พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3801/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิการใช้น้ำจากลำเหมืองสาธารณะและการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหาย
ลำเหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณะ โจทก์และจำเลยต่างมีสิทธิใช้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย จำเลยใช้แผ่นคอนกรีตและดินปิดกั้นปากร่องน้ำของโจทก์ในส่วนที่ติดต่อกับลำเหมืองพิพาทเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าฟาร์มโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เมื่อลำเหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณะและโจทก์ทั้งสามมีสิทธิใช้ประโยชน์จากลำเหมืองดังกล่าว ทั้งจำเลยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะนำแผ่นคอนกรีตและดินไปปิดกั้นปากร่องน้ำของโจทก์ในส่วนที่ติดต่อกับลำเหมืองพิพาท การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
โจทก์ใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาทตามที่โจทก์มีสิทธิ และหากมีการแบ่งเฉลี่ยการใช้น้ำระหว่างโจทก์และจำเลยแล้ว โจทก์และจำเลยก็จะมีน้ำใช้เพียงพอทั้งสองฝ่าย ดังนี้ การที่โจทก์เปิดน้ำเข้าฟาร์มของโจทก์ในช่วงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นฤดูแล้ง มีน้ำน้อยไม่พอในการทำนาของราษฎร แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของโจทก์ตามควร อันเป็นการไม่ปฏิบัติตาม ป.พ.พ.มาตรา 1355 จึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ซึ่งเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 421
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นเรื่องละเมิด กรณีที่จะไม่ต้องรับผิดในการกระทำละเมิดนั้น ต้องเป็นไปตามมาตรา 449 ถึง 452 แต่การกระทำของจำเลยไม่เข้ากรณีตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว
โจทก์ใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาทตามที่โจทก์มีสิทธิ และหากมีการแบ่งเฉลี่ยการใช้น้ำระหว่างโจทก์และจำเลยแล้ว โจทก์และจำเลยก็จะมีน้ำใช้เพียงพอทั้งสองฝ่าย ดังนี้ การที่โจทก์เปิดน้ำเข้าฟาร์มของโจทก์ในช่วงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นฤดูแล้ง มีน้ำน้อยไม่พอในการทำนาของราษฎร แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของโจทก์ตามควร อันเป็นการไม่ปฏิบัติตาม ป.พ.พ.มาตรา 1355 จึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ซึ่งเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 421
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นเรื่องละเมิด กรณีที่จะไม่ต้องรับผิดในการกระทำละเมิดนั้น ต้องเป็นไปตามมาตรา 449 ถึง 452 แต่การกระทำของจำเลยไม่เข้ากรณีตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3801/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้น้ำลำเหมืองสาธารณะ การปิดกั้นทางน้ำถือเป็นการละเมิด
โจทก์และจำเลยมีสิทธิใช้ประโยชน์จากลำเหมืองสาธารณะจำเลยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะนำแผ่นคอนกรีตและดินไปปิดกั้นปากร่องน้ำของโจทก์ จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
โจทก์ใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาทตามที่โจทก์มีสิทธิ และหากมีการแบ่งเฉลี่ยการใช้น้ำระหว่างโจทก์และจำเลยแล้ว ก็จะมีน้ำใช้เพียงพอทั้งสองฝ่าย การที่โจทก์เปิดน้ำเข้าฟาร์มของโจทก์ในช่วงฤดูแล้งมีน้ำน้อยไม่พอในการทำนาของราษฎร แต่โจทก์มิได้ชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของโจทก์ตามควรอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1355 จึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ซึ่งเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 421
โจทก์ใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาทตามที่โจทก์มีสิทธิ และหากมีการแบ่งเฉลี่ยการใช้น้ำระหว่างโจทก์และจำเลยแล้ว ก็จะมีน้ำใช้เพียงพอทั้งสองฝ่าย การที่โจทก์เปิดน้ำเข้าฟาร์มของโจทก์ในช่วงฤดูแล้งมีน้ำน้อยไม่พอในการทำนาของราษฎร แต่โจทก์มิได้ชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของโจทก์ตามควรอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1355 จึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ซึ่งเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 421
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3801/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิการใช้น้ำจากลำเหมืองสาธารณะ การปิดกั้นทางน้ำถือเป็นการละเมิด
ลำเหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณะ โจทก์และจำเลยต่างมีสิทธิใช้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย จำเลยใช้แผ่นคอนกรีตและดินปิดกั้นปากร่องน้ำของโจทก์ในส่วนที่ติดต่อกับลำเหมืองพิพาทเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าฟาร์มโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เมื่อลำเหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณะและโจทก์ทั้งสามมีสิทธิใช้ประโยชน์จากลำเหมืองดังกล่าว ทั้งจำเลยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะนำแผ่นคอนกรีตและดินไปปิดกั้นปากร่องน้ำของโจทก์ในส่วนที่ติดต่อกับลำเหมืองพิพาท การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาทตามที่โจทก์มีสิทธิ และหากมีการแบ่งเฉลี่ยการใช้น้ำระหว่างโจทก์และจำเลยแล้ว โจทก์และจำเลยก็จะมีน้ำใช้เพียงพอทั้งสองฝ่าย ดังนี้ การที่โจทก์เปิดน้ำเข้าฟาร์มของโจทก์ในช่วงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นฤดูแล้งมีน้ำน้อยไม่พอในการทำนาของราษฎร แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของโจทก์ตามควรอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1355 จึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ซึ่งเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 421 เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นเรื่องละเมิด กรณีที่จะไม่ต้องรับผิดในการกระทำละเมิดนั้น ต้องเป็นไปตามาตรา 447ถึง 452 แต่การกระทำของจำเลยไม่เข้ากรณีตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำเหมืองสาธารณะ การละเมิดสิทธิการใช้น้ำ และความเสียหายจากการกีดกั้นการใช้น้ำ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ลำเหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม จำเลยมิได้อุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวและมิได้ยกปัญหาข้อนี้มาโต้แย้งในคำแก้อุทธรณ์ ดังนั้น ที่จำเลยฎีกาว่าลำเหมืองพิพาทจำเลยทั้งสองเป็นผู้ขุดขึ้นเองเพื่อระบายน้ำเข้านา จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แม้ลำเหมืองพิพาทจะอยู่ในที่ดินของจำเลย แต่ลำเหมืองดังกล่าวเป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม ทั้งโจทก์ได้อาศัยน้ำจากลำเหมืองดังกล่าวซึ่งไหลผ่านนาจำเลยใช้ทำนามาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว โจทก์จึงไม่มีความจำเป็นต้องชักน้ำจากลำเหมืองอื่นมาใช้ในการทำนาซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น การที่จำเลยถมลำเหมืองพิพาททำให้โจทก์ไม่อาจใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาททำนาได้ตามปกติที่เคยใช้มา จนเป็นเหตุให้โจทก์ทำนาไม่ได้เพราะขาดน้ำ จึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
แม้ลำเหมืองพิพาทจะอยู่ในที่ดินของจำเลย แต่ลำเหมืองดังกล่าวเป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม ทั้งโจทก์ได้อาศัยน้ำจากลำเหมืองดังกล่าวซึ่งไหลผ่านนาจำเลยใช้ทำนามาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว โจทก์จึงไม่มีความจำเป็นต้องชักน้ำจากลำเหมืองอื่นมาใช้ในการทำนาซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น การที่จำเลยถมลำเหมืองพิพาททำให้โจทก์ไม่อาจใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาททำนาได้ตามปกติที่เคยใช้มา จนเป็นเหตุให้โจทก์ทำนาไม่ได้เพราะขาดน้ำ จึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิการใช้น้ำจากลำเหมืองสาธารณะ การถมลำเหมืองกระทบสิทธิทำนาของผู้อื่น
ลำเหมืองพิพาทอยู่ในที่ดินของจำเลยทั้งสอง เป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม โจทก์ได้อาศัยน้ำจากลำเหมืองดังกล่าวซึ่งไหลผ่านนาของจำเลยทั้งสองใช้ทำนามาเป็นเวลา 40 ปีแล้วจำเลยทั้งสองถมลำเหมืองพิพาท ทำให้โจทก์ไม่อาจใช้น้ำจากลำเหมืองทำนาได้ตามปกติ จนเป็นเหตุให้โจทก์ทำนาไม่ได้เพราะขาดน้ำ จึงเป็นการละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำเหมืองสาธารณะ การถมลำเหมืองละเมิดสิทธิ และความเสียหายจากการขาดน้ำทำนา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ลำเหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม จำเลยมิได้อุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวและมิได้ยกปัญหาข้อนี้มาโต้แย้งในคำแก้อุทธรณ์ ดังนั้น ที่จำเลยฎีกาว่าลำเหมืองพิพาทจำเลยทั้งสองเป็นผู้ขุดขึ้นเองเพื่อระบายน้ำเข้านา จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แม้ลำเหมืองพิพาทจะอยู่ในที่ดินของจำเลย แต่ลำเหมืองดังกล่าวเป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม ทั้งโจทก์ได้อาศัยน้ำจากลำเหมืองดังกล่าวซึ่งไหลผ่านนาจำเลยใช้ทำนามาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว โจทก์จึงไม่มีความจำเป็นต้องชักน้ำจากลำเหมืองอื่นมาใช้ในการทำนาซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น การที่จำเลยถมลำเหมืองพิพาททำให้โจทก์ไม่อาจใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาททำนาได้ตามปกติที่เคยใช้มา จนเป็นเหตุให้โจทก์ทำนาไม่ได้เพราะขาดน้ำ จึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย