พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออนุญาตขายทรัพย์สินยึดโดยลูกหนี้ตามมาตรา 307 ป.วิ.พ. ต้องเป็นไปเพื่อชำระหนี้จากรายได้ประจำปี ไม่ใช่การขายแทนการบังคับคดี
คำร้องของจำเลยอ้างว่า จำเลยมีรายได้ประจำปีจากการพาณิชยกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของหมู่บ้านจัดสรร ที่ดินพร้อมบ้านที่โจทก์นำยึดมีลูกค้าตกลงจะซื้อจากจำเลยแล้ว ซึ่งจะทำให้ได้รับเป็นรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษา อันเป็นข้อที่กล่าวอ้างเพื่อขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยเป็นผู้ขายทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดให้แก่ลูกค้าของจำเลยตามสัญญาจะซื้อจะขาย โดยอาศัยอำนาจตาม ป.วิ.พ. มาตรา 307 ซึ่งหากศาลอนุญาตย่อมมีผลเป็นการงดการบังคับคดีไปในตัว แม้จำเลยจะกล่าวอ้างในคำร้องต่อไปว่าโจทก์ไม่แจ้งเรื่องดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานบังคับคดี เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีหมายแจ้งประกาศขายทอดตลาดให้ลูกค้าของจำเลยทราบ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยและการบังคับคดี ทั้งได้อ้างมาตรา 296 มาในคำร้องด้วย แต่จำเลยก็มิได้ขอให้ศาลมีคำสั่งตามมาตรา 296 เพียงแต่ขอให้ศาลมีคำสั่งงดการบังคับคดีและอนุญาตให้จำเลยเป็นผู้ขายทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดให้แก่ลูกค้าของจำเลยตามสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ว่าจำเลยประสงค์ที่จะขอให้ศาลพิจารณาและมีคำสั่งตามมาตรา 307 เป็นสำคัญ คำร้องของจำเลยจึงมิได้ขัดแย้งกันเอง
ป.วิ.พ. มาตรา 307 ที่ให้อำนาจศาลตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์หรือการประกอบกิจการแทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น เป็นบทบัญญัติที่มุ่งคุ้มครองลูกหนี้ตามคำพิพากษา ให้มีโอกาสชำระหนี้จากรายได้ประจำปีโดยไม่ต้องขายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ถูกยึด การที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่ออนุญาตให้จำเลยเป็นผู้ขายทรัพย์สินของจำเลยที่โจทก์นำยึดซึ่งยังคงต้องขายทรัพย์สินดังกล่าว จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 307 ทั้งมีผลเท่ากับให้จำเลยเป็นผู้ขายทรัพย์สินดังกล่าวเสียเองแทนการขายทอดตลาดโดยเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งไม่อาจกระทำได้โดยชอบ จึงชอบที่ศาลจะมีคำสั่งยกคำร้องนั้นเสียโดยไม่จำต้องไต่สวนก่อน ไม่เป็นการขัดต่อมาตรา 21
ป.วิ.พ. มาตรา 307 ที่ให้อำนาจศาลตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์หรือการประกอบกิจการแทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น เป็นบทบัญญัติที่มุ่งคุ้มครองลูกหนี้ตามคำพิพากษา ให้มีโอกาสชำระหนี้จากรายได้ประจำปีโดยไม่ต้องขายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ถูกยึด การที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่ออนุญาตให้จำเลยเป็นผู้ขายทรัพย์สินของจำเลยที่โจทก์นำยึดซึ่งยังคงต้องขายทรัพย์สินดังกล่าว จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 307 ทั้งมีผลเท่ากับให้จำเลยเป็นผู้ขายทรัพย์สินดังกล่าวเสียเองแทนการขายทอดตลาดโดยเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งไม่อาจกระทำได้โดยชอบ จึงชอบที่ศาลจะมีคำสั่งยกคำร้องนั้นเสียโดยไม่จำต้องไต่สวนก่อน ไม่เป็นการขัดต่อมาตรา 21
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7754/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการตั้งผู้จัดการทรัพย์สิน: ทรัพย์สินที่ไม่มีรายได้ประจำปี ไม่อาจใช้มาตรา 307
จำเลยประกอบอาชีพพาณิชยกรรมการค้าขายวัสดุก่อสร้างทุกชนิด และรับเหมาก่อสร้างงานโยธาทุกประเภทที่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ส่วนทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดนั้น ที่ดินแปลงที่ 1 เป็นที่ดินสำหรับทำไร่ ส่วนแปลงที่ 2 เป็นที่ดินสำหรับอยู่อาศัย และทั้งสองแปลงอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมาอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวย่อมไม่ใช่ทรัพย์สินที่มีรายได้ประจำปีหรือมีการประกอบพาณิชยกรรมในขณะนั้นที่จำเลยจะขอตั้งผู้จัดการทรัพย์แทนการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามมาตรา 307: รายได้ประจำปีเพียงพอชำระหนี้ได้ ศาลสั่งตั้งผู้จัดการทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้ มิใช่ผ่อนชำระรายปี
ความหมายแห่งบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 307 ให้ใช้รายได้ 1 ปี มาชำระหนี้ให้ครบถ้วนตามคำพิพากษามิใช่ให้ผ่อนชำระเป็นรายปีแล้วแต่ลูกหนี้จะผ่อนชำระได้ จำเลยที่ 2 มิได้มีรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกยึดจึงไม่อาจตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการทรัพย์แทนการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: การตั้งผู้จัดการทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้จากรายได้ประจำปีตามมาตรา 307 คพพ.
ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 ว่าด้วยวิธีการอย่างอื่นแทนการขายทอดตลาดเป็นบทบัญญัติคุ้มครองผลประโยชน์และส่วนได้เสียของลูกหนี้ตามคำพิพากษาในชั้นบังคับคดี ซึ่งทำให้อาจปลดเปลื้องหนี้สินตามคำพิพากษาได้ โดยไม่ต้องมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้และจะไม่เกิดความเสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หากรายได้จากอสังหาริมทรัพย์หรือการประกอบกิจการของลูกหนี้เมื่อคำนวณประจำปีแล้วอาจเพียงพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ซึ่งเมื่อศาลเห็นสมควรหรือเมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอศาลอาจมีคำสั่งตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์หรือการประกอบกิจการเหล่านั้นและบังคับให้มอบรายได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีภายในเวลาและกำหนดตามที่ศาลเห็นสมควรแทนการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา หาใช่ให้ผ่อนชำระเป็นรายปีแล้วแต่ลูกหนี้จะผ่อนชำระได้