พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8046/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ต้องห้าม – ผลประโยชน์ร่วมกัน – การคำนวณทุนทรัพย์ – ศาลสั่งรับอุทธรณ์โดยมิชอบ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ทั้งสิบสองร่วมเล่นแชร์วงพิพาท โจทก์ทั้งสิบสองได้ส่งเงินค่างวดให้แก่จำเลยครบตามข้อตกลงรวม 24 เดือน ต่อมาเมื่อเดือนมกราคม 2540 จำเลยได้ขอให้โจทก์ทั้งสิบสองและลูกวงแชร์ที่ยังไม่ได้ประมูลหยุดส่งเงิน โดยจำเลยจะเป็นผู้เรียกเก็บเงินพร้อมดอกแชร์จากลูกวงแชร์ที่ประมูลได้ไปก่อนแล้วมาชำระให้โจทก์ทั้งสิบสองจนครบ โดยจำเลยแบ่งลูกแชร์ออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มของโจทก์ 12 คน จำเลยเป็นผู้รับผิดชอบชำระเงินให้เดือนละ 18,627.50 บาท เป็นเวลา 26 เดือน ส่วนอีก 25,800 บาท โจทก์ทั้งสิบสองจะเป็นผู้เรียกเก็บจากลูกวงแชร์ที่ประมูลได้ไปแล้วซึ่งรับราชการอยู่ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชและรับผิดชอบเงินจำนวนดังกล่าวเอง โดยให้กลุ่มของโจทก์ทั้งสิบสองจัดการแบ่งเงินแต่ละเดือนกันเอง จำเลยได้นำเงินที่เรียกเก็บจากลูกวงแชร์ที่ประมูลได้ไปแล้วส่งให้แก่โจทก์ทั้งสิบสองถึงเดือนมกราคม 2541 เพียง 13 เดือนเท่านั้น ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2541 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2542 จำเลยได้เรียกเก็บเงินค่างวดจากลูกวงแชร์ที่ประมูลได้ไปแล้ว แต่ไม่ส่งมอบให้แก่โจทก์ทั้งสิบสอง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 242,157.50 บาท โจทก์ทั้งสิบสองทวงถามให้จำเลยชำระเงินค่างวดและดอกแชร์ดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ตามคำฟ้องของโจทก์ทั้งสิบสองดังกล่าวจะเห็นได้ว่า แม้โจทก์ทั้งสิบสองจะร่วมเล่นแชร์ในวงแชร์มีจำเลยเป็นนายวง แต่โจทก์แต่ละคนก็ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 59 การคำนวณทุนทรัพย์จึงต้องแยกตามจำนวนเงินที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องให้จำเลยรับผิด เมื่อโจทก์แต่ละคนไม่ได้ระบุจำนวนเงินที่เรียกร้อง ก็ต้องถือว่าโจทก์แต่ละคนเรียกร้องจำนวนเงินเท่า ๆ กัน ซึ่งคือคนละ 20,179.75 บาท คดีของโจทก์แต่ละคนจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยได้ชำระเงินค่าแชร์ให้โจทก์ทั้งสิบสองครบถ้วนแล้ว ซึ่งเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบ จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาวางค่าฤชาธรรมเนียมหลังศาลรับอุทธรณ์: ศาลมีอำนาจขยายได้หากมีเหตุผลและพฤติการณ์สมควร
คู่ความฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2509 โจทก์ยื่นอุทธรณ์วันที่ 28 เดือนต่อมา อันเป็นวันสุดท้ายที่อาจยื่นได้ โดยโจทก์มิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนจำเลยในวันเดียวกัน วันนั้นเองศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ วันที่ 1 ธันวาคม 2509 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำค่าฤชาธรรมเนียมมาวางใน 7 วัน โจทก์นำมาชำระวันที่ 6 เดือนเดียวกัน ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ ศาลมีอำนาจขยายเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่งได้ ทั้งพฤติการณ์แห่งคดีสมควรขยายเวลาให้ (อ้างฎีกา โดยมติที่ประชุมใหญ่ที่ 1706/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2563
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ลดจำนวนทุนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมศาล ชอบที่ศาลจะรับอุทธรณ์ตามจำนวนที่ชำระ
การที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ที่ได้ยื่นไว้ต่อศาลชั้นต้นโดยขอลดจำนวนทุนทรัพย์จาก 3,000,000 บาท ลงเหลือ 300,000 บาท มิใช่เป็นการแก้ไขประเด็นในอุทธรณ์ ย่อมไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ การขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้โจทก์ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ตามที่โจทก์ขอ อีกทั้งโจทก์เองก็ได้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์เท่ากับจำนวนทุนทรัพย์ที่ขอลดมาชำระภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด เช่นนี้ เมื่อเป็นกรณีที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์โดยขอลดจำนวนทุนทรัพย์ จึงไม่เกี่ยวกับการขอแก้ไขเพิ่มเติมในเนื้อหาหรือเพิ่มเติมประเด็นในอุทธรณ์ในอันที่จะให้จำเลยเสียเปรียบแต่ประการใด ทั้งเป็นกระบวนพิจารณาต่อเนื่องจากการที่ศาลมีคำสั่งถึงที่สุดไม่อนุญาตให้โจทก์ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ จึงมีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์โดยลดจำนวนทุนทรัพย์ในชั้นนี้ได้ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะรับอุทธรณ์ของโจทก์ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมศาล