คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รวมหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4039/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมหนี้สินเชื่อได้ - ค่าขึ้นศาลคำนวณจากทุนทรัพย์รวม
โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทสถาบันการเงินประกอบธุรกิจด้วยการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า ซึ่งทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะโดยการให้กู้ยืมเงิน ให้เบิกเงินเกินบัญชี ขายลดตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือด้วยประการอื่นที่สามารถทำได้ในการให้เงินหรือหลักประกันแก่ลูกค้าโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนเป็นดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นจำเลยเป็นลูกค้าโจทก์ ย่อมสามารถทำธุรกิจการเงินกับโจทก์ได้โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นวิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียว การที่จำเลยกู้ยืมเงิน ขอเบิกเงินเกินบัญชีและขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินกับโจทก์ แม้จะเรียกชื่อวิธีการก่อให้เกิดหนี้ต่างกันแต่ทุกประการล้วนแต่เป็นการขอสินเชื่อจากโจทก์นั่นเอง จำเลยจึงสามารถนำที่ดินและทรัพย์สินหลายรายการมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ก่อขึ้นทั้งหมดกับโจทก์ โดยมิได้แบ่งแยกว่าทรัพย์รายใดประกันหนี้ประเภทไหนรายการใด มูลหนี้ทั้งหมดจึงเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมพิจารณาเข้าด้วยกันได้ โจทก์จึงนำสินเชื่อทุกชนิดมารวมกันเป็นจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องฟ้องมาเป็นคดีเดียวกันได้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นตามจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องในอัตราสูงสุดตามตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ.ข้อ (1) ก. ชอบแล้ว การที่ศาลชั้นต้นเรียกให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมโดยแยกเป็นมูลหนี้แต่ละรายการ จึงเป็นการเรียกเก็บค่าขึ้นศาลเกินกว่าที่จะต้องเสีย จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เรียกเก็บเกินจากสองแสนบาทคืนโจทก์
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2543)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5460/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ใหม่จากการรวมหนี้กู้ยืมเดิมเข้ากับหนี้จำนอง ทำให้หนี้เดิมระงับ
โจทก์จำเลยตกลงให้นำหนี้เงินกู้จำนวน 80,000 บาทตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับพิพาทมารวมเป็นหนี้เงินกู้ยืมจำนวน 200,000 บาท ตามสัญญาจำนอง และต่อมาจำเลยได้ชำระหนี้ ตามสัญญาจำนองดังกล่าวให้แก่โจทก์ครบถ้วนกับจดทะเบียน ไถ่จำนองตามกฎหมายแล้ว การกระทำดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนสิ่ง ซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ เป็นการแปลงหนี้ใหม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349 ทำให้หนี้ตาม สัญญากู้ยืมเงินเป็นอันระงับไป เมื่อหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าว ระงับไปโดยผลของการแปลงหนี้ใหม่ มิใช่ระงับไปเพราะการใช้เงิน จำเลยจึงไม่จำต้องนำสืบถึงหลักฐานการใช้เงินกู้ยืม เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้กู้มาแสดง หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้ว หรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วตามมาตรา 653 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9121/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมหนี้กู้ยืมและการออกเช็คชำระหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมาย
ตาม ป.พ.พ.มาตรา 653 วรรคหนึ่ง เป็นกรณีที่หนี้เงินจำนวนดังกล่าวไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง แต่สำหรับคดีนี้โจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือคือเอกสารหมาย จ.1 มาแสดง และจำเลยนำสืบรับว่าได้กู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวจากผู้เสียหายจริง สัญญากู้ยืมเงินอาจจะรวมเงินจำนวนที่กู้ยืมกันในครั้งก่อน ๆ มารวมไว้ในสัญญากู้ยืมเงินฉบับเดียวกันได้ ไม่มีกฎหมายห้ามดังนั้น การที่ผู้เสียหายนำเงินจำนวน 700,000 บาท ที่ให้จำเลยกู้ยืมไปเมื่อวันที่11 เมษายน 2537 มารวมกับเงินจำนวน 800,000 บาท ที่ให้จำเลยกู้ยืมอีกเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2537 รวมเป็นเงิน 1,500,000 บาท จึงชอบที่จะทำได้และเป็นหนี้ที่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย หากผู้เสียหายนำหลักฐานการกู้ยืมเงินตามเอกสารหมาย จ.1 มาฟ้องเรียกเงินจำนวนดังกล่าวในทางแพ่ง จำเลยก็อาจจะต้องรับผิดตามจำนวนที่ปรากฏในเอกสารนั้น เมื่อจำเลยทำหลักฐานการกู้ยืมตามเอกสารหมาย จ.1 แล้วในวันเดียวกันจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวนเดียวกันกับที่กู้ยืมโดยลงวันที่ล่วงหน้าไว้ตรงกับกำหนดที่จะต้องชำระคืนหนี้เงินที่กู้ยืมนั้นจึงเป็นการออกเช็คชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมหนี้และการรับสภาพหนี้ส่งผลต่ออายุความคดีแพ่ง
จำเลยซื้อเชื่อสินค้าของโจทก์ตามใบสั่งของรวม 7 คราว แล้วจึงได้ผ่อนชำระหนี้ให้เป็นครั้งแรก ต่อมาเมื่อซื้อเชื่อครั้งที่ 8 อันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจึงผ่อนชำระให้อีก 2 ครั้ง เงินที่ชำระแต่ละครั้งมีจำนวนไม่เท่ากับราคาของสินค้าที่ปรากฏในใบสั่งของแม้แต่ฉบับเดียว และโจทก์ไม่เคยกำหนดจำนวนเงินที่ชำระมาแล้วให้พอประมาณกับราคาสินค้าในใบส่งของแล้วเลือกคืนใบส่งของแก่จำเลยไปด้วย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวรับฟังได้ว่า โจทก์และจำเลยได้ตกลงกันให้รวมยอดหนี้สินตามใบสั่งของทั้งหมดเป็นหนี้ก้อนเดียวกันแล้ว การที่จำเลยชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์รวม 3 ครั้งนั้น เป็นการรับสภาพหนี้โดยใช้เงินให้บางส่วนในหนี้สินรายพิพาทที่ตกลงรวมกันเป็นหนี้ก้อนเดียวแล้ว มีผลให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 อันจะต้องเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่นับแต่เวลานั้น (วันที่ชำระครั้งสุดท้าย) สืบไปตามมาตรา 181 คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความและกรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 328 วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงซึ่งเป็นสารสำคัญในประเด็นที่จะชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายซึ่งคู่ความฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยไปเสียเลยทีเดียวโดยไม่ย้อนสำนวนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 240(3) ประกอบด้วยมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ค่าฤชาธรรมเนียมศาลที่ชำระแล้ว ไม่นำมารวมกับหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อฟ้องล้มละลายได้
การที่จำเลยได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาในคดีแพ่งให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี และให้จำเลยชำระแทนนั้น ถือได้ว่าเป็นเงินที่ผู้แพ้คดีได้ชำระหนี้โดยการนำมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ประกอบด้วยมาตรา 247 เมื่อหนี้ตามคำพิพากษามีจำนวนเพียง 27,500 บาท โจทก์จะนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จำเลยได้นำไปชำระต่อศาลไว้แล้ว จำนวน 2,720 บาท มารวมกับหนี้ตามคำพิพากษา ให้เป็นหนี้ที่มีจำนวนไม่น้อยกว่า 30,000 บาท เพื่อฟ้องเป็นคดีล้มละลายหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสัญญากู้ใหม่หรือรวมหนี้เดิม ไม่เป็นการแปลงหนี้ และการนำสืบที่มาของหนี้ไม่ถือเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
บุคคลที่เป็นหนี้เงินกู้ต่อกันนั้น อาจตกลงทำหนังสือกู้กันใหม่หรือนำเงินกู้รายก่อน ๆ มารวมในหนังสือกู้ครั้งหลังได้ และการนำสืบถึงที่มาแห่งหนี้ตามสัญญากู้ฉบับหลังย่อมมิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร เพราะแม้นำสืบได้ ก็ไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขความรับผิดตามเอกสาร
หนี้เงินกู้ซึ่งทำหนังสือกู้กันใหม่ โดยรวมจำนวนเงินกู้ครั้งหลังเข้าไว้ด้วยกันนั้น มิใช่เป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่ เพราะไม่มีการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้แต่อย่างไร
ผู้กู้จะขอนำสืบว่า ผู้ให้กู้เอาจำนวนดอกเบี้ยเกินอัตรามารวมเป็นต้นเงินในสัญญากู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบว่าหนี้อันเกิดจากดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นไม่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง