พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้จากพยานหลักฐานและข้อจำกัดในการยกเหตุต่อสู้ทางกฎหมายในชั้นอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 ให้การว่าไม่เคยทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์ มิได้ให้การถึงตราที่ใช้ประทับอยู่ในช่องผู้เช่าซื้อว่าชอบหรือไม่อย่างไรเมื่อจำเลยไม่ให้การถึงต้องถือว่าจำเลยรับว่าเป็นตราของจำเลยที่ 1 คู่ความไม่ต้องพิสูจน์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84(1) จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันไว้ตามสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้อง การที่จำเลยที่ 2 ให้การเพียงว่าโจทก์เป็นผู้กรอกข้อความในเอกสารทั้งสิ้น จึงเป็นเอกสารปลอม โดยจำเลยที่ 2 มิได้ให้การว่าเหตุใดจึงได้ลงชื่อไว้ในเอกสารดังกล่าวและเหตุใดโจทก์จึงนำเอกสารนั้นไปกรอกข้อความจนกลายเป็นเอกสารปลอมได้ถือว่าไม่มีเหตุแห่งการปฏิเสธโดยชัดแจ้งเป็นคำให้การที่ไม่ชอบตาม ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1577/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสินค้าเสียหาย: ผู้รับต้องแจ้งความเสียหายก่อนรับ หากไม่แจ้ง ถือรับสภาพเรียบร้อย ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิด
การที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. ผู้ซื้อสินค้ารับสินค้าไปจาก การท่าเรือแห่งประเทศไทย โดย มิได้แจ้งให้ การท่าเรือแห่งประเทศไทย และตัวแทนของบริษัทเรือที่ขนส่งมาร่วมทำการสำรวจความเสียหายเสียก่อน ทั้งที่ปรากฏว่าลังไม้บรรจุสินค้าแตก ย่อมถือได้ว่าเป็นการรับสินค้าไปในสภาพที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นการรับสินค้าไว้โดย มิได้อิดเอื้อน จำเลยผู้ขนส่งร่วมจึงไม่ต้องรับผิดต่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 623 วรรคแรก แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 623 วรรคแรกจะมิใช่กฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเลที่จะต้อง ใช้ บังคับแก่คดีนี้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคสอง แต่ โดย ที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วย การรับขนของทางทะเลบัญญัติไว้โดยเฉพาะ จึงต้อง นำมาตรา 623 วรรคแรกดังกล่าว ซึ่ง เป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาใช้ บังคับตาม ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 ได้ กำหนดไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2317/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกพันตามสัญญากู้ยืมหลังการระงับหนี้เดิม การนำสืบไม่แตกต่างฟ้อง และการรับสภาพของจำเลย
การที่โจทก์นำสืบถึงมูลหนี้เดิมว่าสามีจำเลยกู้เงินโจทก์30,000 บาท จำเลยรู้เห็น เมื่อสามีจำเลยถึงแก่กรรม จำเลยทำหนังสือสัญญากู้ฉบับพิพาทให้โจทก์ไว้และรับว่าจะชำระเงินตามสัญญากู้โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญากู้นั้นได้ โดยโจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องถึงมูลหนี้เดิมซึ่งระงับแล้วไว้ เพราะจำเลยทำสัญญากู้และยอมผูกพันตนชำระหนี้แทนสามี การนำสืบของโจทก์ถึงมูลหนี้เดิมหาเป็นการแตกต่างจากคำฟ้องไม่ ทั้งการที่ศาลล่างฟังว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ก็มิใช่เป็นเรื่องนอกสำนวน โจทก์มิได้เสียค่าอ้างเอกสารสัญญากู้แต่โจทก์ได้แนบสำเนาหนังสือสัญญากู้มาท้ายฟ้อง จำเลยก็รับว่าเป็นผู้ทำสัญญากู้ฉบับพิพาทให้โจทก์ไว้จริง ฉะนั้นกรณีจึงไม่จำต้องหยิบยกเอกสารที่โจทก์ไม่ได้เสียค่าอ้างขึ้นวินิจฉัย ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำรับของจำเลยอยู่แล้วว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้ตามฟ้องและโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4708/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ เมื่อคู่กรณีรับสภาพการครอบครองครบ 10 ปี และไม่ใช่บุคคลที่ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทน
เมื่อผู้คัดค้านยอมรับว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทมาโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของครบ 10 ปีแล้วจึงต้องฟังว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว ผู้ร้องไม่จำต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ในประเด็นข้อนี้อีก
