พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมแพ้คดีจากการท้าสาบาน: ผลผูกพันการใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องอ้างว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ ได้มาโดยนางสีทามารดายกให้แก่โจทก์แต่ผู้เดียว จำเลยบุกรุกเข้าแย่งทำนาของโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายปีละ 2,500 บาท จนกว่าจะออกไปจากที่พิพาท จำเลยให้การปฏิเสธว่านางสีทามารดาไม่ได้ยกนาพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์จำเลยครอบครองนาพิพาทร่วมกันมาเป็นส่วนสัด จำเลยไม่ได้เข้าแย่งทำนาของโจทก์โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ระหว่างสืบพยานโจทก์จำเลยตกลงท้ากันว่า ถ้าโจทก์ยอมสาบานและดื่มน้ำสาบานต่อหน้าพระสังกัดจายวัดสระทอง ว่านางสีทายกนาพิพาทให้โจทก์ทั้งหมด จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าโจทก์ไม่ยอมสาบานและดื่มน้ำสาบาน โจทก์ยอมแพ้คดี ดังนี้ เมื่อโจทก์ได้สาบานและดื่มน้ำสาบานตามคำท้าแล้วจำเลยย่อมจะต้องแพ้คดีทั้งหมดรวมทั้งต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งหมดตามฟ้องจำเลยจะอ้างว่าศาลอาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้ตามสมควรหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการท้าสาบานในคดีแพ่ง: การยอมแพ้คดีทั้งหมดและการรับผิดค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องอ้างว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ ได้มาโดยนางสีทามารดายกให้แก่โจทก์แต่ผู้เดียว จำเลยบุกรุกเข้าแย่งทำนาของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายปีละ 2,500 บาทจนกว่าจะออกไปจากที่พิพาท จำเลยให้การปฏิเสธว่านางสีทามารดาไม่ได้ยกนาพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์จำเลยครอบครองนาพิพาทร่วมกันมาเป็นส่วนสัด จำเลยไม่ได้เข้าแย่งทำนาของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ระหว่างสืบพยาน โจทก์จำเลยตกลงท้ากันว่า ถ้าโจทก์ยอมสาบานและดื่มน้ำสาบานต่อหน้าพระสังกัดจายวัดสระทอง ว่านางสีทายกนาพิพาทให้โจทก์ทั้งหมด จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าโจทก์ไม่ยอมสาบานและดื่มน้ำสาบาน โจทก์ยอมแพ้คดี ดังนี้ เมื่อโจทก์ได้สาบานและดื่มน้ำสาบานตามคำท้าแล้วจำเลยย่อมจะต้องแพ้คดีทั้งหมด รวมทั้งต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งหมดตามฟ้อง จำเลยจะอ้างว่าศาลอาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้ตามสมควรหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงยอมแพ้คดีตามคำท้า และการชี้ขาดสิทธิครอบครองโดยนิคมฯ
คู่ความต่างท้ากันว่า หากเจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองชี้ขาดตามหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมฯ ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีสิทธิครอบครองโดยชอบแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้คดี โดยถือเอาหลักฐานที่มีอยู่ในนิคมเป็นใหญ่ และไม่ติดใจสู้ในประเด็นข้ออื่นอีกต่อไปดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมสร้างตนเองและเจ้าหน้าที่มาเป็นพยานแต่ฝ่ายจำเลยอ้างเจ้าหน้าที่นิคมและเอกสารหลักฐานจากนิคมเป็นพยานเจ้าหน้าที่นิคมเบิกความประกอบเอกสารดังกล่าวและยืนยันว่าทางนิคมได้จัดสรรที่ดินให้จำเลยได้เข้าครอบครองทำกินตลอดมา จึงฟังได้ว่าเจ้าหน้าที่นิคมฯได้ชี้ขาดตามหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยตรงตามคำท้าระหว่างโจทก์จำเลยแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมแพ้คดีหลังแถลงยอมสาบาลต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ การเปลี่ยนแปลงคำแถลงภายหลังย่อมรับฟังไม่ได้
คู่ความได้แถลงต่อศาลโดยจำเลยแถลงว่า ถ้าโจทก์สาบาลต่อสิ่งศักดิสิทธิได้ว่าโจทก์ได้ให้จำเลยกู้เงินไปจริงตามฟ้อง จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าโจทก์ไม่ยอมสาบาล โจทก์ยอมแพ้ ครั้งถึงกำหนดนัด โจทก์ไม่ยอมสาบาล ศาลชั้นต้นจดรายงานพิจารณาไว้ชัดเจนว่า ฝ่ายโจทก์ไม่ยอมสาบาลจึงเป็นอันว่าโจทก์ยอมแพ้คดีแก่จำเลย (ที่ 1) ในครั้งนั้นมิได้มีการกล่าวอ้างที่หลงเข้าใจผิดแต่ประการใด ต่อมาอีกหลายวัน โจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่าเข้าใจผิดในคำสาบาล ดังนี้ ย่อมรับฟังไม่ได้
เมื่อลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันก็หลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วย.
