คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รูปคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 40 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4986/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลายื่นคำให้การ: เหตุผลความล่าช้าของผู้ถูกฟ้องต้องมีน้ำหนัก, รูปคดีไม่ซับซ้อน, ศาลมีอำนาจสั่งโดยไม่ต้องไต่สวน
จำเลยที่ 1 เพิ่งติดต่อหาทนายในขณะที่ยังเหลือเวลายื่นคำให้การอีกเพียง 2 วันโดยไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องหรือความจำเป็นอย่างใดจึงมาติดต่อหาทนายล่าช้า จึงเป็นความผิดของจำเลยที่ 1 ที่ปล่อยปละละเลยให้ระยะเวลายื่นคำให้การล่วงเลยไปถึง 13 วันโดยไม่ขวนขวายติดต่อหาทนายแต่เนิ่นๆรูปคดีจึงไม่ยุ่งยากซับซ้อน เวลาที่เหลือ 2 วันก็เพียงพอที่จะทำคำให้การยื่นต่อศาลชั้นต้นได้ทันกำหนดเวลา ข้ออ้างตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การของจำเลยที่ 1 ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันจะพึงขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้จำเลยที่ 1 ได้ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่อ้างมาในคำร้องเพียงพอที่จะวินิจฉัยและมีคำสั่งได้แล้ว ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจทำคำสั่งไปได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และไต่สวนคำร้องก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: แม้เปลี่ยนรูปคดีเป็นเรียกค่าเสียหาย แต่หากมีมูลหนี้เดิมที่เคยฟ้องแล้ว ศาลจะถือเป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็ค 3 ฉบับของ ก. จำนวน 400,000บาท นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นสาขาของจำเลยที่ 1โดยไม่ขอรับเป็นเงินสดแต่ขอเปลี่ยนเป็นแคชเชียร์เช็คแทน จำเลยที่ 2จึงออกแคชเชียร์เช็คในจำนวนเงินดังกล่าวให้ ต่อมาแคชเชียร์เช็คถูกระงับการจ่ายเงิน โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินตามแคชเชียร์เช็คจากจำเลยที่ 1 ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เรียกเงินจำนวนเดียวกันนั้นอีก แม้จะเปลี่ยนแปลงตั้งรูปคดีใหม่เป็นเรียกค่าเสียหายและขอให้คืนเช็ค 3 ฉบับของ ก. แต่ก็เป็นการเรียกเงินตามแคชเชียร์เช็คที่สืบเนื่องจากเช็ค 3 ฉบับของ ก. ตามคดีก่อนนั่นเอง เมื่อคดีก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3503/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในประเด็นเดียวกัน: คำพิพากษาศาลถึงที่สุดมีผลผูกพัน แม้เปลี่ยนรูปคดี
ที่ดินพิพาทคดีนี้เป็นที่ดินแปลงเดียวกันกับที่ดินพิพาทในคดีแพ่งเรื่องก่อนที่โจทก์ฟ้องจำเลย อ้างว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท แต่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท แม้การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้โดยตั้งรูปคดีมาใหม่ว่าโจทก์มอบที่ดินพิพาทให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยและขอให้บังคับจำเลยส่งมอบที่ดินพิพาทคืนโจทก์ ซึ่งแตกต่างกับรูปคดีของคดีก่อนซึ่งโจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทก็ตาม แต่ประเด็นสำคัญของคดีก็ยังคงเป็นอย่างเดียวกันคือโจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่ จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำตามบทบัญญัติแห่งป.วิ.พ.มาตรา 148 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6807/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างว่าความเลิกกันด้วยความยินยอม โจทก์ต้องใช้ค่าจ้างตามรูปคดี จำเลยต้องคืนส่วนที่เหลือ
บริษัทใช้ชื่อจำเลยเป็นชื่อบริษัทตามหนังสือรับรองของนายทะเบียนระบุว่าบริษัทมีกรรมการ4คนจำเลยลงลายมือชื่อและประทับตราของบริษัทมีอำนาจกระทำการผูกพันบริษัทได้จึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทและเป็นหัวหน้าสำนักงานกฎหมาย สัญญารับมอบงานเป็นสัญญาจ้างว่าความซึ่งเป็นสัญญาจ้างทำของมีข้อความว่าโจทก์ได้มอบให้จำเลยและทนายความในสำนักงานฟ้องคดีจำเลยรับจะดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุดโดยโจทก์ตกลงจ่ายค่าตอบแทนให้คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ว. ผู้มีอำนาจกระทำแทนโจทก์ลงชื่อประทับตราโจทก์ในช่องผู้มอบงานส่วนจำเลยลงชื่อในช่องผู้รับมอบงานแต่ผู้เดียวไม่ได้ประทับตราของบริษัทจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำในฐานะเป็นผู้แทนบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลทั้งข้อความในสัญญาแสดงชัดอยู่ว่าโจทก์เป็นผู้ว่าจ้างจำเลยและหรือทนายความในสำนักงานของจำเลยให้ฟ้องคดีโดยจำเลยตกลงเป็นผู้รับจ้างจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำในฐานะเป็นผู้แทนของบริษัทแม้สัญญารับมอบงานได้กระทำที่บริษัทแต่ตามพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าสำนักงานได้ทำสัญญารับจ้างว่าความกับโจทก์โดยใช้กระดาษบันทึกข้อความซึ่งมีชื่อบริษัทที่หัวกระดาษทำสัญญากับโจทก์เท่านั้นโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง สัญญาจ้างว่าความได้เลิกกันด้วยการตกลงยินยอมทั้งสองฝ่ายคู่สัญญาจึงมีสิทธิที่จะได้คืนสู่ฐานะที่เป็นอยู่เดิมโดยวิธีการที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติมาตรา391วรรคสองวรรคสามและวรรคสี่โดยเฉพาะในวรรคสามโจทก์ผู้ว่าจ้างต้องใช้ค่าแห่งการงานที่จำเลยทำให้โจทก์ด้วยการใช้เงินตามควรค่าแห่งการนั้นโดยคิดค่าจ้างตามรูปคดีหาใช่จำเลยต้องคนค่าจ้างทั้งหมดโดยคิดเป็นค่าเสียหายของโจทก์ตามที่โจทก์เรียกร้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การท้าคดีสืบพยานและผลของการแถลงไม่ครบถ้วน ศาลต้องสืบพยานเพื่อพิพากษาตามรูปคดี
คู่ความตกลงท้ากันว่าโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานแต่ขอให้พระภิกษุส. มาแถลงต่อศาลว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแน่หากพระภิกษุส. แถลงต่อศาลเช่นใดคู่ความก็ยอมรับและไม่ติดใจคัดค้านแต่พระภิกษุส.แถลงต่อศาลเพียงว่าพระภิกษุส. เป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างพี่ชายกับโจทก์กับจำเลยแต่เงินที่ซื้อเป็นของจำเลยหรือไม่และจำเลยซื้อแทนใครหรือไม่พระภิกษุส. ไม่ทราบคำแถลงพระภิกษุส. ไม่ครบถ้วนตามคำท้าคดีจึงต้องสืบพยานโจทก์จำเลยกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2726/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความไม่ใช่สภาพแห่งข้อหา ศาลต้องพิจารณาตามรูปคดี หากจำเลยต่อสู้
เรื่องอายุความไม่ใช่สภาพแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสองโจทก์จึงไม่ต้องกล่าวในฟ้องว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใดเมื่อจำเลยให้การต่อสู้คดีชอบที่ศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยสืบพยานหลักฐานแล้วพิพากษาต่อไปตามรูปคดีศาลจะมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเหตุที่จำเลยยกเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีอาญา: การพิจารณาจากคำให้การก่อนหน้าและผลกระทบต่อรูปคดี
ขณะไฟไหม้บ้าน ส. จำเลยไม่เห็นโจทก์ แต่จำเลยเบิกความว่าจำเลยมองไปที่บ้านของ ส.เห็นโจทก์วิ่งไปทางตะวันตกแล้วลงคลองไป จึงเป็นการเบิกความเท็จทั้งความเท็จนั้นหากศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยเบิกความอาจเป็นผลให้โจทก์ได้รับโทษได้จึงเป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยจึงมีความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2682/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้จำเลยอ้างว่าโจทก์ผิดสัญญา ศาลพิจารณาตามรูปคดี
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถึงคำขอบังคับไว้ชัดแจ้งแล้วส่วนศาลจะบังคับให้จำเลยทั้งสามต้องปฏิบัติตามคำขอบังคับของโจทก์หรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลตามรูปคดี ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5555/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานจากความผิดพลาดเรื่องวันนัด และผลกระทบต่อการประวิงคดี
ทนายจำเลยเคยขอเลื่อนคดี เพราะไม่มีพยานมาศาลโดยไม่ทราบเหตุขัดข้องมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีและกำชับให้จำเลยมาตามนัด ฝ่ายจำเลยก็ไม่มีผู้ใดมาตามนัดจะฟังได้ว่าทนายจำเลยจดวันนัดผิดและเมื่อมีการขอออกหมายเรียกพยานโดยระบุวันนัดผิด ศาลชั้นต้นก็อนุญาตให้ออกหมายตามนั้นได้ ก็ไม่เป็นเหตุผลที่จะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ เพราะการให้ถือเหตุทำนองนี้เป็นข้อแก้ตัวอาจเป็นช่องทางให้คู่ความประวิงคดีได้ง่าย ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานฝ่ายจำเลย และนัดฟังคำพิพากษาจึงเหมาะสมแก่รูปเรื่องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการรับน้ำจากที่ดินสูง-ต่ำ และอายุความภารจำยอม: ข้อจำกัดในการฎีกาที่ไม่ตรงกับรูปคดี
โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีว่า ที่นาจำเลยสูงกว่าที่นาโจทก์ การทำนาของโจทก์ต้องอาศัยน้ำจากลำเหมืองซึ่งผ่านที่นาจำเลยโดยเปิดคันนาจำเลยให้น้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่นาจำเลยเข้าไปสู่ที่นาโจทก์จำเลยปิดกั้นคันนาของจำเลยไม่ยอมให้น้ำไหลเข้าสู่ที่นาโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยเปิดคันนาและเรียกค่าเสียหาย เป็นการฟ้องว่าจำเลยใช้สิทธิโดยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ เมื่อศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าน้ำที่ไหลเข้าที่นาจำเลยไม่ใช่น้ำที่ไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงไปสู่ที่ดินต่ำ มิใช่กรณีตามมาตรา 1339 และมิใช่กรณีเป็นการชักน้ำไว้เกินกว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการทำนาของจำเลยตามมาตรา 1355 ฎีกาโจทก์ที่ว่าจำเลยยอมเปิดคันนาให้น้ำไหลผ่านที่นาจำเลยเข้าสู่ที่นาโจทก์เพื่อให้โจทก์ใช้ทำนาติดต่อกันมาเกินกว่า 10 ปี โจทก์ย่อมได้ภารจำยอมโดยอายุความนั้น จึงไม่ตรงกับรูปเรื่อง และเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
of 4