พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจอดรถเสียและการใช้ความระมัดระวังเพียงพอ ไม่ถือเป็นการประมาทที่เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ
รถยนต์โดยสารที่จำเลยขับยางล้อหลังระเบิดจำเลยจึงจอดรถยนต์ไว้ชิดไหล่ทางด้านซ้าย ล้อหน้าอยู่ที่ไหล่ทาง ส่วนล้อหลังด้านขวาอยู่บนถนน แล้วจำเลยได้หากิ่งไม้มาวางและเปิดสัญญาณไฟกระพริบ ถือได้ว่าจำเลยใช้ความระมัดระวังเพียงพอแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการกระทำโดยประมาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาใช้ทรัพย์ชั่วคราว ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์ แม้รถเสียระหว่างทาง
จำเลยนำรถยนต์ออกจากห้างผู้เสียหายเพื่อไปทำความสะอาดตามหน้าที่เสร็จแล้วได้นำรถไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวที่ต่างจังหวัด แต่รถเสียระหว่างทางเป็นเหตุให้นำรถมาคืนผู้เสียหายไม่ได้ ถ้ารถไม่เสียจำเลยก็นำรถมาคืนให้ผู้เสียหายได้ กรณีเป็นการเอารถไปใช้ชั่วคราวเท่านั้น มิได้กระทำเพื่อเป็นการตัดกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายตลอดไป จึงมิใช่เป็นการกระทำที่ถือว่าเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป อันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5263-5264/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับขี่และการรักษาความปลอดภัยบนท้องถนน กรณีรถชนท้ายรถเสีย
พนักงานสอบสวนพบรอยห้ามล้อท้าย รถยนต์ ของ โจทก์ที่ 2 ยาวประมาณ30 เมตร แสดงว่าก่อนเกิดเหตุโจทก์ที่ 2 ขับรถมาด้วยความเร็วสูงเพราะแม้ห้ามล้อห่างถึง 30 เมตรก็ยังไม่สามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัยการที่โจทก์ที่ 2 ห้ามล้อรถของตนถึง 30 เมตรยังแสดงว่าเห็นรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 1 ห่างกว่า 30 เมตร พนักงานสอบสวนเบิกความด้วยว่าตามสภาพที่เห็นมีทางเป็นไปได้ว่ามีกองไฟก่อด้วยกิ่งไม้อยู่ทางด้านหลังรถยนต์ บรรทุก โจทก์ที่ 2 ยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุมีรถยนต์บรรทุกและรถยนต์เล็กเปิดไฟสูงแล่นสวนทางมา พอไฟจางจึงเห็นรถจำเลยที่ 1 จอดอยู่ข้างหน้า การที่โจทก์ที่ 2 ไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้าได้พอแก่ความปลอดภัย โจทก์ที่ 2 ควรลดความเร็วลงแต่โจทก์ที่ 2 กลับขับรถด้วยความเร็วสูงเป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์ที่ 2ชนท้าย รถยนต์ บรรทุกของจำเลยที่ 1 ที่จอดอยู่โดยได้ทำสัญญาณรถเสียไว้แล้ว ฉะนั้นจึงเป็นการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังของโจทก์ที่ 2 ฝ่ายเดียว และมิใช่เหตุสุดวิสัยเพราะกรณีดังกล่าวสามารถที่จะป้องกันมิให้เกิดเหตุได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3743/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - รถเสีย - สิทธิระงับการจ่ายเช็ค - เงินพอจ่าย - ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยเช่าซื้อรถแทรกเตอร์จากโจทก์ร่วม โดยชำระค่าเช่าซื้อส่วนหนึ่งในวันทำสัญญา และออกเช็คล่วงหน้าเพื่อชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างจำนวน 2 ฉบับ ตั้งแต่จำเลยรับรถแทรกเตอร์ไปจากโจทก์ร่วม รถเสียไม่สามารถใช้ทำงานได้ตลอดมาจำเลยได้ขอคืนรถแก่โจทก์ร่วมและขอรับเช็คทั้งสองฉบับที่สั่งจ่ายมอบให้โจทก์ร่วมคืนโจทก์ร่วมก็ไม่ยอมคืนให้ พฤติการณ์เช่นนี้มีเหตุสมควรที่จำเลยจะมีคำสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คได้ การที่จำเลยมีคำสั่งห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คดังกล่าวจึงไม่มีเจตนาทุจริต ทั้งจำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารในวงเงิน 100,000 บาท แม้ในวันสั่งจ่ายเช็ค จำเลยจะเป็นหนี้ธนาคารเกินกว่าวงเงินดังกล่าว แต่ผู้จัดการธนาคารตามเช็คยืนยันว่า ถ้าจำเลยร้องขอมาล่วงหน้าธนาคารจะจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวให้ แสดงว่าจำเลยมีเงินพอจ่ายตามเช็คทั้งสองฉบับ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค.