คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รู้เรื่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความข่มขืนกระทำชำเรา: การร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับจากวันที่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2530จนกระทั่งถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2530 เป็นการกระทำผิดหลายคราวต่อเนื่องกันตลอดมา ผู้เสียหายร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2530 เป็นการร้องทุกข์ภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความร้องทุกข์ความผิดอันยอมความได้ เริ่มนับจากวันที่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำความผิด ไม่ใช่วันที่กระทำความผิด
อายุความในการร้องทุกข์สำหรับความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 มีกำหนดเวลาสามเดือนนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดประกอบกันทั้งสองประการ กฎหมายหาได้บัญญัติให้นับอายุความร้องทุกข์ตั้งแต่วันที่จำเลยกระทำความผิดไม่ จำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มีข้อความหมิ่นประมาทโจทก์เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2528 และต่อมาวันที่ 14 มกราคม 2528 หนังสือพิมพ์ได้ลงข่าวตามที่จำเลยให้สัมภาษณ์ ต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวผู้กระทำความผิดในวันดังกล่าวเมื่อโจทก์ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในวันที่ 13 เมษายน 2528 ซึ่งอยู่ภายในกำหนดเวลาสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิด และรู้ตัวผู้กระทำความผิด แม้โจทก์นำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินสามเดือนแต่ยังอยู่ภายในกำหนดอายุความตามมาตรา 95 คดีของโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฉ้อโกง: เริ่มนับเมื่อรู้ถูกหลอก ไม่ใช่นับจากวันที่กรรมสิทธิ์โอน
ผู้ซื้อฝากที่ดินเพิ่งรู้ว่าถูกผู้ขายฝากฉ้อโกง (โดยนำที่ดินของผู้อื่นมาขายฝาก)เมื่อพ้นกำหนดไถ่แล้ว ดังนี้ อายุความ (3 เดือน) ขอให้ดำเนินคดีเริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้ซื้อฝากรู้เรื่องว่าตนถูกฉ้อโกง มิใช่เริ่มนับตั้งแต่วันที่กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ขายฝากตกเป็นของผู้ซื้อฝาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฉ้อโกง: เริ่มนับเมื่อรู้ถูกหลอกลวง ไม่ใช่นับจากวันที่กรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือ
ผู้ซื้อฝากที่ดินเพิ่งรู้ว่าถูกผู้ขายฝากฉ้อโกง (โดยนำที่ดินของผู้อื่นมาขายฝาก)เมื่อพ้นกำหนดไถ่แล้ว ดังนี้ อายุความ (3 เดือน) ขอให้ดำเนินคดีเริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้ซื้อฝากรู้เรื่องว่าตนถูกฉ้อโกง มิใช่เริ่มนับตั้งแต่วันที่กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ขายฝากตกเป็นของผู้ซื้อฝาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1666/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฉ้อโกง: เริ่มนับแต่รู้เรื่องความผิดและตัวผู้กระทำผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าที่ดินเป็นของจำเลยจะจำนองโจทก์โจทก์หลงเชื่อจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไป ครั้นต่อมาปรากฏว่าที่ดินมีชื่อบุตรจำเลยเป็นเจ้าของ จำเลยได้หลอกลวงว่าจะขออนุญาตศาลจำนอง ในคำร้องจำเลยอ้างว่าจะเอาเงินไปซื้อที่ดินใหม่และใช้จ่ายการศึกษาของบุตร แต่จำเลยรับกับเจ้าพนักงานศาลว่าเอาไปใช้หนี้ส่วนตัว ศาลจึงยกคำร้อง โจทก์จึงทราบชัดว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตฉ้อโกงโจทก์ เช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่วันที่โจทก์รู้ว่าที่ดินมีชื่อบุตรในโฉนด นับจากวันนั้นพ้นสามเดือนโจทก์จึงไปร้องทุกข์ คดีโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1666/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฉ้อโกง: เริ่มนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและตัวผู้กระทำผิด แม้มีการผัดผ่อน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าที่ดินเป็นของจำเลยจะจำนองโจทก์โจทก์หลงเชื่อจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไป ครั้นต่อมาปรากฏว่าที่ดินมีชื่อบุตรจำเลยเป็นเจ้าของ จำเลยได้หลอกลวงว่าจะขออนุญาตศาลจำนอง ในคำร้องจำเลยอ้างว่าจะเอาเงินไปซื้อที่ดินใหม่และใช้จ่ายการศึกษาของบุตร แต่จำเลยรับกับเจ้าพนักงานศาลว่าเอาไปใช้หนี้ส่วนตัว ศาลจึงยกคำร้อง โจทก์จึงทราบชัดว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตฉ้อโกงโจทก์ เช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่วันที่โจทก์รู้ว่าที่ดินมีชื่อบุตรในโฉนด นับจากวันนั้นพ้นสามเดือนโจทก์จึงไปร้องทุกข์ คดีโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: การฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่วันรู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำละเมิด ทำให้คดีขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องบรรยายกล่าวว่าจำเลยกระทำการโดยประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวัง มิได้ปฏิบัติตามระเบียบหน้าที่และคำสั่ง อันเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้อยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยยักยอกเงินของทางราชการไปทำให้โจทก์เสียหาย อันเป็นการแสดงชัดว่า โจทก์ขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา420 ฉะนั้น เมื่อปรากฏว่าโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยภายหลัง 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ทราบถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ละเมิดแล้ว ก็ต้องถือว่าคดีขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7687/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีเบียดบังทรัพย์สิน: การรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ
จำเลยรับมอบเงินที่ได้จากการขายน้ำมันของโจทก์ร่วมแล้วเบียดบังเงินนั้นบางส่วนเป็นเงิน 6,451,435.43 บาท ไปเป็นของจำเลยทำให้งบดุลประจำปีไม่ลงตัว ต่อมาวันที่ 9 มิถุนายน 2541 กรรมการโจทก์ร่วมการนำงบดุลของโจทก์ร่วมให้จำเลยดู จำเลยยอมรับว่าได้เอาเงินของโจทก์ร่วมไปและเขียนบันทึกยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์ร่วมในจำนวนเงินดังกล่าว ดังนั้น โจทก์ร่วมเพิ่งทราบแน่ชัดว่าจำเลยเป็นผู้เอาเงินไปในวันดังกล่าว กรณีจึงถือว่าโจทก์ร่วมได้รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2541 และโจทก์ร่วมมาร้องทุกข์ในวันที่ 1 กันยายน 2541 จึงเป็นการร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตาม ป.อ. มาตรา 96

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความร้องทุกข์ฉ้อโกง: เริ่มนับเมื่อรู้เจตนาทุจริต ไม่ใช่เมื่อแน่ใจ
โจทก์ร่วมรู้ว่าจำเลยเจตนาฉ้อโกงตนในวันใดอายุความร้องทุกข์ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันนั้น การที่โจทก์ร่วมพยายามโทรศัพท์ถึงจำเลยอีกหลายครั้งหลายหนในเวลาต่อมาทั้งๆ ที่จำเลยรับบ้างไม่รับบ้าง หรือบางครั้งรับปากว่าจะนำเงินไปชำระแต่แล้วก็ผิดนัดเป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมผ่อนผันหรือให้โอกาสแก่จำเลย ถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมเพิ่งทราบถึงการกระทำความผิดของจำเลย