เมื่อลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันก็หลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมแพ้คดีหลังแถลงต่อศาล การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงภายหลังย่อมไม่รับฟังได้ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิด
คู่ความได้แถลงต่อศาล โดยจำเลยแถลงว่า ถ้าโจทก์สาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ว่าโจทก์ได้ให้จำเลยกู้เงินไปจริงตามฟ้องจำเลยยอมแพ้คดีถ้าโจทก์ไม่ยอมสาบานโจทก์ยอมแพ้ครั้นถึงกำหนดนัด โจทก์ไม่ยอมสาบาน ศาลชั้นต้นจดรายงานพิจารณาไว้ชัดเจนว่า ฝ่ายโจทก์ไม่ยอมสาบาน จึงเป็นอันว่าโจทก์ยอมแพ้คดีแก่จำเลย (ที่1) ในครั้งนั้นมิได้มีการกล่าวอ้างที่หลงเข้าใจผิดแต่ประการใด ต่อมาอีกหลายวัน โจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่าเข้าใจผิดในคำสาบานดังนี้ ย่อมรับฟังไม่ได้
เมื่อลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันก็หลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วย
เมื่อลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันก็หลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2291/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมแพ้คดีตามคำท้า โดยคำเบิกความของพยานตรงกับข้อตกลงเดิม แม้รายละเอียดบางส่วนไม่ครบถ้วน
คู่ความแถลงขอท้ากันโดยให้ถือเอาคำเบิกความของ ก. เป็นยุติ โดยหาก ก. เบิกความได้ข้อเท็จจริงว่า ก. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ได้รับเงินจากจำเลยทั้งสองจำนวน 1,000,000 บาท โดยโจทก์และจำเลยทั้งสองออกฝ่ายละครึ่ง ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวในส่วนของโจทก์ จำเลยทั้งสองสำรองจ่ายและให้หักออกจากเงินค้ำประกันที่จำเลยทั้งสองจะต้องคืนแก่โจทก์ โจทก์ยอมแพ้คดี แต่หาก ก. เบิกความได้ข้อเท็จจริงไม่ตรงคำท้า จำเลยทั้งสองยอมแพ้ ปรากฏว่า ก. แถลงว่า ก. เป็นผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ได้รับเงินจำนวน 1,000,000 บาท จากจำเลยที่ 2 จริง แต่โจทก์และจำเลยทั้งสองไม่ได้ตกลงกันออกเงินจำนวนดังกล่าวฝ่ายละครึ่ง และไม่ได้ตกลงเรื่องจำเลยทั้งสองทดรองจ่ายในส่วนของโจทก์ครึ่งหนึ่ง และให้หักออกจากเงินค้ำประกันที่จำเลยทั้งสองจะต้องคืนแก่โจทก์ ดังนี้ คำเบิกความของ ก. ได้นัยข้อเท็จจริงตามคำท้าแล้วและไม่เป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดตามข้อโต้เถียง จำเลยทั้งสองจึงต้องแพ้คดีตามที่ท้ากันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390-2391/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าทายผลคดี: การยอมรับข้อเท็จจริงตามคำตอบของพยานผู้เชี่ยวชาญ ถือเป็นการยอมแพ้คดี
โจทก์ จำเลยทั้งสองและผู้ร้องสอดตกลงท้ากันให้ถือเอาการตอบคำถามศาลของ น. เป็นข้อแพ้ชนะเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้างตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84 (1) โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งอย่างใดเสียก่อน ถ้าผลแห่งการดำเนินกระบวนพิจารณานั้นเป็นประโยชน์ต่อคู่ความฝ่ายใด อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องยอมรับข้อเท็จจริงตามข้ออ้างของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นทั้งหมด เมื่อ น. ตอบคำถามศาลว่า ที่ดินพิพาทหมายเลข 1 ถึง 3 เป็นของจำเลยที่ 1 ส่วนที่ดินพิพาทหมายเลข 4 เป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของคำท้าทุกประการ แม้ว่าประเด็นของคดีไม่มีว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 หรือไม่ โจทก์และผู้ร้องสอดก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า