คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
วันต้องขัง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2575/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักวันต้องขังซ้ำซ้อนกรณีคดีอาญาเดิมถูกยกฟ้อง ศาลต้องนับวันต้องขังตั้งแต่ต้น
จำเลยต้องขังคดีนี้นับแต่วันที่ 22 มีนาคม 2539 แม้คำพิพากษาคดีนี้จะให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาก่อน แต่เมื่อระหว่างพิจารณาจำเลยต้องขังคดีนี้ซ้ำซ้อนกับ คดีอาญาก่อน และต่อมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องคดีอาญา ในคดีก่อน ต้องถือว่าจำเลยต้องขังคดีนี้ตลอดมาตั้งแต่ต้นจึงต้องหักวันต้องขังระหว่างอุทธรณ์ฎีกาที่ซ้ำซ้อนให้จำเลยด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2575/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักวันต้องขังคดีซ้ำซ้อน แม้มีคำพิพากษานับโทษต่อจากคดีอื่น ศาลต้องหักวันต้องขังทั้งหมดตั้งแต่ต้น
จำเลยต้องขังคดีนี้นับแต่วันที่ 22 มีนาคม 2539แม้คำพิพากษาคดีนี้จะให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาก่อน แต่เมื่อระหว่างพิจารณาจำเลยต้องขับคดีนี้ซ้ำซ้อนกับ คดีอาญาก่อน และต่อมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องคดีอาญา ในคดีก่อน ต้องถือว่าจำเลยต้องขับคดีนี้ตลอดมาตั้งแต่ต้น จึงต้องหักวันต้องขับระหว่างอุทธรณ์ฎีกาที่ซ้ำซ้อน ให้จำเลยด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องให้นับโทษต่อและการหักวันต้องขัง โดยไม่ต้องระบุรายละเอียดความผิดในฟ้อง และกรณีจำเลยพ้นโทษแล้ว
คำฟ้องส่วนที่ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นแม้ไม่บรรยายว่าโทษที่ขอให้นับต่อเกี่ยวกับความผิดอะไร ศาลกำหนดโทษอย่างไรก็เป็นฟ้องที่ชอบ
จำเลยฎีกาขอให้หักวันต้องขังก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาออกให้จำเลยนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยพ้นโทษไปก่อนแล้ว คดีก็ไม่มีประโยชน์อันควรแก่การวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3518-3522/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการหักวันต้องขังก่อนพิพากษา ไม่จำเป็นต้องมีคำขอจากโจทก์
การที่ศาลจะสั่งหักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 วรรคแรก และมิใช่กรณีที่หากโจทก์ไม่มีคำขอขึ้นมา ศาลจะวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4057-4062/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกที่ถูกต้องเมื่อมีการรวมสำนวนคดีอาญา และการหักวันต้องขังตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญารวมเจ็ดสำนวน ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาและพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทุกสำนวนและให้นับโทษต่อกันตามลำดับสำนวนทุกสำนวน เช่นนี้ จำเลยจะขอให้ศาลหักวันต้องขังให้จำเลยในแต่ละสำนวนทั้งเจ็ดสำนวนไม่ได้ เป็นการขัดกับความจริงและทำให้จำเลยได้รับโทษจำคุกไม่เป็นไปตามคำพิพากษาเพราะจำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาตามหมายของศาลฉบับเดียวเท่านั้น และศาลชั้นต้นก็ได้ออกหมายจำคุกนับตั้งแต่วันที่จำเลยถูกคุมขังเป็นต้นไปซึ่งเท่ากับหักวันที่จำเลยถูกคุมขังออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 22 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4057-4062/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักวันต้องขังในคดีอาญาที่รวมการพิจารณา ศาลฎีกาชี้ว่าการหักซ้ำซ้อนขัดต่อความเป็นจริง
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญารวมเจ็ดสำนวน ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาและพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทุกสำนวนและให้นับโทษต่อกันตามลำดับสำนวนทุกสำนวน เช่นนี้ จำเลยจะขอให้ศาลหักวันต้องขังให้จำเลยในแต่ละสำนวนทั้งเจ็ดสำนวนไม่ได้ เป็นการขัดกับความจริงและทำให้จำเลยได้รับโทษจำคุกไม่เป็นไปตามคำพิพากษาเพราะจำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาตามหมายของศาลฉบับเดียวเท่านั้น และศาลชั้นต้นก็ได้ออกหมายจำคุกนับตั้งแต่วันที่จำเลยถูกคุมขังเป็นต้นไปซึ่งเท่ากับหักวันที่จำเลยถูกคุมขังออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4057-4062/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักวันต้องขังในคดีอาญาที่รวมพิจารณา – ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 22
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญารวมเจ็ดสำนวนศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาและพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทุกสำนวนและให้นับโทษต่อกันตามลำดับสำนวนทุกสำนวนเช่นนี้จำเลยจะขอให้ศาลหักวันต้องขังให้จำเลยในแต่ละสำนวนทั้งเจ็ดสำนวนไม่ได้เป็นการขัดกับความจริงและทำให้จำเลยได้รับโทษจำคุกไม่เป็นไปตามคำพิพากษาเพราะจำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาตามหมายของศาลฉบับเดียวเท่านั้นและศาลชั้นต้นก็ได้ออกหมายจำคุกนับตั้งแต่วันที่จำเลยถูกคุมขังเป็นต้นไปซึ่งเท่ากับหักวันที่จำเลยถูกคุมขังออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา22แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขวันต้องขังในหมายจำคุกที่ไม่กระทบคำพิพากษา: เป็นเรื่องการบังคับตามคำพิพากษา ไม่ใช่การแก้ฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับวันถูกควบคุมตัวของจำเลยมาไม่ตรงกับความเป็นจริง จนกระทั่งศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด โดยนับวันต้องขังตามวันที่โจทก์บรรยายในฟ้อง ดังนี้ โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องขอแก้วันต้องขังของจำเลยให้ตรงกับความเป็นจริงได้ เพราะไม่ใช่เป็นการขอแก้ฟ้อง และไม่ทำให้ศาลต้องแก้ไขคำพิพากษาแต่อย่างใด เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับตามคำพิพากษาเท่านั้น (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขวันต้องขังตามหมายจำคุก: ไม่ใช่การแก้ฟ้อง แต่เป็นการบังคับตามคำพิพากษา
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับวันถูกควบคุมตัวของจำเลยมาไม่ตรงกับความเป็นจริง จนกระทั่งศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด โดยนับวันต้องขังตามวันที่โจทก์บรรยายในฟ้อง ดังนี้ โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องขอแก้วันต้องขังของจำเลยให้ตรงกับความเป็นจริงได้ เพราะไม่ใช่เป็นการขอแก้ฟ้อง และไม่ทำให้ศาลต้องแก้ไขคำพิพากษาแต่อย่างใดเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับตามคำพิพากษาเท่านั้น(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเริ่มนับวันต้องขัง: คุมขังโดยเจ้าพนักงานปกครอง/ตำรวจ ถือเป็นคุมขังตามกฎหมายแล้ว
เมื่อจำเลยถูกจับกุมคุมขังในกรณีที่ถูกกล่าวหา โดยพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจแล้ว ก็ได้ชื่อว่า ต้องคุมขังมาในคดีตามความหมายใน กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 32 แล้ว ไม่จำต้องรอให้ถึงมือพนักงานสอบสวนเสียก่อน จึงจะถือว่าถูกคุมขัง