พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดสิทธิทายาท: พินัยกรรมต้องระบุชัดเจน การตัดสิทธิจึงมีผลบังคับใช้
ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินให้แก่ บ. และระบุไว้ในพินัยกรรมว่า บุคคลอื่นใดที่มิได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ไม่มีสิทธิรับมรดกของข้าฯ มิได้ระบุไว้ให้ชัดเจนว่าตัวผู้คัดค้านมิให้รับมรดก จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1608
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความพิกัดอัตราศุลกากร: ประเภทที่ระบุชัดเจน優先กว่าประเภทที่ระบุไว้กว้าง
แอลลอยสตีลเป็นของที่อยู่ในรายการที่กำหนดไว้โดยชัดแจ้งในประเภทพิกัดที่ 73.15 ง. อยู่แล้ว ย่อมไม่อาจจะจัดให้เข้าประเภทที่70.40 ฉ. อันเป็นประเภทที่ระบุไว้อย่างกว้างได้เพราะขัดต่อหลักการตีความพิกัดอัตราศุลกากรที่บัญญัติไว้ในภาค 1 ข้อ 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3669/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักวันต้องคุมขัง แม้มีคดีความหลายคดี ศาลต้องระบุชัดเจนหากไม่หักวันต้องคุมขัง
ศาลลงโทษจำคุกจำเลยโดยให้นับโทษต่อกับโทษของจำเลยในคดีอาญาอื่นอีก 2 คดี โดยที่ในระหว่างสอบสวนคดีนี้ จำเลยไม่ถูกควบคุมตัวแต่ถูกคุมขังในระหว่างพิจารณา ดังนี้ แม้จำเลยจะถูกคุมขังในคดีนี้พร้อมกับคดีอื่นอีกหลายคดี และศาลหักวันต้องคุมขังในคดีอื่น ๆ แล้วก็ตาม หากคดีนี้ศาลไม่ประสงค์ให้หักวันต้องคุมขังให้อีก ก็ต้องระบุไว้ให้ชัดแจ้งในคำพิพากษา เมื่อคำพิพากษาไมระบุก็ต้องหักวันต้องคุมขังให้แก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรม: เอกสารระบุเจตนายกทรัพย์เมื่อตายแล้วถือเป็นพินัยกรรมได้ การระบุสิทธิร่วมกันชัดเจน ไม่เป็นเหตุให้พินัยกรรมเป็นโมฆะ
เอกสารพินัยกรรม นอกจากมีหัวข้อข้างบนระบุว่าเป็นหนังสือพินัยกรรมแล้วยังมีข้อความว่า "ขอทำพินัยกรรม" อีกด้วย ย่อมเข้าใจว่าเจตนายกทรัพย์สมบัติให้เมื่อตายแล้ว การยกทรัพย์ให้เมื่อยังมีชีวิตอยู่ สามัญชนทั่วไปหาใช้คำว่าพินัยกรรมไม่ เอกสารดังกล่าวถือได้ว่าเป็นพินัยกรรมตามกฎหมาย
บุคคลสองคนมีกรรมสิทธ์ร่วมกันในที่ดิน แสดงว่ามีสิทธิ์ฝ่ายละครึ่ง ต่างฝ่ายมีสิทธิจะเรียกให้แบ่งทรัพย์สินส่วนของตนออกมาได้ ฉะนั้น การที่ผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมผู้หนึ่งทำพินัยกรรมยกที่ดินส่วนของตนให้ผู้อื่น จึงไม่ใช่กรณีที่ทรัพย์สินที่ยกให้โดยพินัยกรรมระบุไว้ไม่ชัดแจ้งจนไม่อาจจะทราบแน่นอนได้ ข้อกำหนดในพินัยกรรมดังนี้หาเป็นโมฆะไม่
บุคคลสองคนมีกรรมสิทธ์ร่วมกันในที่ดิน แสดงว่ามีสิทธิ์ฝ่ายละครึ่ง ต่างฝ่ายมีสิทธิจะเรียกให้แบ่งทรัพย์สินส่วนของตนออกมาได้ ฉะนั้น การที่ผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมผู้หนึ่งทำพินัยกรรมยกที่ดินส่วนของตนให้ผู้อื่น จึงไม่ใช่กรณีที่ทรัพย์สินที่ยกให้โดยพินัยกรรมระบุไว้ไม่ชัดแจ้งจนไม่อาจจะทราบแน่นอนได้ ข้อกำหนดในพินัยกรรมดังนี้หาเป็นโมฆะไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2113/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์สิน: การตีความเจตนาผู้ตายและทรัพย์สินที่ระบุชัดเจน
โจทก์เคยขายที่พิพาทให้ผู้ตายแปลงเดียว ผู้ตายได้ทำหนังสือให้โจทก์ไว้ว่าถ้าผู้ตาย ตายก่อนโจทก์ ที่ที่โจทก์ขายให้นี้จะคืนยกให้แก่โจทก์ แต่ถ้าผู้ตายมีชีวิตอยู่ จะถือกรรมสิทธิ์ต่อไปโดยผู้ตายเขียนหนังสือนั้นเองทั้งฉบับและลงชื่อเป็นผู้เขียนกับมีคนอื่นลงชื่อเป็นพยานสามคน ดังนี้ ถือว่าหนังสือดังกล่าว มีลักษณะเป็นพินัยกรรม เมื่อผู้ตายตายก่อนโจทก์ ที่ที่พิพาทย่อมตกเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทต้องระบุข้อความเสียหายชัดเจน และการกล่าวต้องต่อหน้าหรือต่อคนอื่น
ฟ้องหาว่าหมิ่นประมาทโดยกล่าวว่า จำเลยมีจดหมายอันมีข้อความหมิ่นประมาทถึงและว่าจำเลยส่งสำเนาโฆษณาไปยังอีกคนหนึ่งด้วย ดังนี้ ยังไม่เป็นการกล่าวต่อหน้าหรือกล่าวแก่คนสองคน ไม่ต้องด้วยความผิดฐานหมิ่นประมาท
ฟ้องความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น เพียงแต่อ้างหนังสือที่ว่าหมิ่นประมาทมาท้ายฟ้องไม่พอจะต้องระบุในฟ้องให้ชัดเจนด้วยว่า ข้อความตอนไหนเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
ฟ้องความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น เพียงแต่อ้างหนังสือที่ว่าหมิ่นประมาทมาท้ายฟ้องไม่พอจะต้องระบุในฟ้องให้ชัดเจนด้วยว่า ข้อความตอนไหนเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทต้องระบุข้อความเสียหายชัดเจน และการกล่าวต้องถึงผู้อื่น
ฟ้องหาว่าหมิ่นประมาทโดยกล่าวว่า จำเลยมีจดหมายอันมีข้อความหมิ่นประมาทถึง และว่า จำเลยส่งสำเนาโฆษณาไปยังอีกคนหนึ่งด้วยดังนี้ยังไม่เป็นการกล่าวต่อหน้าหรือกล่าวแก่คนสองคน ไม่ต้องด้วยความผิดฐานหมิ่นประมาท
ฟ้องความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นเพียงแต่อ้างหนังสือที่ว่าหมิ่นประมาทมาท้ายฟ้องไม่พอ จะต้องระบุในฟ้องให้ชัดเจนด้วยว่า ข้อความตอนไหนเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
ฟ้องความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นเพียงแต่อ้างหนังสือที่ว่าหมิ่นประมาทมาท้ายฟ้องไม่พอ จะต้องระบุในฟ้องให้ชัดเจนด้วยว่า ข้อความตอนไหนเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวเมื่อเทศบาลเป็นผู้กระทำผิด โจทก์ต้องระบุฐานะให้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องเทศบาลเมืองสงขลาให้รับผิด แต่มิได้ระบุเอาเทศบาลเมืองสงขลาเป็นจำเลยรับผิด แม้จะบรรยายไว้ในฟ้องว่า จำเลยมีตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรี ก็ถือว่าฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัว ต้องยกฟ้อง