คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รับคำให้การ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8179/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การปฏิเสธเฉพาะบางข้อหา ศาลต้องไม่ลงโทษในข้อหาที่จำเลยปฏิเสธหากโจทก์ไม่สืบพยาน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน วันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำให้การรับสารภาพและยื่นคำร้องอีกฉบับหนึ่งประกอบด้วย แม้ในคำร้องจะสรุปความได้ว่า จำเลยให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหาความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ส่วนข้อหาความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายคงให้การปฏิเสธ แต่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในคำร้องในวันนัดสืบพยานโจทก์นั้นว่า สอบจำเลยยืนยันตามคำร้อง รับคำร้อง สำเนาให้โจทก์ ซึ่งแม้จะไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ แต่ก็ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้สอบถามจำเลยเกี่ยวกับคำร้องต่อหน้าโจทก์ซึ่งไปศาลและลงชื่อรับทราบกระบวนพิจารณาของศาลในวันนั้นแล้วด้วย โดยโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยาน จึงต้องถือว่าโจทก์ทราบข้อความในคำร้องแล้ว เมื่อเป็นกรณีที่โจทก์ทราบแล้วว่าจำเลยให้การปฏิเสธในข้อหาความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่โจทก์ไม่ติดใจสืบพยาน จึงฟังลงโทษจำเลยได้เพียงฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9117/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาถึงที่สุด แม้มีข้อสงสัยเรื่องการรับคำให้การ การไต่สวนใหม่ไม่กระทบผล
ศาลสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับคำให้การของจำเลยเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา18จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ทันทีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา228(3) ในระหว่างที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำให้การศาลชั้นต้นได้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปและศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นงดการพิจารณาคดีไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา228วรรคสองจนศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาคดีไปโดยจำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นแต่อย่างใดคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเสร็จเด็ดขาดถึงที่สุดแล้วการที่จะให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและมีคำสั่งรับหรือไม่รับคำให้การใหม่ไม่ว่าผลการไต่สวนจะเป็นประการใดย่อมไม่อาจจะทำให้ผลของคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วเปลี่ยนแปลงไปได้อุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3224/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 220 กรณีโต้แย้งข้อเท็จจริงจากการรับคำให้การของจำเลยและการวินิจฉัยของศาล
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชา จำเลยให้การรับว่าเสพและจำหน่ายกัญชา โจทก์ไม่คัดค้านและไม่สืบพยาน ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานเสพกัญชาและจำหน่ายกัญชา เมื่อโจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานเสพกัญชา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเช่นนี้ ย่อมมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์จึงฎีกาฐานนี้ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ฎีกาของโจทก์ที่ว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นสอดคล้องกับข้อความในตอนต้นของคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่าโจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยอย่างชัดแจ้งว่าเหตุใดจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จึงรับฟังได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1933/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การในคดีอาญา การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศาล และการยืนยันคำให้การของจำเลย
ศาลชั้นต้นออกนั่งพิจารณาสอบถามคำให้การจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง และพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาอ้างว่าผิดระเบียบ เพราะจำเลยมิได้ให้การรับสารภาพ ก็เพื่อให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ จึงเป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษา ต้องใช้แบบพิมพ์อุทธรณ์
จำเลยลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์คำให้การและในรายงานกระบวนพิจารณาก่อนที่จะกรอกข้อความเกี่ยวกับเรื่องจำเลยรับสารภาพหรือปฏิเสธ เมื่อศาลออกนั่งพิจารณาได้อ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว ถ้าข้อความที่กรอกไว้ตรงกับคำให้การของจำเลยที่ศาลสอบถาม กระบวนพิจารณาก็ไม่ขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 172 วรรคสอง.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2225/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การ: หลักฐานรายงานเจ้าพนักงานศาลมีน้ำหนักกว่าคำกล่าวอ้างของจำเลยที่ไม่โต้แย้งความถูกต้อง
