อ้างส่งสำเนาคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนต่อศาลและยังแถลงรับอีกว่าคำพิพากษาดังกล่าวนั้นถูกต้อง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถึงเรื่องที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาแล้วจึงมิใช่ข้อเท็จจริงนอกสำนวน ทั้งการที่ศาลชั้นต้นสอบถามข้อเท็จจริงซึ่งโจทก์แถลงรับดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการไต่สวนมูลฟ้องแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีนี้และคดีก่อนมีข้อเท็จจริงเดียวกันสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) พิพากษายกฟ้อง เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์มิได้อ้างอิงว่าฟ้องโจทก์คดีนี้กับคดีก่อนเป็นคนละประเด็นกันอย่างไรบ้าง จึงเป็นอุทธรณ์ที่มิได้กล่าวโดยชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกอุทธรณ์ของโจทก์.
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีนี้และคดีก่อนมีข้อเท็จจริงเดียวกันสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) พิพากษายกฟ้อง เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์มิได้อ้างอิงว่าฟ้องโจทก์คดีนี้กับคดีก่อนเป็นคนละประเด็นกันอย่างไรบ้าง จึงเป็นอุทธรณ์ที่มิได้กล่าวโดยชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกอุทธรณ์ของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2743/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นอายุความและการครอบครองปรปักษ์: ศาลฎีกาตัดสินเรื่องการยกอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ
เมื่อในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเรื่องคดีโจทก์ขาดอายุความไว้ และโจทก์ก็มิได้โต้แย้งคัดค้านนั้นปัญหาที่ว่าคำให้การจำเลยในเรื่องอายุความได้แสดงเหตุผลไว้โดยชัดแจ้งหรือไม่จึงไม่มีประเด็นในชั้นศาลอุทธรณ์ ทั้งปัญหานี้ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษายกอุทธรณ์จำเลยจึงไม่ชอบ คดียังคงมีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยต่อไปในเรื่องอายุความ แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไปได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์พิพากษา
การที่จำเลยต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของมารดาจำเลยและจำเลยครอบครองแทนเกินกว่า 10 ปี จนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้วนั้น เห็นได้ว่าจำเลยหรือมารดาจำเลยย่อมจะครอบครองปรปักษ์ในที่ดินของตนเองไม่ได้ กรณีจึงไม่ใช่เรื่องขาดอายุความ
การที่จำเลยต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของมารดาจำเลยและจำเลยครอบครองแทนเกินกว่า 10 ปี จนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้วนั้น เห็นได้ว่าจำเลยหรือมารดาจำเลยย่อมจะครอบครองปรปักษ์ในที่ดินของตนเองไม่ได้ กรณีจึงไม่ใช่เรื่องขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เหตุมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมแล้วพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยจำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ขับรถประมาท โจทก์เป็นฝ่ายประมาท จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ขอให้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยตามฟ้องแย้งดังนี้ จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยว่าไม่ชอบอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2261/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองให้อุทธรณ์ต้องบันทึกชัดแจ้ง หากไม่บันทึก ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกอุทธรณ์ได้
การรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงนั้น ผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาคดีนั้นในศาลชั้นต้นจะต้องบันทึกไว้ให้ชัดแจ้งว่ารับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 230 มิใช่เพียงแต่สั่งรับอุทธรณ์เท่านั้น มิฉะนั้นศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกอุทธรณ์โดยไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นแห่งอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2261/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองอุทธรณ์ต้องมีบันทึกชัดเจน หากไม่บันทึก ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกอุทธรณ์ได้
การรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงนั้น ผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาคดีนั้นในศาลชั้นต้นจะต้องบันทึกไว้ให้ชัดแจ้งว่ารับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 230 มิใช่เพียงแต่สั่งรับอุทธรณ์เท่านั้น มิฉะนั้นศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกอุทธรณ์โดยไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นแห่งอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ต้องยื่นภายใน 10 วัน แม้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์แล้ว ก็ยกได้หากไม่ชอบด้วยกฎหมาย
อุทธรณ์คำสั่งที่ศาลไม่รับอุทธรณ์ ต้องยื่นภายใน 10 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 หากยื่นเกินกำหนด แต่ศาลอุทธรณ์ก็สั่งให้รับอุทธรณ์ไว้พิจารณาศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกอุทธรณ์นั้นในภายหลังได้ส่วนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 บัญญัติว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้รับหรือปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์เป็นที่สุดนั้นหมายความเพียงว่าจะฎีกาต่อไปไม่ได้เท่านั้นมิได้หมายความเลยไปถึงว่าแม้คำสั่งที่สั่งให้รับอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลอุทธรณ์จะแก้ไขอะไรไม่ได้เสียเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาวางค่าธรรมเนียมอุทธรณ์: เจตนาไม่แท้จริงและการยกอุทธรณ์
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ขอให้อนุญาตขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมการอุทธรณ์ตามที่กฎหมายกำหนดบังคับไว้ก็เพื่อจะให้ได้รับอุทธรณ์นั่นเอง ศาลชั้นต้นได้อนุญาตขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมไว้และในชั้นอุทธรณ์ก็ได้อนุญาตอีกครั้งหนึ่ง และว่าถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติก็เป็นอันยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย การที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์อีกครั้งหนึ่ง ขอให้ศาลอุทธรณ์ขยายระยะเวลาให้อีกศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาต ให้ยกคำร้องกรณียุติในการที่จะให้รับอุทธรณ์ต่อไปแล้ว ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา236
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์คำสั่งตามมาตรา 234 ป.วิ.พ. กรณีไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมหรือวางประกัน
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือหาประกันให้ไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 ศาลชั้นต้นส่งศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณา ดังนั้น เมื่อมีการอุทธรณ์ไม่ว่าจะเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะตรวจสำนวนและถ้าเห็นว่าอุทธรณ์นั้นต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกอุทธรณ์นั้นเสียได้โดยไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 242 (1)