พบผลลัพธ์ทั้งหมด 20 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2169/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 304: การแจ้งการยึดและฝากโฉนดเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำชี้ทรัพย์
การยึดที่ดินมีโฉนด เพียงแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเอาโฉนดที่ดินมาและฝากไว้ ณ สถานที่ใดหรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควร และแจ้งการยึดต่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินก็ถือเป็นการยึดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 304 วรรคหนึ่งแล้ว ไม่จำต้องให้โจทก์หรือผู้แทนของโจทก์ไปนำชี้ทรัพย์ที่จะยึดเพื่อประทับตราหรือกระทำโดยวิธีอื่นใด เพื่อให้การยึดเห็นประจักษ์เหมือนอย่างกรณีการยึดสังหาริมทรัพย์ การให้มีผู้นำยึดโดยผู้นำยึดต้องชี้ทรัพย์ที่จะยึด เป็นไปเพื่อประโยชน์ในการปิดประกาศการยึด การทำแผนที่ในประกาศขายทอดตลาดเพื่อให้ผู้ซื้อทรัพย์มีแนวทางในการตรวจสอบสถานที่ตั้งทรัพย์เท่านั้น ดังนั้น การที่โจทก์หรือผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปชี้ที่ดินที่จะยึด โดยนำชี้ผิดแปลงก็มีผลเพียงให้มีการปิดประกาศการยึดผิดแปลงเท่านั้น หาใช่เป็นกรณีการยึดที่ดินผิดแปลงไม่ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปตรวจสภาพที่ดินเพื่อนำชี้ที่ดินแปลงที่ถูกต้องใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2169/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดิน: ไม่ต้องนำชี้ทรัพย์ ยึดถูกต้องเมื่อแจ้งการยึดและบันทึกการยึดแล้ว
การยึดที่ดินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 304ไม่จำต้องให้โจทก์หรือผู้แทนของโจทก์ไปนำชี้ทรัพย์ที่จะยึดเพื่อประทับตราหรือกระทำโดยวิธีอื่นใดเพื่อให้การยึดเห็นประจักษ์เหมือนอย่างกรณีการยึดสังหาริมทรัพย์เหตุที่ระเบียบการบังคับคดีที่มีอยู่เดิมกำหนดให้มีผู้นำยึด โดยผู้นำยึดต้องชี้ทรัพย์ที่จะยึดก็เพื่อประโยชน์ในการปิดประกาศการยึด การทำแผนที่ในประกาศขายทอดตลาดเพื่อให้ผู้ซื้อทรัพย์มีแนวทางในการตรวจสอบสถานที่ตั้งทรัพย์เท่านั้น ซึ่งหากแผนที่ดังกล่าวไม่ถูกต้องก็มิได้ผูกมัดเจ้าพนักงานบังคับคดี ดังนั้นการที่โจทก์หรือผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปชี้ที่ดินที่จะยึดผิดแปลง ก็ไม่อาจจะถือได้ว่ากรณีเป็นการยึดที่ดินผิดแปลง การนำชี้ผิดเป็นผลเพียงให้มีการปิดประกาศการยึดผิดแปลงเท่านั้น โจทก์มีสิทธิที่จะนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปตรวจสภาพที่ดินเพื่อนำชี้ที่ดินแปลงที่ถูกต้องใหม่ได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการยึดที่ดินแปลงที่ชี้ผิดแล้วไม่มีการขาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินที่มีข้อจำกัดการโอน: ที่ดินอยู่ภายใต้ข้อยกเว้นการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายที่ดิน
โจทก์ฎีกาว่า ที่ดินพิพาทมีกำหนดเงื่อนไขห้ามโอน 10 ปี การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกเหตุดังกล่าวขึ้นมาเป็นข้อวินิจฉัยว่ามีข้อเท็จจริงที่โจทก์ต้องปฏิเสธ โจทก์เห็นว่าเมื่อการครอบครองที่ดินพิพาทยังไม่เปลี่ยนแปลงไป โจทก์จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงใดต้องปฏิเสธ ดังนี้ ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติแล้วว่า ที่ดินพิพาทมีกำหนดห้ามโอนภายใน 10 ปี ปัญหาจึงมีเพียงว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจที่จะยึดที่ดินพิพาทหรือไม่ ซึ่งโจทก์ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไว้แล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีที่จะต้องวินิจฉัย ที่ดินพิพาทต้องห้ามการโอนภายใน 10 ปี ซึ่งประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 31 วรรคท้าย บัญญัติว่า ภายในกำหนดเวลาห้ามโอนตามวรรคหนึ่งที่ดินนั้นไม่อยู่ในข่ายแห่งการบังคับคดี การยึดที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 282 แม้ผลของการยึดทรัพย์จะยังมิได้ทำให้สิทธิแห่งการครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยเปลี่ยนไปก็ตาม แต่เมื่อที่ดินพิพาทไม่ตกอยู่ในข่ายแห่งการบังคับคดีแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ไม่มีอำนาจที่จะยึดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3437/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินเพื่อบังคับชำระหนี้ต้องคำนึงถึงสิทธิครอบครองของผู้ร้อง แม้ น.ส.๓ ก. ถูกเพิกถอน
การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคนละเรื่องกับการใช้สิทธิครอบครองที่ดินที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ถูกเพิกถอน ดังนั้น เมื่อที่ดินพิพาทอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องและยังฟังไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย โจทก์ก็จะนำยึดเพื่อบังคับชำระหนี้ของจำเลยไม่ได้ ต้องถอนการยึดให้ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3437/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินเพื่อบังคับชำระหนี้ต้องพิจารณาถึงสิทธิครอบครองของผู้ร้อง แม้ น.ส.3 ก. ถูกเพิกถอน
การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคนละเรื่องกับการใช้สิทธิครอบครองที่ดินที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ถูกเพิกถอนดังนั้น เมื่อที่ดินพิพาทอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องและยังฟังไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย โจทก์ก็จะนำยึดเพื่อบังคับชำระหนี้ของจำเลยไม่ได้ต้องถอนการยึดให้ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3437/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินเพื่อบังคับชำระหนี้ต้องพิจารณาถึงสิทธิครอบครองของผู้ร้อง แม้ น.ส.3 ก. ถูกเพิกถอน
การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคนละเรื่องกับการใช้สิทธิครอบครองที่ดินที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ถูกเพิกถอนดังนั้นเมื่อที่ดินพิพาทอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องและยังฟังไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของจำเลยโจทก์ก็จะนำยึดเพื่อบังคับชำระหนี้ของจำเลยไม่ได้ต้องถอนการยึดให้ผู้ร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2348/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินตาม น.ส.3 ต้องแจ้งเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อให้มีผลผูกพันกับบุคคลภายนอก ผู้รับจำนองสุจริตอาจมีสิทธิ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 304 วรรคแรกการยึดที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) จะถือเป็น การยึดตามกฎหมาย เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องแจ้งการยึดต่อ ลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินหรือนายอำเภอผู้มี หน้าที่เกี่ยวกับที่ดินนั้นเพื่อให้เจ้าพนักงานที่ดินหรือนายอำเภอซึ่งเป็นนายทะเบียนควบคุมมิให้มีการโอน เปลี่ยนแปลง หรือก่อให้เกิดสิทธิอย่างอื่นในที่ดินที่ถูกยึดดังกล่าวและตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305 (1) หมายความถึงการโอนเปลี่ยนแปลงและก่อให้เกิดสิทธิแก่ที่ดินหรือทรัพย์สินที่ถูกยึดหลังจากทำการยึดไว้โดยชอบแล้วเท่านั้น
ผู้ร้องได้รับจำนองที่ดินซึ่งยังไม่ถูกยึดโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305 (1) หากผู้ร้อง ไม่ทราบว่าที่ดินถูกยึดและรับจำนองโดยสุจริตก็มีผลบังคับใช้ยันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษากับ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้
ผู้ร้องได้รับจำนองที่ดินซึ่งยังไม่ถูกยึดโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305 (1) หากผู้ร้อง ไม่ทราบว่าที่ดินถูกยึดและรับจำนองโดยสุจริตก็มีผลบังคับใช้ยันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษากับ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2348/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินตาม น.ส.3 และผลกระทบต่อผู้รับจำนองโดยสุจริต หากเจ้าพนักงานบังคับคดียังไม่ได้แจ้งการยึดต่อเจ้าพนักงานที่ดิน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 304 วรรคแรกการยึดที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) จะถือเป็น การยึดตามกฎหมาย เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องแจ้งการยึดต่อ ลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานที่ดินหรือนายอำเภอผู้มี หน้าที่เกี่ยวกับที่ดินนั้นเพื่อให้เจ้าพนักงานที่ดินหรือนายอำเภอซึ่งเป็นนายทะเบียนควบคุมมิให้มีการโอน เปลี่ยนแปลง หรือก่อให้เกิดสิทธิอย่างอื่นในที่ดินที่ถูกยึดดังกล่าวและตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305(1) หมายความถึงการโอนเปลี่ยนแปลงและก่อให้เกิดสิทธิแก่ที่ดินหรือทรัพย์สินที่ถูกยึดหลังจากทำการยึดไว้โดยชอบแล้วเท่านั้น ผู้ร้องได้รับจำนองที่ดินซึ่งยังไม่ถูกยึดโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 305(1) หากผู้ร้อง ไม่ทราบว่าที่ดินถูกยึดและรับจำนองโดยสุจริตก็มีผลบังคับใช้ยันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษากับ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดิน - การแจ้งเจ้าพนักงานที่ดิน - ผลของการไม่แจ้ง
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินมีโฉนด แต่มิได้แจ้งการยึดแก่เจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ทำให้การยึดและขายทอดตลาดที่ดินนั้นเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมของผู้เยาว์ในการกู้เงินและการยึดที่ดินเป็นประกัน จำเลยมีสิทธิเรียกร้องได้
โจทก์ทั้งสองเป็นผู้เยาว์บิดาตายไปแล้ว มารดาโจทก์ไปกู้เงินจำเลยและได้นำโฉนดที่ดินของโจทก์ไปให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันโดยโจทก์รู้เห็นยินยอม กรณีเช่นนี้ไม่อยู่ใต้บัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 และตามพฤติการณ์ถือได้ว่ามารดาผู้ใช้อำนาจปกครองโจทก์ได้ให้ความยินยอมในการกระทำดังกล่าวนั้น ถึงแม้ว่าโจทก์มิใช่ผู้กู้เงินจากจำเลย จำเลยก็มีสิทธิที่จะยึดโฉนดของโจทก์ไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามสัญญา