คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยักย้ายทรัพย์สิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2549 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการยักย้ายทรัพย์สิน: สิทธิในการยึดทรัพย์สินแม้มีการโอนหลังเกิดหนี้
ปัญหาว่านิติกรรมการยกให้ระหว่าง ธ. กับผู้คัดค้านมีผลสมบูรณ์แล้ว แม้จะกระทำขึ้นภายหลังเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบก็ตาม โจทก์จะต้องใช้สิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 ให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสียก่อน จึงจะยึดทรัพย์บังคับคดีต่อไปได้นั้น จะมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แต่เป็นปัญหาในเรื่องอำนาจยื่นคำร้อง ซึ่งเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งข้อเท็จจริงที่นำมาสู่ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวอ้างเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ มิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิยกขึ้นอ้างในอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง
การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะยึดหรืออายัดหรือขายบรรดาทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 283 วรรคหนึ่ง ดังนั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าทรัพย์สินที่โจทก์ขอนำยึดเป็นของจำเลยโดยเป็นสินสมรสของจำเลยกับสามี แต่ได้โอนให้แก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรโดยสมยอมเพื่อยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินให้พ้นจากการบังคับคดีและยืนยันให้ยึด เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงต้องยึดทรัพย์สินดังกล่าว แต่เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการยึด โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ โดยขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวได้ ตามนัยแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 283 วรรคสอง โจทก์หาจำต้องฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 เสียก่อนไม่ ทั้งการที่ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องของโจทก์ ถือว่าผู้คัดค้านได้เข้ามาในคดีแล้ว ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจวินิจฉัยข้ออ้างของโจทก์และข้อเถียงของผู้คัดค้านที่โต้แย้งกันนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6105/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนการชำระหนี้ล้มละลาย: การยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินเพื่อเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายหนึ่ง
สัญญานายหน้าซื้อขายที่ดินระหว่างผู้คัดค้านกับจำเลยที่ 1 ระบุสาระสำคัญไว้ว่าจำเลยที่ 1 จะชำระค่านายหน้าให้แก่ผู้คัดค้านในวันจดทะเบียนซื้อขายที่ดิน ณสำนักงานที่ดิน แต่ปรากฎว่าผู้คัดค้านได้รับเงินค่านายหน้า ในวันทำสัญญาซื้อขายที่ดิน จึงเป็นการชำระหนี้ก่อนมีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินขัดกับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญานายหน้าอันเป็นข้อพิรุธแสดงให้เห็นถึงความเร่งรีบจ่ายและรับเงินค่านายหน้าซึ่งชำระก่อนวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเพียง7 วัน และก่อนจำเลยทั้งสองจะถูกฟ้องล้มละลายไม่ถึง 20 วันทั้งสัญญานายหน้าก็ทำก่อนสัญญาซื้อขายที่ดินเพียง 2 วันเท่านั้น จึงขัดกับวิธีปฎิบัติทั่วไปที่วิญญูชนพึงกระทำพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ประสงค์จะยักย้ายถ่ายเทเงินค่าขายที่ดิน ปิดบังมิให้เจ้าหนี้รายอื่นของจำเลยที่ 1ได้รับชำระหนี้แต่ยอมชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านแต่ผู้เดียวซึ่งเป็นเจ้าหนี้คนหนึ่งได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น เพียงเท่านี้ศาลก็มีอำนาจเพิกถอนการชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้คัดค้านจะได้รับชำระหนี้โดยสุจริตหรือไม่ การเพิกถอนการชำระหนี้เป็นไปโดยผลของกฎหมาย ตราบใดที่ ศาลยังไม่มีคำสั่งให้เพิกถอนก็ต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้ โดยชอบอยู่ จะถือได้ว่าผู้คัดค้านผิดนัดต้องรับผิดในดอกเบี้ยนับแต่วันยื่นคำร้องหาได้ไม่ ผู้คัดค้านต้องรับผิดในดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนเป็นต้นไป ปัญหาข้อนี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1823/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้จัดการมรดกยักย้ายทรัพย์สินและถูกกำจัดมิให้รับมรดก
