พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องเนรคุณ หมิ่นประมาท และการขาดการอุปการะเลี้ยงดู ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
ศาลล่างทั้งสองได้พิจารณาพยานหลักฐานถ้อยคำเบิกความพยานบุคคลของโจทก์และพยานจำเลยที่นำสืบมาโดยละเอียดชันเจนแล้ว โดยเฉพาะเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ยังได้กล่าวถึงข้อแตกต่างระหว่างคำเบิกความของพยานโจทก์บางปาก และเห็นว่าพยานโจทก์บางปากไม่มีน้ำหนักรับฟัง แล้วศาลล่างทั้งสองฟังเป็นยุติว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำมาสืบไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณโจทก์ด้วยการทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง เมื่อฎีกาของโจทก์ที่ยกข้อโต้เถียงคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ยังไม่มีเหตุผลที่จะ เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองได้ ดังนี้ โดยความเห็นของรองประธานศาลฎีกาซึ่งประธานศาลฎีกา มอบหมาย ศาลฎีกาจึงเห็นว่าฎีกาของโจทก์แม้เป็นสาระแก่คดี ก็ไม่ควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง จึงพิพากษายกฎีกาของโจทก์และคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดชั้นฎีกาแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องบังคับโอนที่ดินต้องแสดงสิทธิในที่ดินประกอบ การอ้างสิทธิครอบครองนอกฟ้อง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท แม้ความข้อที่โจทก์ยกขึ้นฎีกา โจทก์จะได้บรรยายฟ้องไว้ แต่โจทก์ก็มิได้ฟ้องขอแสดงสิทธิในที่ดินพิพาทมาด้วย ข้อที่โจทก์ยกขึ้นฎีกาว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเพราะจำเลยได้มอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้โจทก์ครอบครองทำประโยชน์ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมา และจำเลยมิได้ฟ้องเอาคืนภายใน 1 ปี จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยมา ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4651/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์ เหตุสุดวิสัย ทนายความเพิ่งได้รับมอบอำนาจและสำเนาคำพิพากษา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากฎีกาไม่ชัดแจ้ง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ยื่นเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าเป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยคำร้องขอขยายระยะเวลาจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 การที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าศาลชั้นต้นใช้เวลาพิจารณาพิพากษา2 ปี จำเลยที่ 1 แต่งทนายความชั้นอุทธรณ์ในระยะกระชั้นชิดทนายจำเลยที่ 1 ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ในระยะเวลาได้ จึงเป็นเหตุสุดวิสัยนั้น ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องด้วยข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายประการใดบ้าง จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12434/2558 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนคดีและงดสืบพยาน เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยต้องอุทธรณ์หลังมีคำพิพากษา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลยของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้จะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ และต้องอุทธรณ์คำสั่งภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 วรรคหนึ่ง แต่จำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณานั้น จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งรับอุทธรณ์ในส่วนอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไว้ด้วย ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ก็ไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในส่วนนี้ได้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบและถือว่าปัญหานี้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 5 การที่จำเลยฎีกาปัญหานี้ขึ้นมาจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง