พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การเรียกร้องค่าเสียหายจากการยึดครองทรัพย์สินที่ศาลเคยพิพากษาแล้ว
กรณีที่จำเลยเข้าแย่งทำนาภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนนั้น เป็นการละเมิดที่เกิดขึ้นใหม่ในระหว่างที่เป็นความกัน โจทก์ไม่มีทางที่จะทราบและกล่าวเป็นข้อหาขึ้นได้ในขณะฟ้องคดีก่อนนั้น ฉะนันการที่โจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหาย ในการที่ จำเลยทำละเมิดระหว่างคดีก่อนนั้น จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ แต่ถ้ามีทางที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนสำหรับค่า เสียหายที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และจะเกิดขึ้นต่อไป รวมไปในฟ้องโจทก์ในคดรก่อนได้อยู่แล้ว โจทก์มิได้นำเาเรียกร้อง เสีย การอ้างว่าไม่แน่ว่าจะชนะคดีหรือไม่ หาทำให้เกิดสิทธิฟ้องใหม่แต่อย่างไรไม่ ถ้าฟ้องใหม่ในกรณีหลังนี้ ยอ่ม ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ.
โจทก์เคยฟ้องขอแบ่งมรดกที่ดินจากผู้มีชื่อ ในระหว่างคดีผู้มีชื่อโอนขายที่ดินนั้นแก่จำเลย โจทก์จึงยื่นคำร้องขอ เรียกจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยด้วย ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีได้ส่วนแบ่งที่ดิน คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้อง เรียกค่าเสียหายจากจำเลยอีกในการที่จำเลยได้เข้าทำนาส่วนของโจทก์ ซึ่งโจทก์มีทางที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทน นี้ รวมไปในฟ้องในคดีก่อนได้อยู่แล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตาม าป.ม.ว.แพ่งมาตรา 148./ เพราะ ประด็นเนื่องมาจากมูลฐานเดียวกัน คือจำเลยยึดครองทรัพย์สินของโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์เคยฟ้องขอแบ่งมรดกที่ดินจากผู้มีชื่อ ในระหว่างคดีผู้มีชื่อโอนขายที่ดินนั้นแก่จำเลย โจทก์จึงยื่นคำร้องขอ เรียกจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยด้วย ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีได้ส่วนแบ่งที่ดิน คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้อง เรียกค่าเสียหายจากจำเลยอีกในการที่จำเลยได้เข้าทำนาส่วนของโจทก์ ซึ่งโจทก์มีทางที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทน นี้ รวมไปในฟ้องในคดีก่อนได้อยู่แล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตาม าป.ม.ว.แพ่งมาตรา 148./ เพราะ ประด็นเนื่องมาจากมูลฐานเดียวกัน คือจำเลยยึดครองทรัพย์สินของโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ค่าเสียหายจากการยึดครองทรัพย์สินที่พิพาทในคดีก่อน แม้เรียกค่าเสียหายภายหลัง ก็ถือเป็นฟ้องซ้ำ
กรณีที่จำเลยเข้าแย่งทำนาภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนนั้นเป็นการละเมิดที่เกิดขึ้นใหม่ในระหว่างที่เป็นความกันโจทก์ไม่มีทางที่จะทราบและกล่าวเป็นข้อหาขึ้นได้ในขณะฟ้องคดีก่อนนั้น ฉะนั้นการที่โจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายในการที่จำเลยทำละเมิดระหว่างคดีก่อนนั้น จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำแต่ถ้ามีทางที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนสำหรับค่าเสียหายที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และจะเกิดขึ้นต่อไปรวมไปในฟ้องโจทก์ในคดีก่อนได้อยู่แล้วโจทก์มิได้นำพาเรียกร้องเสียการอ้างว่าไม่แน่ว่าจะชนะคดีหรือไม่ หาทำให้เกิดสิทธิฟ้องใหม่แต่อย่างไรไม่ถ้าฟ้องใหม่ในกรณีหลังนี้ ย่อมถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เคยฟ้องขอแบ่งมรดกที่ดินจากผู้มีชื่อ ในระหว่างคดีผู้มีชื่อโอนขายที่ดินนั้นแก่จำเลย โจทก์จึงยื่นคำร้องขอเรียกจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยด้วยศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีได้ส่วนแบ่งที่ดิน คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยอีกในการที่จำเลยได้เข้าทำนาส่วนของโจทก์ซึ่งโจทก์มีทางที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนนี้ รวมไปในฟ้องในคดีก่อนได้อยู่แล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 เพราะประเด็นเนื่องมาจากมูลฐานเดียวกัน คือจำเลยยึดครองทรัพย์สินของโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์เคยฟ้องขอแบ่งมรดกที่ดินจากผู้มีชื่อ ในระหว่างคดีผู้มีชื่อโอนขายที่ดินนั้นแก่จำเลย โจทก์จึงยื่นคำร้องขอเรียกจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยด้วยศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีได้ส่วนแบ่งที่ดิน คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยอีกในการที่จำเลยได้เข้าทำนาส่วนของโจทก์ซึ่งโจทก์มีทางที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนนี้ รวมไปในฟ้องในคดีก่อนได้อยู่แล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 เพราะประเด็นเนื่องมาจากมูลฐานเดียวกัน คือจำเลยยึดครองทรัพย์สินของโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าก่อนมี พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ผู้เช่ายึดครองทรัพย์สินโดยมิชอบ ถือเป็นละเมิด
บอกเลิกสัญญาเช่าถูกต้องตามสัญญาแล้ว ผู้เช่ามีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เช่า ถ้าไม่ยอมส่งมอบ ก็เป็นผู้ยึดถือทรัพย์สินของเขาไว้โดยไม่ชอบ เป็นผู้ละเมิดสิทธิไม่ใช่ผู้เช่าต่อไป
บอกเลิกสัญญาเช่าก่อนใช้พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 ผู้เช่าไม่ยอมออก จนใช้พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 แล้ว ผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ.นี้เพราะไม่ได้เป็นผู้เช่าแล้ว
พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 คุ้มครองแต่เฉพาะผู้เช่าในวันใช้พ.ร.บ.นั้นเป็นต้นมา
บอกเลิกสัญญาเช่าก่อนใช้พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 ผู้เช่าไม่ยอมออก จนใช้พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 แล้ว ผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ.นี้เพราะไม่ได้เป็นผู้เช่าแล้ว
พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 คุ้มครองแต่เฉพาะผู้เช่าในวันใช้พ.ร.บ.นั้นเป็นต้นมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9999/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิดต่อเนื่อง: การยึดครองทรัพย์สินโดยมิชอบและความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจนกว่าจะมีการเลิกยึดครอง
คดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 กับพวก ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์เข้าซ่อมแซมอาคารพิพาทครั้งแรกวันที่ 6 ธันวาคม 2549 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2550 ครั้งที่สองวันที่ 26 มีนาคม 2550 ถึงวันที่ 5 เมษายน 2550 และหลังจากเดือนเมษายน 2550 ถึงวันที่ 10 มกราคม 2551 พวกจำเลยยังคงครอบครองและยึดหน่วงอาคารพิพาทของโจทก์โดยไม่มีสิทธิ โจทก์มีรูปถ่ายความเสียหายของอาคารที่เกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้นมาแสดง ซึ่งจากการประมวลรูปถ่ายดังกล่าว สรุปได้ว่าระหว่างเดือนเมษายน 2550 ถึงวันที่ 10 เมษายน 2551 ที่จำเลยที่ 2 กับพวกเข้ายึดถือครอบครองอาคารพิพาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น จำเลยที่ 2 กับพวกมีโอกาสก่อให้เกิดหรือทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินในอาคารได้ทุกเมื่อ ความเสียหายดังกล่าวเป็นการละเมิดที่สืบต่อเนื่องกันมาโดยพวกจำเลยไม่ใช้ความระมัดระวังดูแลทรัพย์สินให้ดี ไม่บำบัดปัดป้องความเสียหายที่จะเกิดขึ้นดังเช่นวิญญูชนพึงกระทำ อายุความละเมิดยังไม่เริ่มนับจนกว่าพวกของจำเลยจะเลิกยึดถือครอบครองอาคารพิพาทโดยไม่ชอบเพราะหากจำเลยกับพวกยังอยู่ในอาคารพิพาทแล้วไซร้ ก็ยังอยู่ในวิสัยที่พวกจำเลยสามารถทำละเมิดแก่ทรัพย์สินของโจทก์ได้ทุกขณะเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายเพิ่มมากขึ้นโดยไม่หยุดยั้ง แต่เมื่อพวกจำเลยออกไปจากอาคารพิพาทแล้ว โจทก์ย่อมเข้าไปตรวจสอบความเสียหายได้อย่างอิสระตามวิถีที่เจ้าของทรัพย์สินพึงกระทำได้ ดังนั้น เมื่อนับจากวันที่ 11 มกราคม 2551 ที่พวกจำเลยออกไปจากอาคารพิพาทถึงวันฟ้องวันที่ 4 กรกฎาคม 2551 ยังไม่เกิน 1 ปี นับแต่การกระทำละเมิด ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