พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5207/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่มีหน้าที่ลดความเร็วเพื่อความปลอดภัย
จำเลยขับรถด้วยความเร็วสูงและไม่ได้ชะลอความเร็วเมื่อมาถึงทางร่วมทางแยก แม้จะได้ความว่าทางเดินรถของฝ่ายแท็กซี่เป็นทางโทมีป้ายหยุดปักอยู่ตรงปากทางและผู้ขับรถแท็กซี่ไม่ได้หยุดรถของตนอันเป็นการกระทำโดยประมาทด้วยก็ตาม แต่การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่รถทุกเส้นทางที่มาบรรจบทางร่วมทางแยกจะต้องลดความเร็วลงให้อยู่ในระดับความเร็วที่ต่ำหรือหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายอันเกิดจากการชนระหว่างรถที่กำลังแล่นผ่าน หาใช่ว่าผู้ที่ขับรถมาในทางเอกจะใช้ความเร็วในอัตราที่สูงโดยขับผ่านทางร่วมทางแยกไปโดยปราศจากความระมัดระวัง เมื่อจำเลยขับรถแล่นเข้าไปในทางร่วมทางแยกด้วยความเร็วสูงทำให้ชนกับรถยนต์คันที่ผู้ตายขับมาเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ย่อมถือได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความประมาทของจำเลยด้วย
พฤติการณ์ความประมาทของจำเลยค่อนข้างร้ายแรง และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 คน แม้จำเลยจะวางเงินให้แก่ทายาทของผู้ตายทั้งสามคนก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาก็มิใช่การวางเงินโดยยอมรับผิดในการกระทำของตน ทั้งเงินดังกล่าวก็เป็นค่าเสียหายส่วนแพ่งที่จำเลยอาจต้องรับผิดต่อทายาทของผู้ตายกรณียังไม่สมควร รอการลงโทษให้แก่จำเลย
พฤติการณ์ความประมาทของจำเลยค่อนข้างร้ายแรง และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 คน แม้จำเลยจะวางเงินให้แก่ทายาทของผู้ตายทั้งสามคนก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาก็มิใช่การวางเงินโดยยอมรับผิดในการกระทำของตน ทั้งเงินดังกล่าวก็เป็นค่าเสียหายส่วนแพ่งที่จำเลยอาจต้องรับผิดต่อทายาทของผู้ตายกรณียังไม่สมควร รอการลงโทษให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2680/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาททางถนน: หน้าที่ลดความเร็วที่ทางร่วม และการพิสูจน์ความเร็วจากการชน
การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่รถทุกเส้นทางที่มาบรรจบทางร่วมทางแยกจะต้องลดความเร็วลง ให้อยู่ในอัตราความเร็วต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายอันอาจเกิดจากการชนกันระหว่างรถที่กำลังแล่นผ่าน หาใช่ว่าผู้ที่ขับมาในทางเอกจะใช้ความเร็วในอัตราสูง โดยขับผ่านทางร่วมทางแยกไปโดยปราศจากความรั้งรอ ไม่ว่าจะมีรถในทางเดินรถทางโทแล่นมาถึงพร้อมกันหรือไม่เมื่อจำเลยที่1 ได้ขับรถแล่นเข้าไปในทางร่วมที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง ทั้งที่ควรลดความเร็วลงเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุขึ้น ทำให้ชนกับรถคันที่จำเลยที่ 2 ขับมา เป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บ ย่อมถือได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความประมาทของจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2680/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถทางร่วม: หน้าที่ลดความเร็วเพื่อความปลอดภัย
การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่รถทุกเส้นทางที่มาบรรจบทางร่วมทางแยกจะต้องลดความเร็วลงให้อยู่ในอัตราความเร็วต่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายอันอาจเกิดจากการชนกันระหว่างรถที่กำลังแล่นผ่าน หาใช่ว่าผู้ที่ขับมาในทางเอกจะใช้ความเร็วในอัตราสูงโดยขับผ่านทางร่วมทางแยกไปโดยปราศจากความรั้งรอ ไม่ว่าจะมีรถในทางเดินรถทางโทแล่นมาถึงพร้อมกันหรือไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ขับรถแล่นเข้าไปในทางร่วมที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง ทั้งที่ควรลดความเร็วลงเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุขึ้น ทำให้ชนกับรถคันที่จำเลยที่ 2 ขับมา เป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บ ย่อมถือได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความประมาทของจำเลยที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2680/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่ทางร่วมทางแยก: หน้าที่ลดความเร็วเพื่อความปลอดภัย
การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่รถทุกเส้นทางที่มาบรรจบทางร่วมทางแยกจะต้องลดความเร็วลงให้อยู่ในอัตราความเร็วต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายอันอาจเกิดจากการชนกันระหว่างรถที่กำลังแล่นผ่าน หาใช่ว่าผู้ที่ขับมาในทางเอกจะใช้ความเร็วในอัตราสูง โดยขับผ่านทางร่วมทางแยกไปโดยปราศจากความรั้งรอ ไม่ว่าจะมีรถในทางเดินรถทางโทแล่นมาถึงพร้อมกันหรือไม่เมื่อจำเลยที่1 ได้ขับรถแล่นเข้าไปในทางร่วมที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง ทั้งที่ควรลดความเร็วลงเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุขึ้น ทำให้ชนกับรถคันที่จำเลยที่ 2 ขับมา เป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บ ย่อมถือได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความประมาทของจำเลยที่ 1 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3825/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่สี่แยกหมู่บ้าน การลดความเร็วและให้สัญญาณเสียงสำคัญต่อความปลอดภัย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถมาถึงสี่แยกก่อนจำเลยที่ 1 หรือขับรถผ่านสี่แยกจนตัวรถเลยถึงถึงกลางสี่แยกไปแล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะขับรถอยู่ด้านซ้ายของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71(2)
การขับรถในกรณีที่ผู้ขับขี่ต่างขับรถอยู่ในถนนซอยในหมู่บ้านและกำลังจะผ่านสี่แยก ซึ่งทั้งสี่มุมเป็นบ้านพักอาศัยซึ่งรั้วบ้านสูงจนผู้ขับขี่ไม่สามารถเห็นรถที่อยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ผู้ขับขี่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 70 ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถเข้าใกล้ทางร่วม ทางแยกทางข้ามเส้นให้หยุดหรือวงเวียน ต้องลดความเร็วของรถ" ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ขับรถผ่านสี่แยกดังกล่าวโดยมิได้ลดความเร็วของรถและมิได้ให้แตรสัญญาณก่อนขับรถผ่านสี่แยก ทั้งที่บริเวณสี่แยก ไม่มีเครื่องหมายการจราจร และไม่สามารถเห็นรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ถือว่าเป็นการขับรถโดยประมาท เมื่อรถซึ่งจำเลยที่ 2ขับชนกับรถซึ่งจำเลยที่ 1 ขับตรงสี่แยกเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิด
การขับรถในกรณีที่ผู้ขับขี่ต่างขับรถอยู่ในถนนซอยในหมู่บ้านและกำลังจะผ่านสี่แยก ซึ่งทั้งสี่มุมเป็นบ้านพักอาศัยซึ่งรั้วบ้านสูงจนผู้ขับขี่ไม่สามารถเห็นรถที่อยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ผู้ขับขี่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 70 ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถเข้าใกล้ทางร่วม ทางแยกทางข้ามเส้นให้หยุดหรือวงเวียน ต้องลดความเร็วของรถ" ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ขับรถผ่านสี่แยกดังกล่าวโดยมิได้ลดความเร็วของรถและมิได้ให้แตรสัญญาณก่อนขับรถผ่านสี่แยก ทั้งที่บริเวณสี่แยก ไม่มีเครื่องหมายการจราจร และไม่สามารถเห็นรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ถือว่าเป็นการขับรถโดยประมาท เมื่อรถซึ่งจำเลยที่ 2ขับชนกับรถซึ่งจำเลยที่ 1 ขับตรงสี่แยกเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3825/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่สี่แยก การลดความเร็วและให้สัญญาณเสียงเพื่อความปลอดภัย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถมาถึงสี่แยกก่อน จำเลยที่1หรือขับรถผ่านสี่แยกจนตัวรถเลยถึงถึงกลางสี่แยกไปแล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะขับรถอยู่ด้านซ้ายของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 71(2) การขับรถในกรณีที่ผู้ขับขี่ต่างขับรถอยู่ในถนนซอยในหมู่บ้าน และกำลังจะผ่านสี่แยก ซึ่งทั้งสี่มุมเป็นบ้านพักอาศัยซึ่งรั้วบ้านสูง จนผู้ขับขี่ไม่สามารถเห็นรถที่อยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ผู้ขับขี่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 70ซึ่งบัญญัติว่า 'ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถเข้าใกล้ทางร่วม ทางแยกทางข้ามเส้นให้หยุดหรือวงเวียน ต้องลดความเร็วของรถ'ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ขับรถผ่านสี่แยกดังกล่าวโดยมิได้ลดความเร็ว ของรถและมิได้ให้แตรสัญญาณก่อนขับรถผ่านสี่แยกทั้งที่บริเวณสี่แยก ไม่มีเครื่องหมายการจราจรและไม่สามารถเห็นรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยก ด้านอื่น ถือว่าเป็นการขับรถโดยประมาทเมื่อรถซึ่งจำเลยที่ 2ขับชนกับรถ ซึ่งจำเลยที่1ขับตรงสี่แยกเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย และถึงแก่ความตาย จำเลยที่2 ย่อมมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่ทางร่วม: ผู้ขับรถทางเอกต้องระมัดระวังและลดความเร็วเมื่อมีรถจากทางโท
