คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รายงานสถานพินิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน: การรับสารภาพและการไม่โต้แย้งรายงานสถานพินิจถือเป็นการไม่ติดใจสืบพยาน
ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กฯ พ.ศ. 2494 มาตรา 5 นั้น ในการพิจารณาคดีศาลย่อมดำเนินการไปตามวิธีพิจารณา การที่ศาลได้แจ้งให้จำเลยทราบเกี่ยวกับรายงานของสถานพินิจฯ จำเลยได้ทราบแล้ว มิได้แถลงต่อสู้หรือจะขอนำพยานมาสืบหักล้างเมื่อศาลสอบถามคำให้การ จำเลยก็รับสารภาพแถลงว่า ไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาในวันเดียวกันนั้น ดังนี้ ถูกต้องด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน: ศาลไม่ต้องสืบพยานซ้ำหากจำเลยรับสารภาพและไม่ติดใจสืบพยานโต้แย้งรายงานสถานพินิจ
ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 5 นั้นในการพิจารณาคดีศาลย่อมดำเนินการไปตามวิธีพิจารณาการที่ศาลได้แจ้งให้จำเลยทราบเกี่ยวกับรายงานของสถานพินิจฯจำเลยได้ทราบแล้ว มิได้แถลงต่อสู้หรือจะขอนำพยานมาสืบหักล้าง เมื่อศาลสอบถามคำให้การ จำเลยก็รับสารภาพแถลงว่า ไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาในวันเดียวกันนั้น ดังนี้ ถูกต้องด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13533/2558 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รายงานสถานพินิจไม่ใช่พยานหลักฐานวินิจฉัยความผิดเด็ก ต้องมีพยานบุคคลประกอบเพื่อพิสูจน์ความผิด
แม้รายงานการแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชนของผู้อำนวยการสถานพินิจจะมีความสำคัญแก่การพิพากษาคดีมากเนื่องจาก พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 131 บัญญัติว่า ศาลจะลงโทษหรือใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนได้ต่อเมื่อได้รับทราบรายงานดังกล่าว แต่ก็มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อให้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของจำเลย ตลอดจนสิ่งแวดล้อมทั้งปวงเกี่ยวกับจำเลยและของบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลซึ่งจำเลยอาศัยอยู่ด้วยหรือบุคคลซึ่งให้การศึกษา ให้ทำการงานหรือมีความเกี่ยวข้องตามมาตรา 115 เข้าสู่สำนวนคดี โดยมาตรา 118 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ศาลจะรับฟังรายงานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงตามมาตรา 115 ได้ เฉพาะที่มิใช่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่ถูกฟ้องโดยไม่ต้องมีพยานบุคคลประกอบได้เพื่อเสนอรายงานและความเห็นต่อศาลเกี่ยวกับการลงโทษ หรือการใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนแก่จำเลยเท่านั้น ข้อเท็จจริงตามรายงานก็มิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการสืบพยานของคู่ความ จึงไม่สามารถนำมารับฟังในฐานะเป็นพยานหลักฐานที่จะนำมาวินิจฉัยเกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยได้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 รับฟังรายงานดังกล่าวแล้วเชื่อว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น จึงมิชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13533/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รายงานสถานพินิจไม่ใช่พยานหลักฐานพิสูจน์ความผิด ต้องมีพยานบุคคลซักค้าน การรับฟังพยานหลักฐานต้องปราศจากข้อสงสัย
แม้รายงานการแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชนของผู้อำนวยการสถานพินิจ จะมีความสำคัญแก่การพิพากษาคดีเนื่องจาก พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 131 บัญญัติว่า ศาลจะลงโทษหรือใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนได้ต่อเมื่อได้รับทราบรายงานดังกล่าว แต่ก็มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อให้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ตลอดจนสิ่งแวดล้อมทั้งปวงเกี่ยวกับจำเลยและบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลซึ่งจำเลยอาศัยอยู่ด้วยหรือบุคคลซึ่งให้การศึกษา ให้ทำการงานหรือมีความเกี่ยวข้องตามมาตรา 115 เข้าสู่สำนวนคดี โดยมาตรา 118 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ศาลจะรับฟังรายงานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงตามมาตรา 115 ได้ เฉพาะที่มิใช่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่ถูกฟ้องโดยไม่ต้องมีพยานบุคคลประกอบได้ เพื่อเสนอรายงานและความเห็นต่อศาลเกี่ยวกับการลงโทษ หรือการใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนแก่จำเลยเท่านั้น ข้อเท็จจริงตามรายงานก็มิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการสืบพยานของคู่ความ จึงไม่สามารถนำมารับฟังในฐานะเป็นพยานหลักฐานที่จะนำมาวินิจฉัยเกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยได้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 รับฟังรายงานดังกล่าวแล้วเชื่อว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น จึงมิชอบด้วยกฎหมาย