พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2227/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอม ทางจำเป็น ความถูกต้องของระยะทางในคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า ทางพิพาทยาวประมาณ 400 เมตร ทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินของจำเลยขนานตลอดแนวยาวจากทางด้านทิศเหนือมาทางด้านทิศใต้บนที่ดินของจำเลย เป็นภาระจำยอมและทางจำเป็นของที่ดินโจทก์ ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ทั้งที่ความยาวของที่ดินของจำเลยมีความยาวเพียงประมาณ 27 เมตร เท่านั้น คำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองในส่วนนี้ถือได้ว่าเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 143 โดยให้ตัดข้อความที่ว่ายาวประมาณ 400 เมตร ออกจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหรือไม่: ศาลพิจารณาพฤติการณ์และระยะทางในการทำร้าย เพื่อวินิจฉัยความผิดฐานพยายามฆ่า
ขณะเกิดเหตุ จ. และ ร. ต่างถือมีดพร้าซึ่งยาวประมาณ 1 วา อยู่ในมือ จ. อยู่ห่างจากผู้เสียหายประมาณ2 วาเท่านั้น หาก จ. และ ร. ต้องการฆ่าผู้เสียหายจริงระยะที่อยู่ห่างกันเพียงนี้ จ. น่าจะฟันถูกผู้เสียหายแม้ จ. ฟันไม่ถูกเพราะผู้เสียหายหลบ จ. และ ร. ก็ย่อมมีโอกาสใช้มีดพร้าฟันผู้เสียหายได้ แต่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่า จ. และ ร. ใช้มีดพร้าฟันผู้เสียหายอีกแม้โจทก์อ้างว่าขณะนั้นผู้เสียหายตกอยู่ในภยันตรายต่อชีวิตย่อมตกใจกลัวและวิ่งหนีอย่างสุดแรงจึงรอดพ้นจากการถูกพวก ของจำเลยฟันก็ตาม แต่ขณะนั้นผู้เสียหายนุ่งผ้าถุงและผู้เสียหายเป็นผู้หญิง อายุถึง 42 ปีเศษ ซึ่งตามสภาพย่อมวิ่งหนีไม่ถนัดและรวดเร็วมากนักทั้งระยะทางที่ผู้เสียหายวิ่งหนีจากบริเวณที่เกิดเหตุถึงบริเวณที่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายจอดไกลถึง 27 เมตร ระยะทางดังกล่าวหาก จ.และ ร. เจตนาฆ่าผู้เสียหายแต่แรก บุคคลทั้งสองก็พร้อมจะวิ่งไล่ทันผู้เสียหายและฟันถูกผู้เสียหายอย่างแน่นอนแต่บุคคลทั้งสองมิได้ฟันผู้เสียหายอีก ย่อมแสดงว่าไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย น่าเชื่อว่าบุคคลทั้งสองมีเจตนาจะฟันขู่ผู้เสียหายเท่านั้น แม้จะได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายและเด็กหญิง พ. ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยร้องบอกให้จ. และ ร. ฆ่าผู้เสียหาย แต่เมื่อ จ. ฟันขู่ฆ่าผู้เสียหายเพียง 1 ครั้ง ส่วน ร. มิได้ฟันผู้เสียหายแต่อย่างใด คดีฟังได้ว่าการที่จำเลยร้องดังกล่าวเป็นเพียงการขู่ฆ่าผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความต่อเนื่องแห่งการกระทำทางเพศ: การพิจารณาเป็นกรรมเดียว แม้มีระยะทาง
จำเลยกระทำอนาจารโดยอุ้มผู้เสียหายเข้าไปในป่าแล้วกอดจูบผู้เสียหาย หลังจากนั้นได้อุ้มผู้เสียหายต่อเข้าไปอีกแล้วพยายามกระทำชำเราผู้เสียหาย แม้จะมีระยะทางห่างกันถึง 20 เส้น แต่ก็เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันโดย ความมุ่งหมายที่จะกระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอม: การตีความระยะทางตามเอกสาร และขอบเขตสิทธิในการสร้างสะพาน
จดทะเบียนภารจำยอมเป็นทางยาวประมาณ 10 เมตร รูปแผนที่มีเส้นขีดยาวตามมาตราส่วน 35 เมตร แต่มีอักษรเขียนว่ายาว 10 เมตร จะถือตามมาตราส่วนว่า 35 เมตร ไม่ได้ และจะทำสะพานลงน้ำหน้าที่ดินเพื่อบรรทุกของลงเรือก็เป็นการเพิ่มภาระ ทำไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 839/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉุดคร่าสำเร็จ พิจารณาจากระยะทางที่ถูกลากและการเคลื่อนย้ายจากอิสรภาพ
ผู้เสียหายกับปู่ แม่ และน้าสาวนั่งดูเขาเล่นตรุษกันที่ปากตรอกบ้านจำเลย กับพวกเข้ามาที่ตัวผู้เสียหาย จำเลยคว้าแขนผู้เสียหายซึ่งนั่งอยู่ดึงลากไปเลยถูกไถลากไปกับพื้นดิน พวกจำเลยเข้ากั้นไม่ให้แม่และน้าสาวช่วย แม่ผู้เสียหายเข้ากอดตัวผู้เสียหายไว้และต่างร้องเอะอะกันขึ้น จำเลยปล่อยผู้เสียหายแล้วยังกลับมาลากอีก แม่ผู้เสียหายก็เข้ากอดไว้จนผู้เสียหายหลุดจากมือจำเลย จำเลยฉุดผู้เสียหายไถดินไปสัก 2 วา แล้วผู้เสียหายกับพวกก็พากันหนีเข้าบ้านไป การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉุดคร่าสำเร็จแล้ว ไม่ใช่เพียงฐานพยายาม (อ้างฎีกาที่ 982/2482 จำเลยฉุดคร่าผู้เสียหายไป 1 วา ผู้เสียหายสบัดหลุดไปเกาะเอวนางเพียร เป็นเรื่องฉุดคร่าสำเร็จแล้ว ไม่ใช่พยายาม)
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือน แต่ให้รอการลงโทษไว้ ศาลอุทธรณ์แก้เป็นจำคุก 3 เดือน และไม่รอการลงโทษ เช่นนี้ แม้จะเป็นการแก้ไขมากก็ตามแต่ศาลอุทธรณ์ก็ยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือน แต่ให้รอการลงโทษไว้ ศาลอุทธรณ์แก้เป็นจำคุก 3 เดือน และไม่รอการลงโทษ เช่นนี้ แม้จะเป็นการแก้ไขมากก็ตามแต่ศาลอุทธรณ์ก็ยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 839/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉุดคร่า: การลากผู้เสียหายเป็นระยะทางพอสมควร ถือเป็นความผิดสำเร็จ แม้จะมีผู้เข้าช่วยเหลือ
ผู้เสียหายกับปู่แม่และน้าสาวนั่งดูเขาเล่นตรุษกันที่ปากตรอกบ้านจำเลยกับพวกเข้ามาที่ตัวผู้เสียหาย จำเลยคว้าแขนผู้เสียหายซึ่งนั่งอยู่ดึงลากไปเลยถูกไถลากไปกับพื้นดิน พวกจำเลยเข้ากั้นไม่ให้แม่และน้าสาวช่วยแม่ผู้เสียหายเข้ากอดตัวผู้เสียหายไว้และต่างร้องเอะอะกันขึ้น จำเลยปล่อยผู้เสียหายแล้วยังกลับมาลากอีก แม่ผู้เสียหายก็เข้ากอดไว้จนผู้เสียหายหลุดจากมือจำเลยจำเลยฉุดผู้เสียหายไถดินไปสัก 2 วา แล้วผู้เสียหายกับพวกก็พากันหนีไปเข้าบ้านการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉุดคร่าสำเร็จแล้ว ไม่ใช่เพียงฐานพยายาม (อ้างฎีกาที่ 982/2482 จำเลยฉุดคร่าผู้เสียหายไป 1 วา ผู้เสียหายสบัดหลุดไปเกาะเอวนางเพียร เป็นเรื่องฉุดคร่าสำเร็จแล้วไม่ใช่พยายาม)
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือน แต่ให้รอการลงโทษไว้ศาลอุทธรณ์แก้เป็นจำคุก 3 เดือน และไม่รอการลงโทษเช่นนี้ แม้จะเป็นการแก้ไขมากก็ตามแต่ศาลอุทธรณ์ก็ยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือน แต่ให้รอการลงโทษไว้ศาลอุทธรณ์แก้เป็นจำคุก 3 เดือน และไม่รอการลงโทษเช่นนี้ แม้จะเป็นการแก้ไขมากก็ตามแต่ศาลอุทธรณ์ก็ยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เกณฑ์การพิจารณาความผิดฐานพยายามส่งสินค้าต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร: ระยะทางไม่ใช่ข้อชี้ขาด
ความผิดฐานลักลอบนำของต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักรนั้น เมื่อใดการกระทำจะพ้นขั้นตระเตรียมเข้าสู่ขั้นพยายามกระทำความผิดแล้วหรือไม่ ย่อมจะต้องพิเคราะห์ดูว่า ขณะถูกจับนั้นการกระทำอยู่ในลักษณะที่ใกล้ชิดความผิดจวนจะสำเร็จลงแล้วหรือยัง จะถือเอาระยะทางใกล้ไกลจากพรมแดนเท่าใดเป็นเกณฑ์วินิจฉัยไม่ได้
การจ่ายเงินค่าสินบนค่ารางวัลแก่ผู้นำจับและผู้จับตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง(ฉบับที่ 3) มาตรา 3 นั้น ถ้าหากศาลใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกสถานเดียวตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 23 ศาลก็ย่อมยกคำขอนั้นเสีย
การจ่ายเงินค่าสินบนค่ารางวัลแก่ผู้นำจับและผู้จับตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง(ฉบับที่ 3) มาตรา 3 นั้น ถ้าหากศาลใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกสถานเดียวตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 23 ศาลก็ย่อมยกคำขอนั้นเสีย