คนขับรถของโจทก์ที่ 1 ขับรถผ่านทางแยกด้วยความเร็วสูงเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ไม่ลดความเร็วและไม่ห้ามล้อเมื่อเห็นรถจำเลยแล่นผ่านทางแยกอยู่ข้างหน้าโดยถือว่ารถคันที่ตนขับแล่นอยู่ในทางเอก แม้รถจำเลยจะแล่นมาจากทางโท แต่รถจำเลยไปถึงสี่แยกที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางร่วมก่อนจำเลยมีสิทธิขับรถผ่านทางแยกไปก่อนได้ เมื่อรถของโจทก์ที่ 1 ชนรถจำเลยจึงถือว่าเป็นความประมาทของคนขับรถโจทก์ที่ 1 แต่ฝ่ายเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขับรถรางในทางแยก ต้องลดความเร็วและให้สัญญาณเสียงเพื่อความปลอดภัย
ขับรถรางเมื่อจะผ่านทางแยกไม่ได้ขับให้ช้าลงพอสมควร และไม่ได้ให้สัญญาณเสียก่อนในระยะเวลาพอสมควรที่จะทำให้ผู้ใช้ทางสัญจรไปมาได้ยินล่วงหน้าต้องมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร ม.13,32
ถนนสายใหญ่ที่มีถนนซอยตัดมาบรรจบที่ ๆ ถนนสอบสายตัดกันนี้เรียกว่าทางแยก
คดีอาญาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ปรับจำเลย 12 บาท จำเลยฎีกาได้แต่ฉะเพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ถนนสายใหญ่ที่มีถนนซอยตัดมาบรรจบที่ ๆ ถนนสอบสายตัดกันนี้เรียกว่าทางแยก
คดีอาญาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ปรับจำเลย 12 บาท จำเลยฎีกาได้แต่ฉะเพาะปัญหาข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8155/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รถพยาบาลฉุกเฉินผ่านสัญญาณไฟแดงได้หากลดความเร็ว การฟ้องต้องระบุเหตุประมาทชัดเจน
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทรัพย์สินเสียหายตาม ป.อ. มาตรา 291 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43, 157 โดยบรรยายถึงการกระทำโดยประมาทของจำเลยว่า ก่อนจำเลยขับรถเข้าทางร่วมทางแยกที่เกิดเหตุ สัญญาณจราจรในทางเดินรถของจำเลยเป็นสัญญาณจราจรไฟสีแดง จำเลยต้องหยุดรถเพื่อให้รถอื่นที่ได้รับสัญญาณจราจรไฟสีเขียวขับผ่านทางร่วมแยกไปก่อน และเมื่อทางเดินรถของจำเลยได้รับสัญญาณจราจรไฟสีเขียวแล้ว จึงค่อยขับรถเข้าทางร่วมทางแยก แต่จำเลยขาดความระมัดระวังขับเลี้ยวขวาโดยฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับมาในทางร่วมทางแยกซึ่งผู้ตายได้รับสัญญาณจราจรไฟสีเขียว เป็นการบรรยายฟ้องโดยอ้างเหตุประมาทว่า จำเลยขับรถเข้าทางร่วมทางแยกโดยฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดงเท่านั้น แต่ทางพิจารณาได้ความว่า รถคันที่จำเลยขับเป็นรถพยาบาลของทางราชการซึ่งจำเลยได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ขับรถนำผู้ป่วยไปส่งยังโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง โดยขณะเกิดเหตุจำเลยเปิดไฟหน้ารถและเปิดสัญญาณไฟขอทางบนหลังคารถอันเป็นรถฉุกเฉินตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 4 (19) ซึ่งจำเลยผู้ขับย่อมมีสิทธิขับรถผ่านสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรใดๆ ที่ให้รถหยุดได้ เพียงแต่ต้องลดความเร็วของรถให้ช้าลงตามสมควรแก่กรณีตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 75 (4) วรรคหนึ่งและวรรคสอง จำเลยซึ่งขับรถฉุกเฉินจึงมีสิทธิขับรถผ่านสัญญาณจราจรไฟสีแดงได้ เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยขับรถโดยประมาทฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดงเท่านั้น ไม่ได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงตามบทบัญญัติดังกล่าวให้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงถึงการขับรถโดยประมาทของจำเลยไว้ด้วย แม้จะฟ้งว่าจำเลยขับรถผ่านสัญญาณจราจรไฟสีแดงโดยมิได้ลดความเร็วให้ช้าลงและมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร ศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้เพราะไม่ใช่การกระทำโดยประมาทตามที่โจทก์ฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง