คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
วินิจฉัยเกินเลย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3321/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาความรับผิดทางอาญาในฐานะตัวการร่วม กรณีทำร้ายร่างกายและประเด็นการวินิจฉัยเกินเลยคำฟ้อง
แม้โจทก์จะมิได้ยกเหตุที่จำเลยกับพวกวิ่งไล่ทำร้ายโจทก์ร่วมขึ้นอ้างในอุทธรณ์ว่าเป็นการชี้เจตนาของจำเลยว่ายอมรับเอาผลการกระทำ ของพวกจำเลยมาเป็นการกระทำของตนเอง จำเลยจึงเป็นตัวการในการกระทำความผิดด้วย แต่โจทก์ก็อุทธรณ์ให้จำเลยรับผิดฐาน เป็นตัวการ การที่ศาลอุทธรณ์ยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยตามคำเบิกความของพยาน เพื่อชี้ให้เห็นว่าจำเลยร่วมเป็นตัวการด้วยจึงเป็นการวินิจฉัยตามคำฟ้องอุทธรณ์ จำเลยชกที่กก หูของ ส. โจทก์ร่วม 1 ที แล้วพวกของจำเลยวิ่งเข้ามาทำร้ายพวกโจทก์ร่วม โดยใช้มีดฟันและใช้ขวดตี เป็นเหตุให้ค.โจทก์ร่วมอีกคนหนึ่งได้รับอันตรายแก่กายสาหัสส.และพ.โจทก์ร่วม ได้รับอันตรายแก่กาย โดยจำเลยกับพวกมิได้นัดหมายให้ช่วยกันทำร้าย หรือจำเลยบอกให้พวกทำร้ายโจทก์ร่วม และเมื่อโจทก์ร่วมบางคนวิ่งหนีจำเลยหรือพวกจำเลยก็มิได้เข้าไปทำร้ายซ้ำเติมค. โจทก์ร่วมซึ่งได้รับบาดเจ็บนอนอยู่หน้าร้านจำเลยอีก แต่วิ่งออกจากร้านตาม พ. และพวกโจทก์ร่วมไปโดยมิได้แสดงท่าทางว่าจะทำร้ายอีกแต่อย่างใด พฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมในความผิดฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12218/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฟ้องร้องอาญา: การที่คำฟ้องระบุความผิดไม่ชัดเจน ทำให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเกินเลยขอบเขตที่ฟ้อง
ตามคำบรรยายฟ้องโจทก์ระบุเพียงว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันทำหนังสือมอบอำนาจปลอมขึ้นทั้งฉบับว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อจะขายบางส่วนของที่ดินพิพาทกับบริษัท ท. ผู้จะซื้อ โดยจำเลยทั้งสองปลอมลายมือชื่อโจทก์ในช่องผู้มอบอำนาจ นำตราประทับปลอมนำมาประทับในหนังสือมอบอำนาจ แล้วจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจ จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นพยาน หลังจากนั้นจำเลยทั้งสองใช้หนังสือมอบอำนาจปลอมดังกล่าวอ้างแก่บริษัท ท. ทำให้โจทก์เสียหายโดยมิได้ระบุว่าหนังสือมอบอำนาจปลอมดังกล่าวเป็นเอกสารสิทธิ อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 265 แม้ในคำขอท้ายฟ้องจะระบุอ้างมาตรา 265 มาด้วยก็ตาม ก็เป็นการระบุเกินมาจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์ในตอนต้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 265 คงเป็นความผิดตามมาตรา 264 วรรคแรก, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 วรรคแรก ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