คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รับประกันภัยรถยนต์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5292/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับประกันภัยรถยนต์: ความรับผิดของผู้รับประกันเมื่อผู้เอาประกันยินยอมให้ผู้อื่นขับขี่ และข้อจำกัดการฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อย
โจทก์ทั้งสองได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 3 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้จากจำเลยที่ 2 และหรือผู้มีชื่อซึ่งมีข้อสัญญาว่า จะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลภายนอกอันเกิดจากการใช้รถยนต์คันดังกล่าวแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยไม่จำกัดจำนวน จำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ ส.บุตรโจทก์ทั้งสองถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่อโจทก์ เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง แล้ว หาจำต้องบรรยายฟ้องด้วยว่า จำเลยที่ 1 มีความสัมพันธ์กับ ย. ผู้เอาประกันภัยอย่างไร และจำเลยที่ 3 มีนิติสัมพันธ์กับผู้เอาประกันภัย แต่อย่างใดไม่ และการที่จะวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น ศาลจะพิเคราะห์จากคำฟ้อง มิได้พิเคราะห์จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการพิจารณามาวินิจฉัยแต่อย่างใด เมื่อฟ้องของโจทก์มีสาระครบถ้วนแล้ว จึงไม่เคลือบคลุม
ฎีกาจำเลยที่ 3 ว่า จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพราะข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า ย.ผู้เอาประกันภัยยอมให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุ เมื่อ ย.ไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดด้วยนั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตรงกันมาเป็นยุติแล้วว่า ผู้เอาประกันภัยยินยอมให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุ เมื่อเกิดเหตุเฉี่ยวชนและมีความเสียหายเกิดขึ้นผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ตามข้อตกลงในสัญญาประกันภัยจำเลยที่ 3 จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัย ฎีกาของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามมิให้ฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4860/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้รับประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัย และการหักชดใช้จากประกันชีวิต
ตามกฎกระทรวงฉบับที่6(พ.ศ.2535)ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพ.ศ.2535ข้อ2(1)กำหนดจำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้นว่าจำนวนเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทสำหรับความเสียหายต่อร่างกายเมื่อโจทก์ได้จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลไปจำนวน14,413บาทจำเลยผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ไม่เกิน10,000บาทตามกฎกระทรวงดังกล่าวจำเลยจะขอเอาเงินที่โจทก์ได้รับชดใช้ตามสัญญาประกันชีวิตจากบริษัทม.มาหักมิได้เพราะเป็นเรื่องนิติสัมพันธ์ตามสัญญาระหว่างโจทก์กับบริษัทดังกล่าวโดยเฉพาะหานำมาลบล้างหน้าที่ตามกฎหมายของจำเลยได้ไม่และถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6688/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผู้รับประกันภัยรถยนต์ จำเลยให้การรับสภาพแต่ปฏิเสธความรับผิด ฟ้องไม่เคลือบคลุม
คำฟ้องของโจทก์บรรยายพอเข้าใจได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยรถแท็กซี่คันที่จำเลยที่ 1 ขับโดยประมาทมาชนรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย จึงเป็นการบรรยายฟ้องที่ชัดแจ้ง ทั้งจำเลยที่ 2 ก็ให้การยอมรับว่าเป็นผู้รับประกันภัยรถแท็กซี่คันดังกล่าว แต่ปฏิเสธความรับผิดโดยกล่าวอ้างว่าคนขับรถของโจทก์เป็นฝ่ายขับรถโดยประมาทโดยการเปลี่ยนช่องเดินรถเข้ามาในช่องเดินรถที่จำเลยที่ 1 ขับทำให้เกิดเฉี่ยวชนกัน การที่จำเลยที่ 2 ให้การเช่นนี้ถือว่าจำเลยที่ 2 สามารถเข้าใจคำฟ้องของโจทก์ได้ดี จึงสามารถให้การต่อสู้คดีได้ คำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 จึงไม่เคลือบคลุม