แม้ผู้จัดการมรดกได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมรดกมาเป็นของตนก่อนถูกฟ้องคดีถึง 7 ปี เศษแล้วก็ตาม ก็เป็นเรื่องดำเนินการในฐานะผู้จัดการมรดก หาใช่การจัดการแบ่งปันทรัพย์มรดกตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่ เมื่อไม่ปรากฏว่าหลังจากศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแล้วได้มีการแบ่งมรดกให้แก่ทายาทแต่อย่างใด จึงถือได้ว่าผู้จัดการมรดกได้ครอบครองทรัพย์มรดกทั้งหมดไว้แทนทายาทการจัดการมรดกยังไม่เสร็จสิ้น ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่ต้องจัดการแบ่งปันตามส่วนสัดของทรัพย์มรดกทั้งหมดแก่ทายาทตามกฎหมาย เว้นแต่ทายาทจะตกลงยินยอมกันการที่ผู้จัดการทรัพย์มรดกโอนที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกเป็นของตนทั้งหมด และภายหลังโอนยกให้โดยเสน่หาแก่บุตรของผู้จัดการมรดกซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่ง โดยไม่ยอมแบ่งปันแก่บุตรต่างบิดาซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดก ทั้งที่ผู้จัดการมรดกทราบดีว่าเจ้ามรดกมีบุตรกี่คนแสดงให้เห็นว่าผู้จัดการมรดกมีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์มรดกมากกว่าส่วนที่ตนจะได้ จึงถูกกำจัดมิให้ได้รับมรดกของเจ้ามรดกเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1605 วรรคแรก จำเลยที่ 1 ไม่ได้ยกประเด็นเรื่องฟ้องเคลือบคลุมเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แม้จำเลยที่ 2 ได้ให้การไว้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมแต่ในชั้นชี้สองสถานศาลมิได้กำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาทจึงถือว่าจำเลยที่ 2 สละประเด็นข้อต่อสู้ดังกล่าวแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองในประเด็นนี้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้นอีกทั้งไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกและการยักย้ายทรัพย์สินมรดก: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
เดิมเจ้ามรดกยกที่ดินโฉนดเลขที่ 694 ให้โจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นบุตรต่อมาเจ้ามรดกฟ้องโจทก์ทั้งสี่ขอถอนคืนการให้ แต่ตกลงประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ทั้งสี่แบ่งที่ดินบางส่วนซึ่งเป็นที่ดินพิพาทให้แก่เจ้ามรดก ต่อมาเจ้ามรดกถึงแก่กรรมลงจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลติดต่อกับเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อดำเนินการแบ่งแยกที่ดินพิพาทตามที่เจ้ามรดกได้ดำเนินการค้างไว้ดังนี้ การที่โจทก์ทั้งสี่ได้ยื่นคำขอยกเลิกคำขอแบ่งแยกที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดกการกระทำดังกล่าวหาใช่การยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่ ส่วนที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกขอเข้ารับมรดกความและบังคับคดีจนมีการเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินพิพาทเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกเช่นนี้ แม้โจทก์ทั้งสี่จะเคยคัดค้านต่อศาลในชั้นบังคับคดีโดยอ้างว่าจำเลยขอบังคับคดีเกินกำหนดอายุความแล้วก็เป็นการที่โจทก์ทั้งสี่ใช้สิทธิทางศาลตามที่ตนเป็นทายาทโดยชอบหาใช่ยักยอกหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่ จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความมรดก แต่จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ ฎีกาจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1948/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินเพื่อยักย้ายทรัพย์สินก่อนล้มละลาย แม้มีสัญญาซื้อขายก็ฟังไม่ได้ว่าสุจริต
ก่อนมีการฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย จำเลยได้จดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ต่อมาผู้คัดค้านที่ 1 ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินดังกล่าวให้ผู้คัดค้านที่ 2 โดยผู้คัดค้านที่2 ได้วางมัดจำไว้และผู้คัดค้านที่ 1 ผิดสัญญาไม่โอนที่ดินให้ผู้คัดค้านที่ 2 ผู้คัดค้านที่ 2 จึงฟ้องต่อศาลชั้นต้น และในที่สุดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้ผู้คัดค้านที่ 1 โอนที่ดินพิพาทแก่ผู้คัดค้านที่ 2 ดังนี้ แม้ผู้คัดค้านทั้งสองจะทำสัญญาจะซื้อจะขายกันไว้ก่อนก็มิได้เป็นเครื่องยืนยันว่ากระทำโดยสุจริต เพราะพฤติการณ์ที่มีการดำเนินคดีโดยรีบร้อนและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยเร่งด่วน ย่อมแสดงถึงความไม่สุจริตเจตนาช่วยเหลือจำเลยในการยักย้ายทรัพย์สิน พยานหลักฐานของผู้คัดค้านยังฟังไม่ได้ว่าได้มีการโอนที่พิพาทโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ศาลจึงมีอำนาจเพิกถอนการโอนได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 114, 116

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1948/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลาย กรณีมีเจตนาช่วยเหลือลูกหนี้ยักย้ายทรัพย์สิน
