คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยืนยันตัวผู้กระทำผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์-อนาจาร: พยานแวดล้อมหนักแน่น ยืนยันตัวผู้กระทำผิดได้
แม้โจทก์จะไม่มีส. ลูกจ้างที่ร้านอาหารของผู้เสียหายมาเบิกความเป็นพยานต่อศาลแต่ก็ได้ความจากพนักงานสอบสวนตามบันทึกการชี้ตัวและคำให้การของ ส. ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของผู้เสียหาย และในขณะที่ผู้เสียหายอยู่ที่บ้านเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ก็ได้เข้ามา กระทำอนาจารผู้เสียหาย ถึง 2 ครั้ง เป็นเวลานาน ซึ่งในห้องเปิดไฟสว่าง มองเห็นกันได้และอยู่ใกล้ชิดกัน น่าเชื่อว่าผู้เสียหายมีโอกาส มองเห็นและจำจำเลยที่ 1 ได้ และการที่ผู้เสียหาย ไปดูตัวคนร้ายที่ถูกจับอยู่ที่สถานีตำรวจเพราะอ่านพบข่าว และดูภาพคนร้ายจากหนังสือพิมพ์เหมือนคนร้ายที่กระทำ ต่อผู้เสียหาย ยิ่งทำให้คำเบิกความของผู้เสียหายมีน้ำหนัก น่ารับฟังมากว่าผู้เสียหายจำคนร้ายได้ เมื่อดูตัวแล้วผู้เสียหายก็ยืนยันว่า จำเลยที่ 1 กับพวกเป็นคนร้ายและชี้ตัวได้ถูกต้องผู้เสียหายยืนยันว่าเมื่อรู้สึกตัวที่โรงพยาบาลทรัพย์สิน ได้หายไปแม้ไม่ได้ความว่าจำเลยคนใดเอาทรัพย์สินไป แต่พฤติการณ์ที่ผู้เสียหายถูกมอมยาและพาไปที่บ้านเกิดเหตุนานหลายชั่วโมง มีการให้ผู้เสียหายรับประทานยาอีก 2 ครั้งจนผู้เสียหายหมดสติหลับไป เมื่อฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาลปรากฏว่า ทรัพย์สินหายไปและไม่พบตัวจำเลยที่ 1 กับพวกเช่นนี้ พยานโจทก์แวดล้อมกรณีมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจาก ข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำผิดจริงตามฟ้อง พยานจำเลยที่ 1 นำสืบอ้างฐานที่อยู่มีน้ำหนักน้อยทั้งจำเลยที่ 1 ได้ให้การ รับสารภาพในข้อหาปล้นทรัพย์ตามฟ้องจนศาลสืบพยานโจทก์ เกือบเสร็จแล้ว จำเลยที่ 1 ได้ขอถอนคำให้การเดิมและ ให้การใหม่ปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องเป็นพิรุธ พยานจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีฆ่าผู้อื่นโดยอาศัยพยานผู้มีส่วนร่วมเหตุการณ์และยืนยันตัวผู้กระทำผิด
ว.กับส. พยานโจทก์รู้จักกับจำเลยมาก่อน ไม่มีเรื่องโกรธเคืองกัน บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าข้างทางและจากบ้านทั้งสองข้างทาง และบิดามารดาของพยานโจทก์ทั้งสองซึ่งเข้าไปห้ามปรามก็ถูกพวกจำเลยตีทำร้ายด้วย ว. ถึงได้ตะโกนให้หยุด โดยขู่ว่ามิฉะนั้นจะเอาปืนมายิง พวกจำเลยจึงได้ล่าถอยไป แสดงว่าพยานได้มีส่วนแก้ไขในเหตุการณ์ด้วย ไม่ใช่เพียงรู้เห็นเหตุการณ์อย่างเดียว ในคืนเกิดเหตุภายหลังเกิดเหตุแล้วเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมพวกของจำเลยได้ พยานโจทก์ทั้งสองก็ชี้ ตัวว่าเป็นคนร้าย ต่อมาเมื่อ ส. เห็นจำเลยที่ลานสเกต ก็เป็นคน โทรศัพท์แจ้งเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยได้ที่ลานสเกต ดังกล่าว ดังนี้จึงเชื่อ ว่าพยานโจทก์ทั้งสองต้องสนใจและจำจำเลยได้ไม่ผิด.