พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5665/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาคดีกัญชา: ลงโทษตามฟ้อง แม้ศาลชั้นต้น-อุทธรณ์ผิดพลาด
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษในความผิดที่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้อง เมื่อมีอุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมา และศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณา ว่า เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทหรือไม่ ถ้าเห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาผิดพลาดก็ต้องแก้ไขให้ตรงตามความจริงเพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย
ศาลยกขึ้นอ้างเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 เมื่อ ศาลอุทธรณ์ไม่แก้ให้ตรงความเป็นจริง ศาลฎีกาย่อมพิพากษา ความผิดให้ตรงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
จำเลยมีกัญชาไว้ในความครอบครอง และพยายามนำกัญชาดังกล่าว ออกนอกราชอาณาจักร เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ศาลต้องลงโทษฐานพยายามนำกัญชาออกนอกราชอาณาจักร อันเป็นบทหนักที่สุด
ศาลยกขึ้นอ้างเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 เมื่อ ศาลอุทธรณ์ไม่แก้ให้ตรงความเป็นจริง ศาลฎีกาย่อมพิพากษา ความผิดให้ตรงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
จำเลยมีกัญชาไว้ในความครอบครอง และพยายามนำกัญชาดังกล่าว ออกนอกราชอาณาจักร เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ศาลต้องลงโทษฐานพยายามนำกัญชาออกนอกราชอาณาจักร อันเป็นบทหนักที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามชิงทรัพย์: การลงโทษตามฟ้องแม้ไม่ได้อ้างมาตราโดยตรง และการพิจารณาข้อแถลงการณ์เพิ่มเติม
จำเลยเข้าไปยกหีบบรรจุทรัพย์ซึ่งวางอยู่บนร้านที่เจ้าทรัพย์นอนต่อหน้าเจ้าทรัพย์ที่กำลังนั่งอยู่ที่ร้านนั้น พอคว้าหีบเจ้าทรัพย์ก็แย่งไว้ หีบจึงพลัดตกน้ำไป กลับใช้อาวุธทำร้ายเจ้าทรัพย์แล้วหนีไปแต่ตัว ดังนี้ เป็นผิดฐานพยามชิงทรัพยืเท่านั้น
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยปล้นโดยทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บ ให้ลงโทษตามมาตรา 301, 296 ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยพยายามชิงทรัพย์ กระทำให้เจ้าทรัพย์บ่ดเจ็บ+มีอำนาจลงดทษจำเลยฐานพยามยามชิงทรัพย์ตามมาตรา 300,60 โดยอาศัยกฎหมายอาญามาตรา 192 วรรคท้ายได้
+แต่ศาลอุทธรณืไม่อนุญาติให้โจทก์แถลงการณ์ด้วยวาจาเท่านั้น ยังไม่เป็นการจำเป็นที่จะต้องให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยปล้นโดยทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บ ให้ลงโทษตามมาตรา 301, 296 ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยพยายามชิงทรัพย์ กระทำให้เจ้าทรัพย์บ่ดเจ็บ+มีอำนาจลงดทษจำเลยฐานพยามยามชิงทรัพย์ตามมาตรา 300,60 โดยอาศัยกฎหมายอาญามาตรา 192 วรรคท้ายได้
+แต่ศาลอุทธรณืไม่อนุญาติให้โจทก์แถลงการณ์ด้วยวาจาเท่านั้น ยังไม่เป็นการจำเป็นที่จะต้องให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ แม้จะมีการทำร้ายร่างกายเจ้าทรัพย์ ศาลลงโทษได้ตามฟ้อง
เข้าไปยกหีบบรรจุทรัพย์ซึ่งวางอยู่บนร้านที่เจ้าทรัพย์นอนต่อหน้าเจ้าทรัพย์ผู้กำลังนั่งอยู่ที่ร้านนั้น พอคว้าหีบเจ้าทรัพย์ก็แย่งไว้ หีบจึงหลัดตกน้ำลงไปกลับใช้อาวุธทำร้ายเจ้าทรัพย์แล้วหนีไปแต่ตัวดังนี้ เป็นผิดฐานพยายามชิงทรัพย์เท่านั้น
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยปล้นโดยทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บขอให้ลงโทษตามมาตรา 301,298 แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยพยายามชิงทรัพย์ กระทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานพยายามชิงทรัพย์ตามมาตรา 300,60 โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้ายได้เพียงแต่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์แถลงการณ์ด้วยวาจาเท่านั้น ยังไม่เป็นการจำเป็นที่จะต้องให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยปล้นโดยทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บขอให้ลงโทษตามมาตรา 301,298 แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยพยายามชิงทรัพย์ กระทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานพยายามชิงทรัพย์ตามมาตรา 300,60 โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้ายได้เพียงแต่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์แถลงการณ์ด้วยวาจาเท่านั้น ยังไม่เป็นการจำเป็นที่จะต้องให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษตามฟ้อง: โจทก์ไม่สามารถฎีกาขอลงโทษฐานอื่นนอกเหนือจากที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินได้ แม้ต่างจากศาลชั้นต้น
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะหรือร่วมกันรับของโจร ย่อมแสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ศาลพิจารณาพิพากษาลงโทษฐานใดฐานหนึ่งตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในชั้นพิจารณา ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานใดฐานหนึ่งเท่านั้น และเมื่อลงโทษฐานใดแล้วต้องถือว่าเป็นการลงโทษตามฟ้องแล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันรับของโจร แม้จะแตกต่างจากศาลชั้นต้นก็ตาม กรณีถือว่าศาลอุทธรณ์ภาค 4 ลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้องแล้ว โจทก์ไม่ชอบที่จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะได้อีก ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะมานั้น เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9024/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานฆ่าและทำร้ายร่างกายเป็นการกระทำกรรมเดียวหรือหลายกรรม ศาลต้องลงโทษตามฟ้อง
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายบริเวณอกด้านซ้ายโดยมีเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน แล้วจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายซ้ำอีก แต่ผู้เสียหายเข้ากันไว้เป็นเหตุให้มีดพลาดไปถูกผู้เสียหายที่ต้นแขนซ้ายได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ตายถึงแก่ความตาย แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยเพียงกรรมเดียวในความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพลาดไปถูกผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งต้องลงโทษจำเลยตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะได้ความว่า นอกจากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายแล้วจำเลยยังทำร้ายผู้เสียหายอันเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากจากกันก็ตาม ก็เป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องและตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสี่ จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายอีกกระทงหนึ่งได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องต้องห้ามตามมาตรา 192 วรรคหนึ่ง คงลงโทษจำเลยได้เฉพาะในความผิดฐานฆ่าผู้ตายเท่านั้น