คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รถของกลาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาของผู้ให้เช่าซื้อที่เพิกเฉยต่อการผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อและรู้เห็นการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ ทำให้ไม่อาจขอคืนรถของกลางได้
ผู้ร้องให้จำเลยเช่าซื้อรถพ่วงบรรทุก จำเลยชำระค่าเช่าซื้อเพียง 5 งวดแล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้ออีก แม้ตามสัญญาเช่าซื้อระบุว่า "ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระงวดหนึ่งงวดใด หรือผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด... ให้ถือว่าเป็นการผิดนัดผิดสัญญา และยอมให้สัญญาเช่าซื้อนี้เป็นอันมีผลบังคับได้ทันที โดยมิต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้าก่อน" แต่เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 6 ผู้ร้องยังยอมรับเช็คซึ่งชำระค่าเช่าซื้อในงวดต่อมาโดยนำเช็คไปเบิกเงิน ผู้ร้องก็มิได้เลิกสัญญา หรือยึดรถพ่วงบรรทุกคืนแสดงว่า ผู้ร้องมิได้ถือเอากำหนดเวลาที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดตามสัญญาเช่าซื้อเป็นสาระสำคัญของสัญญาและไม่ประสงค์จะเลิกสัญญาโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าว นอกจากนี้ สัญญาเช่าซื้อข้อ 9 ยังระบุว่า"ในระหว่างที่ผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อยังไม่หมดและมีเหตุวิบัติทำให้ทรัพย์สินที่เช่าซื้อเป็นอันตรายหรือสูญหายโดยเหตุประการใด ๆแม้จะเป็นเหตุสุดวิสัยก็ตาม ผู้เช่าซื้อก็ตกลงยินยอมชำระค่าเช่าซื้อที่ยังค้างอยู่ทั้งหมดให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อจนครบถ้วนโดยพลัน"ดังนั้นเมื่อผู้ร้องไม่บอกเลิกสัญญาและไม่ติดตามรถพ่วงที่เช่าซื้อคืน จึงเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่า ผู้ร้องมีเจตนาเพียงต้องการได้รับค่าเช่าซื้อเท่านั้น เมื่อจำเลยนำรถไปใช้กระทำผิดและถูกริบและมีผู้แจ้งให้ผู้ร้องทราบ ผู้ร้องจึงมาขอรถของกลางคืน เป็นการขอคืนแทนผู้กระทำผิด ถือว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดไม่อาจขอคืนรถพ่วงของกลางได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์รถของกลางหลังศาลสั่งริบ: ผู้รับโอนย่อมไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ เพราะกรรมสิทธิ์ตกเป็นของแผ่นดิน
ผู้ร้องรับโอนรถจักรยานยนต์ของกลางภายหลังศาลสั่งริบย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะรถของกลางตกเป็นของแผ่นดินแล้วจึงร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถจักรยานยนต์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถของกลาง: การรับโอนหลังศาลสั่งริบไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ รถตกเป็นของแผ่นดิน
ผู้ร้องรับโอนรถจักรยานยนต์ของกลางภายหลังศาลสั่งริบย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะรถของกลางตกเป็นของแผ่นดินแล้วจึงร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถจักรยานยนต์ไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจยึดรถของกลางในคดีขนส่งทางบก: การปฏิบัติหน้าที่โดยชอบของพนักงานสอบสวน
การดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง กระทำการขนส่งอันมีลักษณะเช่นเดียวหรือคล้ายกับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง หรือมีลักษณะเป็นการแย่งผลประโยชน์กับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางในเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 นั้นรถยนต์ของกลางย่อมเป็นหลักฐานสำคัญแห่งองค์ความผิดที่จะทำให้ทราบข้อเท็จจริงตลอดจนพฤติการณ์ต่าง ๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหาและเพื่อที่จะรู้ตัวผู้ร่วมกระทำผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิดพนักงานสอบสวนมีอำนาจที่จะยึดรถยนต์ของกลางไว้เป็นพยานหลักฐานประกอบคดีได้จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 ประกอบกับมาตรา 85

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจยึดรถของกลางในคดีขนส่งทางบก: การปฏิบัติหน้าที่ชอบด้วยกฎหมาย
การดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางกระทำการขนส่งอันมีลักษณะเช่นเดียวหรือคล้ายกับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางหรือมีลักษณะเป็นการแย่งผลประโยชน์กับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางในเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 นั้นรถยนต์ของกลางย่อมเป็นหลักฐานสำคัญแห่งองค์ความผิดที่จะทำให้ทราบข้อเท็จจริงตลอดจนพฤติการณ์ต่างๆอันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหาและเพื่อที่จะรู้ตัวผู้ร่วมกระทำผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิดพนักงานสอบสวนมีอำนาจที่จะยึดรถยนต์ของกลางไว้เป็นพยานหลักฐานประกอบคดีได้จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 ประกอบกับมาตรา 85

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถของกลางที่ถูกยึดและการซื้อขายโดยสุจริต ผู้ซื้อย่อมได้กรรมสิทธิ์
รถยนต์ของกลางของจำเลยในคดีความผิดฐานรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร และใช้รถยนต์วิ่งบนทางหลวงที่ยังมิได้เปิดเป็นถนนสาธารณโดยไม่รับอนุญาต ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยึดไว้และได้มอบให้บุคคลอื่นรักษาไว้ในระหว่างคดี หากจำเลยได้เอารถคันนั้นไปโอนขายให้บุคคลภายนอก และบุคคลภายนอกได้รับซื้อไว้โดยสุจริต โดยไม่รู้ว่าเป็นรถที่ถูกยึดไว้เป็นของกลางในคดี บุคคลภายนอกผู้นั้นย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้น ต่อมาภายหลังเมื่อคดีถึงศาลและศาลได้พิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลาง บุคคลภายนอกผู้นั้นย่อมร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางที่ศาลพิพากษาให้ริบนั้นได้ รูปคดีเช่นนี้จะปรับด้วยบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2497 มาตรา 3 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถของกลาง ผู้ซื้อโดยสุจริตได้รับกรรมสิทธิ์ แม้รถยังถูกยึดเป็นของกลางอยู่
รถยนต์ของกลางของจำเลยในคดีความผิดฐานรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร และใช้รถยนต์วิ่งบนทางหลวงที่ยังมิได้เปิดเป็นถนนสาธารณโดยไม่รับอนุญาตซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยึดไว้และได้มอบให้บุคคลอื่นรักษาไว้ในระหว่างคดี หากจำเลยได้เอารถคันนั้นไปโอนขายให้บุคคลภายนอก และบุคคลภายนอกได้รับซื้อไว้โดยสุจริตโดยไม่รู้ว่าเป็นรถที่ถูกยึดไว้เป็นของกลางในคดีบุคคลภายนอกผู้นั้นย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้นต่อมาภายหลังเมื่อคดีถึงศาล และศาลได้พิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลาง บุคคลภายนอกผู้นั้นย่อมร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางที่ศาลพิพากษาให้ริบนั้นได้รูปคดีเช่นนี้จะปรับด้วยบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ.2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2497 มาตรา 3 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5994/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งอนุญาตให้ดูแลรักษารถของกลางระหว่างพิจารณาคดี ไม่ใช่คำสั่งถึงที่สุด จึงไม่อุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 196
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลคืนรถยนต์บรรทุกของกลางและขอให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกของกลางไปเก็บรักษาไว้ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดี ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกของกลางไปดูแลรักษาไว้ชั่วคราว และมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีที่ร้องขอคืนของกลางออกจากสารบบความโดยให้รอไว้พิจารณาเมื่อคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบสี่และขอริบรถยนต์บรรทุกของกลางถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องนำรถยนต์บรรทุกของกลางไปดูแลรักษาไว้ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดีเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีของผู้ร้องเสร็จสิ้นไป เพราะต้องมีการไต่สวนคำร้องขอคืนของกลางของผู้ร้องอีก กรณีต้องด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 196 ที่ห้ามผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญแก่คดี.