การที่จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายหลังวันที่เจ้าพนักงานศาลผู้ส่งหมายระบุไว้ในรายงาน โดยมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือให้เหตุผลว่ารายงานดังกล่าวขัดต่อความเป็นจริงหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใดนั้นเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ปราศจากเหตุผลอ้างอิงที่อาจจะหักล้างหลักฐานรายงานของเจ้าพนักงานศาลได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเพื่อรับคำให้การไว้พิจารณาต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2225/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การ: หลักฐานรายงานเจ้าพนักงานศาลมีน้ำหนักกว่าคำกล่าวอ้างที่ไม่โต้แย้ง
การที่จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายหลังวันที่เจ้าพนักงานศาลผู้ส่งหมายระบุไว้ในรายงาน โดยมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือให้เหตุผลว่ารายงานดังกล่าวขัดต่อความเป็นจริงหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใดนั้นเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ปราศจากเหตุผลอ้างอิงที่อาจจะหักล้างหลักฐานรายงานของเจ้าพนักงานศาลได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเพื่อรับคำให้การไว้พิจารณาต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 813/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำให้การหลังขาดนัด: ศาลไม่ต้องสั่งไม่รับคำให้การหากไม่อนุญาตขยายเวลา
การขออนุญาตยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 นั้นจะต้องเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา197 วรรคแรกแล้ว จำเลยที่ 2 จึงขออนุญาตยื่นคำให้การก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การไม่ได้
คำร้องของจำเลยที่ 2 บรรยายไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2ได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2525และพ้นกำหนดที่จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำให้การแก้คดีแล้วการที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ จึงเท่ากับเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่ จำเลยที่2 ซึ่งกรณีนี้เมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้วจึงจะถึงขั้นพิจารณา เกี่ยวกับการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การ หากศาลสั่งไม่อนุญาตก็ไม่ต้อง พิจารณาถึงการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การต่อไป ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้น ไม่ขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 จึงไม่จำต้องสั่งไม่รับ คำให้การของจำเลยที่ 2 ด้วย
คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การไม่ใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(5) เพราะไม่ได้ตั้งประเด็น ระหว่างคู่ความฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลา จึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความและเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้รับคำให้การของจำเลย แม้คดีเสร็จสิ้นจากศาลอุทธรณ์แล้ว
จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาและคำสั่งเป็น 2 เรื่อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์เรื่องแรกว่าศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้รับคำให้การของจำเลยเพื่อดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้วคดียังมีประเด็นตามคำให้การซึ่งศาลชั้นต้นจะต้องพิจารณาและพิพากษาต่อไป พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และวินิจฉัยอุทธรณ์เรื่องที่สองว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำให้การจำเลยแล้วดำเนินการต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาไปทั้งสองเรื่องนั้น คดีเสร็จสิ้นไปจากศาลอุทธรณ์แล้ว หาเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาอันจะต้องห้ามมิให้ฎีกาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3041/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การทางวาจาและการยื่นคำให้การเป็นหนังสือ ศาลต้องรับคำให้การใหม่หากยังไม่ได้มีคำสั่งรับคำให้การเดิม
ในวันนัดพิจารณาศาลแรงงานได้บันทึกคำให้การของจำเลยและกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้แล้ว ต่อมาจำเลยยื่นคำให้การเป็นหนังสือ ศาลแรงงานสั่งว่า "จำเลยเคยให้การด้วยวาจาไว้แล้ว รวมสำนวนไว้ สำเนาให้โจทก์" ดังนี้ ไม่เป็นการแสดงว่าศาลแรงงานได้มีคำสั่งรับคำให้การเป็นหนังสือไว้แทนคำให้การที่บันทึกไว้เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การที่ขยายความถึงประวัติอาชญากรรมของจำเลย ศาลพิจารณาเพิ่มโทษได้ตามกฎหมาย
แม้จำเลยจะมิได้ให้การรับในข้อต้องโทษ และพ้นโทษในวันที่ศาลสอบคำให้การจำเลย แต่ก็ได้ปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยซึ่งได้อ้างตัวเองเป็นพยานต่อศาลว่าจำเลยเคยต้องโทษตามฟ้องจริงคำว่า ตามฟ้อง นั้นต้องหมายความถึงวันพ้นโทษของจำเลยด้วยเพราะโจทก์ได้บรรยายมาในฟ้องแล้วว่าจำเลยพ้นโทษมา และยังได้ท้าวถึงประวัติอาชญากรซึ่งโจทก์ส่งมาเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องอีกฉะนั้น เมื่อจำเลยรับว่าเคยต้องโทษตามฟ้องจริง ก็เท่ากับจำเลยรับในข้อพ้นโทษในคดีก่อนด้วย
of 2