ก่อนมีการฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย จำเลยได้จดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ต่อมาผู้คัดค้านที่ 1 ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินดังกล่าวให้ผู้คัดค้านที่ 2 โดยผู้คัดค้านที่2 ได้วางมัดจำไว้และผู้คัดค้านที่ 1 ผิดสัญญาไม่โอนที่ดินให้ผู้คัดค้านที่ 2 ผู้คัดค้านที่ 2 จึงฟ้องต่อศาลชั้นต้น และในที่สุดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้ผู้คัดค้านที่ 1 โอนที่ดินพิพาทแก่ผู้คัดค้านที่ 2ดังนี้ แม้ผู้คัดค้านทั้งสองจะทำสัญญาจะซื้อจะขายกันไว้ก่อนก็มิได้เป็นเครื่องยืนยันว่ากระทำโดยสุจริต เพราะพฤติการณ์ที่มีการดำเนินคดีโดยรีบร้อนและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยเร่งด่วน ย่อมแสดงถึงความไม่สุจริตเจตนาช่วยเหลือจำเลยในการยักย้ายทรัพย์สิน พยานหลักฐานของผู้คัดค้านยังฟังไม่ได้ว่าได้มีการโอนที่พิพาทโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ศาลจึงมีอำนาจเพิกถอนการโอนได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 114,116.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักย้ายทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี ถือเป็นการกระทำโดยตรงต่อเจ้าของทรัพย์สิน ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องอาญา
โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถแท็กซี่คันพิพาท ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องเรียกรถดังกล่าวคืนจากจำเลยต่อศาลแพ่งพร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งยึดรถนั้นไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ศาลแพ่งได้มีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ทั้งสอง แต่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถแท็กซี่ดังกล่าวไม่ได้ เพราะจำเลย ยักย้ายรถไปไว้ที่อื่น โจทก์ทั้งสองย่อมเสียหายโดยตรง กรณีเช่นนี้จำเลยยักย้ายรถไปไว้ที่อื่นก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึด จึงมิใช่เป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่เป็นการกระทำต่อโจทก์ทั้งสองโดยตรง โจทก์ทั้งสองจึงเป็น ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถ, การยักย้ายทรัพย์สินหลีกเลี่ยงการยึด, โจทก์เป็นผู้เสียหายโดยตรง, อำนาจฟ้องคดีอาญา
โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถแท็กซี่คันพิพาท ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องเรียกรถดังกล่าวคืนจากจำเลยต่อศาลแพ่ง พร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งยึดรถนั้นไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาศาลแพ่งได้มีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ทั้งสอง แต่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถแท็กซี่ดังกล่าวไม่ได้เพราะจำเลย ยักย้ายรถไปไว้ที่อื่น โจทก์ทั้งสองย่อมเสียหายโดยตรงกรณีเช่นนี้จำเลยยักย้ายรถไปไว้ที่อื่นก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึด จึงมิใช่เป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่เป็นการกระทำต่อโจทก์ทั้งสองโดยตรง โจทก์ทั้งสองจึงเป็น ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายและการยักย้ายทรัพย์สินเป็นเหตุให้ฟ้องหย่าได้
สามีทำร้ายภริยาหลายครั้ง และทำร้ายอย่างไม่ปรานี แม้ในที่สาธารณะ ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินร่วมกันไปเป็นของสามีผิดวิสัยที่สามีภริยาพึงปฏิบัติต่อกัน ภริยาฟ้องหย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3209/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนการโอนทรัพย์สินในคดีล้มละลาย แม้ผู้รับโอนสุจริตแต่มีส่วนร่วมยักย้ายทรัพย์สิน ยึดหลักสุจริตและเสียค่าตอบแทน
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทจากผู้คัดค้านที่ 1 (จำเลย) ไปยังผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 4 ก่อนที่โจทก์จะฟ้องผู้คัดค้านที่ 1 เป็นคดีล้มละลายประมาณ 5 เดือนเศษ และต่อมาผู้คัดค้านที่ 4 ได้โอนที่ดินพิพาทให้แก่ผู้คัดค้านที่ 5 อันเป็นการทำให้เจ้าหนี้ของผู้คัดค้านที่ 1 เสียเปรียบตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 113 ประกอบ ป.พ.พ. มาตรา 237 ถือเป็นคดีที่เกี่ยวพันกับคดีล้มละลายคดีนี้เอง ผู้คัดค้านที่ 1 จึงมีสิทธิที่จะต่อสู้คดีได้ แม้ผู้คัดค้านที่ 1 จะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว แต่จะนำ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 (3) มาใช้บังคับในกรณีไม่ได้
ส่วนการเพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทเป็นไปโดยผลของคำสั่งหรือคำพิพากษา ตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอน การโอนนั้นก็ยังชอบด้วยกฎหมายอยู่ กรณียังถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้องอันจะเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 5 ต้องรับผิดในเรื่องดอกเบี้ยตามขอ ผู้ร้องคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้นับแต่วันที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนเป็นต้นไป
of 2