พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์ในคดีแพ่ง: การคำนวณจากราคาที่พิพาทและค่าเสียหาย เพื่อกำหนดอำนาจศาลและขอบเขตการอุทธรณ์ฎีกา
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลและให้จำเลยที่1โอนขายที่พิพาทให้โจทก์ที่1เนื้อที่ประมาณ71ตารางวา ในราคาตารางวาละ250บาทรวมเป็นเงิน17,750บาทตามสัญญาจะซื้อจะขายและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน10,000บาทโดยเสียค่าขึ้นศาลในส่วนของที่พิพาทในราคาตารางวาละ250บาทตามสัญญาจะซื้อจะขายศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ทั้งสองเสียค่าขึ้นศาลยังไม่ครบถ้วนโดยไม่ได้คำนวณราคาที่พิพาทจึงให้โจทก์ทั้งสองเสียค่าขึ้นศาลให้ครบต่อมาได้มีการ คำนวณราคาที่พิพาทตารางวาละ1,000บาทรวมเป็นราคาที่พิพาท71,000บาทค่าเสียหายอีก10,000บาทรวมเป็น81,000บาทซึ่งถือเป็นทุนทรัพย์ในคดีนี้ดังนั้นจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องหรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทในคดี ขณะยื่นคำฟ้องจึงเกินกว่า50,000บาทไม่ใช่ถือเอาทุนทรัพย์หรือราคาตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยโดยเห็นว่าจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน50,000บาทต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่งจึงไม่ชอบทั้งเป็นคดีที่ ต้องห้ามฎีกาใน ข้อเท็จจริง ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวตามลำดับชั้นศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4439/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท ทำให้ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำออกจากที่ดินโจทก์ กับทำที่ดินให้กลับอยู่ในสภาพเดิม จำเลยให้การกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้ครอบครองที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจึงมิได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทด้วยการครอบครองปรปักษ์ และโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริต เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อที่พิพาทมีเนื้อที่เพียงประมาณ 4 ตารางวา ไม่อาจมีราคาเกินกว่า 200,000 บาทจึงเป็นคดีที่มีราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248