คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลวินิจฉัยนอกฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7546/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและการแย่งการครอบครอง ศาลวินิจฉัยนอกเหนือคำฟ้องไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน น.ส.3 ที่พิพาท ขอให้ขับไล่จำเลย จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า โจทก์ไม่เคยครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยได้หักร้างถางพงแล้วเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา ซึ่งแสดงว่าจำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยมาตั้งแต่ต้น คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท การแย่งการครอบครองจะเกิดมีขึ้นได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้นเมื่อจำเลยมิได้ให้การยอมรับว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1375 รวมทั้งไม่มีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนลักษณะการยึดถือตาม ป.พ.พ.มาตรา 1381 การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า โจทก์ขาดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองแล้วพิพากษายกฟ้องจึงเป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากคำฟ้องและคำให้การ ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 142 และ 183 ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามป.วิ.พ.มาตรา 142 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4718/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลวินิจฉัยนอกฟ้องเรื่องสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ ไม่ชอบตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำรถยนต์พิพาทไปว่าจ้างจำเลยที่ 1ซ่อมแต่จำเลยที่ 1 มิได้ซ่อมแซม เมื่อโจทก์ขอรับรถยนต์พิพาทคืน จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ขัดขวางไม่ยอมให้โจทก์เอารถยนต์พิพาทคืน จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่ารถยนต์พิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 โดยซื้อมาจากโจทก์ จึงมีสิทธิป้องปัดขัดขวางไม่ให้โจทก์เอารถยนต์พิพาทไปจากอู่ของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้ต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์พิพาท ศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทในชั้นชี้สองสถานไว้ว่า โจทก์ยังคงเป็นเจ้าของรถยนต์พิพาทหรือได้ขายให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแล้ว เมื่อคดีไม่มีประเด็นเรื่องจำเลยที่ 2 มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์พิพาท การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 มีสิทธิยึดรถยนต์พิพาทไว้เป็นหลักประกันเงินกู้ที่โจทก์กู้ยืมจำเลยที่ 2 ไป จึงเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกคำให้การและไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทในคดี ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลวินิจฉัยประเด็นนอกฟ้องได้หรือไม่ และผลของการตายของจำเลยต่อคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
ปัญหาที่ว่าสัญญาซื้อขายเป็นโมฆะเพราะสำคัญผิดในสาระสำคัญหรือไม่เมื่อศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นพิพาทไว้และโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใดศาลจะยกประเด็นข้อดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยไม่ได้เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องพิจารณาคำฟ้องว่ามีประเด็นดังกล่าวหรือไม่เพราะถ้ามีก็ถือว่าโจทก์สละประเด็นนี้แล้ว คดีอาญาศาลชั้นต้นตัดสินแล้วแต่ยังอยู่ในอายุอุทธรณ์แม้จะเป็นคดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯมาตรา22แต่โจทก์ก็อาจอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายได้การตายของจำเลยระหว่างอายุอุทธรณ์ทำให้คดีอาญาระงับไปและทำให้โจทก์หมดสิทธิอุทธรณ์เป็นเหตุให้คดีระงับไปก่อนจะถึงที่สุดจะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่ยังไม่ถึงที่สุดมารับฟังในคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาไม่ได้จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงใหม่ โจทก์ตกลงจะทำสัญญาซื้อขายที่ดินกับอ. โจทก์ได้ไปตรวจดูที่ดินพิพาทและตรวจสอบโฉนดที่ดินที่อ. ให้ดู ซึ่งปรากฏรายการจดทะเบียนภารจำยอมไว้ด้านหลังโฉนด เมื่อโจทก์ตรวจดูที่ดินเป็นที่พอใจแล้วจึงเข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายกับอ. ดังนี้แม้ต่อมาปรากฏจากการรังวัดที่ดินนี้ว่าจำนวนที่ดินที่จะใช้ประโยชน์ได้ลดน้อยลงไปกว่าจำนวนที่แจ้งไว้ในโฉนด เพราะที่ดินมีภารจำยอมก็เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์เข้าทำสัญญาเองมิใช่เกิดจากการทำกลฉ้อฉลหลอกลวงของอ. แต่อย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: ศาลวินิจฉัยนอกฟ้องถือเป็นความผิดพลาด ทำให้การต่อสู้ของจำเลยชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกขอแสดงกรรมสิทธิ์และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์และครอบครองปรปักษ์กว่า 10 ปี ศาลชั้นต้นกะประเด็นว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์หรือไม่ ดังนี้ ไม่มีประเด็นในฟ้องว่าโจทก์ซื้อที่ดินจดทะเบียนโดยสุจริต ศาลยกขึ้นวินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนนิติกรรมยกที่ดิน: ศาลวินิจฉัยนอกฟ้องเรื่องการแบ่งมรดก
เมื่อฟ้องโจทก์เป็นเรื่องขอให้เพิกถอนนิติกรรมยกที่ดินให้ ส. ผู้ตายซึ่งเป็นภรรยาจำเลยโดยอ้างว่าเดิม ส. ได้หลอกลวงให้โจทก์พิมพ์ลายนิ้วมือในแบบพิมพ์เพื่อไปถอนชื่อสามีโจทก์ซึ่งถึงแก่กรรมออกจาก ส.ค.1 และขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในชื่อโจทก์ แล้ว ส. กลับไปกรอกข้อความยกที่ดินโจทก์ให้แก่ ส. เอง ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นมารดาของ ส.และเป็นทายาทโดยธรรมของส. จำเลยเป็นคู่สมรสพิพากษาให้แบ่งที่ดินระหว่างโจทก์จำเลยคนละครึ่งนั้น ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น เพราะโจทก์มิได้ฟ้องขอแบ่งมรดกของส. ในฐานะทายาทโดยธรรม คดีจึงไม่มีประเด็นจะวินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของ ส. จะมีส่วนแบ่งในที่พิพาทคนละเท่าใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: ศาลวินิจฉัยนอกฟ้องและประเด็นนอกประเด็น ทำให้คำพิพากษาไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อปี พ.ศ.2487 บ.ได้ยกที่ดินให้ จ.ผ. และโจทก์ที่ 3 โดยให้โจทก์ที่ 2 มีสิทธิเก็บกิน ต่อมา พ.ศ.2510 จ.ยกที่ดินเฉพาะส่วนของตนให้โจทก์ที่ 2 และใน พ.ศ.2513 ผ.ขายที่ดินเฉพาะส่วนของตนให้แก่โจทก์ที่ 1 ประมาณ พ.ศ.2505 จำเลยได้ทำรั้วรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ โจทก์ทักท้วงจำเลยหยุดทำต่อมาเดือนพฤศจิกายน 2510 จำเลยทำรั้วขึ้นใหม่ต่อจากที่ทำไว้รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์เนื้อที่พิพาทประมาณ 2 ตารางวา โจทก์ห้ามก็ไม่เชื่อฟังขอให้จำเลยรื้อถอนรั้วที่รุกล้ำจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาเกิน 10 ปีได้กรรมสิทธิ์โดยทางครอบครองแล้วศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าฝ่ายจำเลยได้ครอบครองที่พิพาท โดยปรปักษ์มาดังข้อต่อสู้หรือไม่ดังนี้ ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ได้ซื้อที่พิพาทเฉพาะส่วนของ ผ.มาโดยสุจริตและจดทะเบียนโดยสุจริต จำเลยจึงมิได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ที่ 1 ซื้อที่พิพาทเฉพาะส่วนดังกล่าวไว้โดยไม่สุจริต ประเด็นข้อพิพาทของคดีจึงมีประเด็นเดียวตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด และไม่มีประเด็นเรื่องโจทก์ที่ 1 ซื้อที่พิพาทเฉพาะส่วนของ ผ.ไว้โดยสุจริต และจดทะเบียนโดยสุจริตหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นหยิบยกข้อที่ไม่มีประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการวินิจฉัย นอกฟ้องนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 แม้ศาลชั้นต้นจะหยิบยกประเด็นข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยก็ต้องถือว่าไม่มีประเด็นในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาคู่ความจะหยิบ ยกขึ้นเป็นประเด็นอุทธรณ์ฎีกาต่อมาหาได้ไม่ และแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ก็เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบศาลฎีกาจึงไม่จำต้องวินิจฉัยในปัญหาที่ เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว (อ้างฎีกาที่ 1958/2511)