ผู้คัดค้านได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมาโดยการรับมรดกจึงมิใช่ บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทน ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องย่อมยกกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นต่อสู้ผู้คัดค้านได้
ผู้คัดค้านได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมาโดยการรับมรดกจึงมิใช่ บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทน ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องย่อมยกกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นต่อสู้ผู้คัดค้านได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครอง: การรับสภาพสิทธิทำให้สะดุดหยุดลง
มาตรา 1386 แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความมาใช้บังคับในเรื่องอายุความได้สิทธิครอบครองด้วยโดยอนุโลม ฉะนั้น จึงนำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความ สะดุดหยุดลงมาให้แก่การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองได้
ฟ้องโจทก์ที่ระบุถึงเรื่องโจทก์ไปร้องต่ออำเภอว่าจำเลยบุกรุกล้อมรั้ว จำเลยยอมรื้อรั้วกับอำเภอแล้ว เช่นนี้ อย่างน้อยก็มีผลเป็นการรับสภาพตามสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงอย่างหนึ่ง
ฟ้องโจทก์ที่ระบุถึงเรื่องโจทก์ไปร้องต่ออำเภอว่าจำเลยบุกรุกล้อมรั้ว จำเลยยอมรื้อรั้วกับอำเภอแล้ว เช่นนี้ อย่างน้อยก็มีผลเป็นการรับสภาพตามสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความได้สิทธิครอบครองสะดุดหยุดลงจากการรับสภาพสิทธิ การร้องเรียนต่ออำเภอถือเป็นการรับสภาพได้
มาตรา 1386 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความมาใช้บังคับในเรื่องอายุความได้สิทธิครอบครองด้วยโดยอนุโลม ฉะนั้น จึงนำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความสะดุดหยุดลงมาใช้แก่การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองได้
ฟ้องโจทก์ที่ระบุถึงเรื่องโจทก์ไปร้องต่ออำเภอว่าจำเลยบุกรุกล้อมรั้วจำเลยยอมรื้อรั้วกับอำเภอแล้ว เช่นนี้อย่างน้อยก็มีผลเป็นการรับสภาพตามสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงอย่างหนึ่ง
ฟ้องโจทก์ที่ระบุถึงเรื่องโจทก์ไปร้องต่ออำเภอว่าจำเลยบุกรุกล้อมรั้วจำเลยยอมรื้อรั้วกับอำเภอแล้ว เช่นนี้อย่างน้อยก็มีผลเป็นการรับสภาพตามสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพสัญญาเช่าแม้ไม่มีอากรแสตมป์ ศาลพิพากษาให้ใช้ค่าเช่าได้
ในเรื่องฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่าตึกนั้น ถ้าจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือเช่าโจทก์จริง ศาลก็พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเช่าได้ แม้หนังสือเช่าจะไม่ปิดอากรแสตมป์หรือปิดอากรแสตมป์ไม่ครบก็ไม่สำคัญ เพราะไม่มีประเด็นที่จะต้องสืบสัญญาเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9350/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพเจ้าของที่ดินจากการไม่โต้แย้ง และขอบเขตการต่อสู้คดีการบังคับคดี
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามฟ้องโดยซื้อมาจากการขายทอดตลาดและโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองกับบริวารขนย้ายหรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินดังกล่าว แต่จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ซื้อที่ดินตามฟ้องมาจากการขายทอดตลาด แต่การยึดทรัพย์และขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่ได้ปฏิเสธข้อที่ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ดังนี้ จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองรับว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามฟ้อง กรณีจึงไม่จำต้องสืบพยาน ส่วนเรื่องการยึดทรัพย์และขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าว เป็นเรื่องในชั้นบังคับคดีที่จำเลยทั้งสองต้องร้องขอเข้าไปในคดีที่มีการบังคับคดีนั้นตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะให้ผู้มีส่วนได้เสียได้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง คำให้การของจำเลยจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาท การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษาคดีไปจึงชอบแล้ว