คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยึดทรัพย์ชั่วคราว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7972/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ชั่วคราวกับการบังคับคดี: เจ้าหนี้อื่นต้องดำเนินการยึดทรัพย์จากศาลที่ออกหมายยึดชั่วคราว
การยึดทรัพย์สินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 (1) ซึ่งเป็นวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา มิใช่เป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดีตามคำพิพากษา จึงไม่ต้องห้ามที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นจะยึดทรัพย์สินนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นจึงต้องไปดำเนินการยึดทรัพย์ที่ถูกยึดไว้ชั่วคราวนั้นจะมายื่นคำร้องต่อศาลที่ออกหมายยึดทรัพย์นั้นชั่วคราวเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์ไม่ได้ คำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยได้ก่อนศาลมีคำพิพากษาคดีนี้ จึงไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯ มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4344/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมบังคับคดีจากการยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา และการหักเงินประกันเพื่อชำระค่าธรรมเนียม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 259 ให้นำบทบัญญัติลักษณะ 2 แห่งภาค 4 ว่าด้วยการบังคับแก่วิธีการชั่วคราวที่ศาลสั่งตามที่กล่าวไว้ในลักษณะ 1 โดยอนุโลมเมื่อโจทก์เป็นผู้ดำเนินการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ถือได้ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่น ตามมาตรา 149 แล้ว แม้ว่าต่อมา โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และโจทก์ไม่ได้รับประโยชน์จากการยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา โจทก์ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่ บัญญัติไว้ในตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในกรณีที่ยึดทรัพย์แล้วไม่มีการขาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์วางเงินจำนวน 5,000 บาทไว้เพื่อเป็นประกันค่าเสียหายในการที่มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา แม้จำเลยมิได้รับความเสียหายก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีกรณีที่ยึดแล้วไม่มีขายจำนวน 20,370บาท และศาลชั้นต้นได้แจ้งคำสั่งให้โจทก์นำเงินดังกล่าวมาชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งโจทก์ได้ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้วแต่ก็มิได้นำเงินมาชำระ เช่นนี้ ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจที่จะไม่คืนเงินที่โจทก์วางไว้เป็นประกัน จำนวน5,000 บาท ให้แก่โจทก์จนกว่าโจทก์จะนำเงินค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีจำนวน 20,370 บาท มาชำระแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ และถ้าหากในที่สุดโจทก์ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีมาชำระและไม่มีทรัพย์สินที่จะยึดมาชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลชั้นต้นย่อมเบิกเงินจำนวน 5,000 บาท มาชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4344/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีจากการยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา แม้ประนีประนอมยอมความแล้วก็ต้องชำระ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 259 ซึ่งอยู่ในภาค 4ลักษณะ 1 ให้นำบทบัญญัติลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีมาใช้บังคับแก่วิธีการชั่วคราวที่ศาลสั่งตามที่กล่าวไว้ในลักษณะนี้โดยอนุโลมแสดงว่ากรณีมีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับกรณีมีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ตามที่บทบัญญัติไว้ในตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และมาตรา 149 วรรคแรกเมื่อโจทก์ดำเนินการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ของจำเลยไว้เป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ถือว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาตามมาตรานี้แล้ว แม้ต่อมาโจทก์จำเลยจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและโจทก์ไม่ได้รับประโยชน์จากการยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โจทก์ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ 3 ครึ่งของราคาทรัพย์ที่ยึด เงินประกันค่าเสียหายที่โจทก์วางต่อศาลชั้นต้นเป็นเงินประกันค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยจะได้รับความเสียหาย แม้จำเลยไม่ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี และศาลชั้นต้นได้แจ้งคำสั่งให้โจทก์นำเงินมาชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งโจทก์ก็ทราบคำสั่งแล้ว แต่ก็มิได้นำเงินมาชำระ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะไม่คืนเงินที่โจทก์วางไว้เป็นประกันค่าเสียหายจนกว่าโจทก์จะนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระแก่เจ้าพนักงานบังคับคดี ถ้าหากในที่สุดโจทก์ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีมาชำระและไม่มีทรัพย์สินที่จะยึดมาชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลชั้นต้นก็เบิกเงินค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวมาชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6093/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ไม่ถือเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษา จึงไม่อยู่ในข้อห้ามอายัดซ้ำ
การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 (1) มิใช่เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการบังคับคดีโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จึงไม่ต้องด้วยข้อห้ามมิให้ยึดหรืออายัดซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290บทบัญญัติใน ป.วิ.พ. ลักษระ 2 แห่งภาค 4 ว่าด้วยการบังคับคดีมาตรา 259 ให้นำมาใช้บังคับแก่วิธีการชั่วคราวนั้น หารวมถึงบทบัญญัติมาตรา 290 นี้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6093/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ไม่ถือเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษา จึงไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามอายัดซ้ำ
การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา254(1) มิใช่เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการบังคับคดีโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จึงไม่ต้องด้วยข้อห้ามมิให้ยึดหรืออายัดซ้ำตาม ป.วิ.พ.มาตรา 290 บทบัญญัติใน ป.วิ.พ. ลักษณะ 2 แห่งภาค 4 ว่าด้วยการบังคับคดีมาตรา 259 ให้นำมาใช้บังคับแก่วิธีการชั่วคราวนั้น หารวมถึงบทบัญญัติมาตรา 290 นี้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาและการขอหมายบังคับคดีตามกำหนดเวลา หากล่าช้าคำสั่งยึดทรัพย์เป็นอันยกเลิก
ศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาต่อมาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับ คำบังคับ พนักงานเดินหมายรายงานว่า ได้ ปิดคำบังคับไว้ที่บ้านของจำเลยตาม คำสั่งศาลเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2526 ต้อง ถือว่าจำเลยรับคำบังคับภายหลังปิดคำบังคับ 15 วัน คือวันที่ 14 กรกฎาคม 2526 จำเลยจะต้องปฏิบัติตาม คำพิพากษาภายในวันที่ 13 สิงหาคม 2526 โจทก์จึงต้องขอหมายบังคับคดีภายในวันที่ 28 สิงหาคม 2526 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) เมื่อโจทก์มาขอให้ศาลแต่งตั้ง เจ้าพนักงานบังคับคดีในวันที่ 28 กันยายน 2526จึงเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายบังคับไว้ไปถึง 1 เดือน คำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาจึงเป็นอันยกเลิกการที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ ติดตาม ผลของการส่งคำบังคับตลอดมาแต่พนักงานเดินหมายไม่รายงานผลของการส่งคำบังคับต่อศาล ทำให้โจทก์ขอหมายบังคับคดีล่าช้านั้น ไม่เป็นข้อแก้ตัวที่จะยกเว้นบทบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2)เพราะโจทก์อาจขอหมายบังคับคดีไว้ก่อนได้ .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษาเป็นอันยกเลิก หากโจทก์ไม่ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดตามกฎหมาย
ศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ต่อมาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับคำบังคับ พนักงานเดินหมายรายงานว่าได้ปิดคำบังคับไว้ที่บ้านของจำเลยตามคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 29มิถุนายน 2526 ต้องถือว่าจำเลยรับคำบังคับภายหลังปิดคำบังคับ 15วัน คือวันที่ 14 กรกฎาคม 2526 จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาภายในวันที่ 13 สิงหาคม 2526 โจทก์จึงต้องขอหมายบังคับคดีภายในวันที่28 สิงหาคม 2526 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 260(2) เมื่อโจทก์มาขอให้ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีในวันที่ 28 กันยายน 2526 จึงเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายบังคับไว้ไปถึง 1 เดือน คำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาจึงเป็นอันยกเลิก การที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ติดตามผลของการส่งคำบังคับตลอดมา แต่พนักงานเดินหมายไม่รายงานผลของการส่งคำบังคับต่อศาลทำให้โจทก์ขอหมายบังคับคดีล่าช้านั้น ไม่เป็นข้อแก้ตัวที่จะยกเว้นบทบังคับของมาตรา 260(2) เพราะโจทก์อาจขอหมายบังคับคดีไว้ก่อนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษาในคดีล้มละลาย: ไม่อาจใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหากมีกฎหมายเฉพาะ
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มีบทบัญญัติไว้โดยเฉพาะในเรื่องขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราวตามมาตรา 17 ซึ่งจะขอได้ก็แต่ก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น และเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วมาตรา 19 วรรคแรก บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ายึดดวงตรา สมุดบัญญชี และเอกสารของลูกหนี้ และบรรดาทรัพย์สินซึ่งอยู่ในความครอบครองของลูกหนี้หรือของผู้อื่นอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลาย ฉะนั้นเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและโจทก์อุทธรณ์ โจทก์จะขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ยึดทรัพย์ของลูกหนี้ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษาที่ถูกบังคับคดีโดยเจ้าหนี้รายอื่น โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์
โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นยึดที่ดินของจำเลยที่ 1 ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาแล้วต่อมาศาลแพ่งได้ยึดที่ดินแปลงดังกล่าวตามคำขอของโจทก์ในคดีของศาลแพ่ง และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวไปตามหมายบังคับคดีของศาลแพ่งนั้น เป็นเรื่องที่โจทก์ในคดีของศาลแพ่งใช้สิทธิที่เหนือกว่าในฐานเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีเอาแก่ที่ดินแปลงดังกล่าวไปก่อน และถือได้ว่าการยึดที่ดินแปลงดังกล่าวไว้ชั่วคราวตามคำขอของโจทก์เป็นอันยกเลิกไปในตัว เพราะเป็นการพ้นวิสัยที่โจทก์จะบังคับคดีเอาแก่ที่ดินแปลงนั้นต่อไปได้ ทั้งโจทก์ในคดีของศาลแพ่งก็ย่อมต้องเสียค่าธรรมเนียมขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่แล้ว โจทก์คดีนี้จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายสำหรับที่ดินแปลงเดียวกันนี้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษา: ต้องพิสูจน์เจตนาจำเลยโอนทรัพย์สิน
โจทก์ร้องขอให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาเป็นการยื่นคำขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254(1) ซึ่งโจทก์มีหน้าที่จะต้องนำสืบจนเป็นที่พอใจของศาลว่า จำเลยตั้งใจจะโอนขาย หรือจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยเสียทั้งหมดหรือบางส่วน หรือยักย้ายไปเสียให้พ้นจากอำนาจศาล ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 255 วรรคสอง (ก) ไม่ใช่กรณีตามมาตรา 264โจทก์นำสืบแต่เพียงว่าจำเลยมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินอันเป็นสินค้าที่จำเลยมีอยู่ในร้านค้าของจำเลยเท่านั้นยังไม่มีเหตุเพียงพอที่ศาลจะสั่งให้ยึดทรัพย์สินจำเลยตามคำขอได้