พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3516/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษคดียาเสพติด: ข้อมูลผู้ซื้อไม่เพียงพอต่อการลดโทษ และเหตุตั้งครรภ์ไม่สมเหตุผลเพียงพอต่อการรอลงโทษ
แม้จำเลยได้ให้การในชั้นสอบสวนว่า จำเลยซื้อฝิ่นมาจาก น. ตามบันทึกคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวน แต่ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้ใช้ข้อมูลดังกล่าวขยายผลจับกุมบุคคลที่จำเลยกล่าวอ้างได้หรือไม่อย่างไร คำให้การของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทในการขับรถ ชนแล้วรถยังแล่นต่อไป ศาลฎีกายืนประมาท แต่ให้รอลงโทษ
แม้จำเลยที่ 1 ขับรถมาในทางโทโดยไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรคือ หยุดรถดูความปลอดภัยตามสัญญาณป้ายจราจรก่อนที่ขับผ่านเข้าไปในสี่แยก จำเลยที่ 2 ซึ่งขับรถมาในทางเอกก็ต้องชะลอรถลงแล้วดูความปลอดภัยก่อนด้วยเช่นกัน การที่จำเลยที่ 2 ขับรถไปชนบริเวณล้อหลังด้านขวาของรถคันที่จำเลยที่ 1 ขับมาแม้ชนแล้วรถบรรทุกสิบล้อยังแล่นต่อไปอีกเป็นระยะทางยาวถึง 7 เมตร แสดงว่าจำเลยที่ 2 ขับรถมาด้วยความเร็วสูงจนไม่อาจหยุดรถทัน ไม่มีการชะลอก่อนถึงสี่แยกที่เกิดเหตุ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จเกี่ยวกับข้อหาค้าของผิดกฎหมาย แม้สถานที่ไม่มีชื่อ แต่ผู้ครอบครองต้องรับผิดชอบ ศาลให้รอลงโทษปรับ
โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของสถานที่ที่จำเลยแจ้ง โจทก์ที่ 2เป็นกรรมการผู้จัดการผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ที่ 1แม้จำเลยจะแจ้งถึงสถานที่ไม่ได้ระบุถึงโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 แต่สถานที่ไม่มีสถานะเป็นบุคคลแม้จะมีบุคคลอื่นอยู่ในสถานที่ นั้นอีกหลายคน แต่หากมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่จริงโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ครอบครองสถานที่จะต้องรับผิดชอบ โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 จึงเป็นผู้เสียหายฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173 และไม่ถือว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง จำเลยประกอบอาชีพเป็นทนายความเป็นผู้มีความรู้ทางกฎหมาย กระทำการอันเป็นความผิดต่อกฎหมายเสียเองแล้วไม่สำนึกผิด กลับต่อสู้คดีวกวนกล่าวโทษผู้อื่น จึงไม่สมควรกำหนดโทษ ให้เบาลงอีก แต่จำเลยกระทำไปก็โดยมุ่งหมายให้สำเร็จประโยชน์ ในงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษ จำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 เป็นที่พอใจแล้วและไม่ติดใจ เอาความกับจำเลย สมควรรอการลงโทษจำคุก