พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6234/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าเสียหายจากการลักทรัพย์: หลักฐานไม่ชัดเจนจำนวนทรัพย์ที่หาย ศาลไม่สามารถบังคับชดใช้ได้
แม้พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์จะฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3ร่วมกันลักน้ำมันของโจทก์ร่วมจริง แต่เมื่อยังฟังไม่ได้แน่นอนว่าจำนวนเท่าใด ศาลจึงไม่อาจพิพากษาให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าของได้ ชอบที่โจทก์ร่วมจะไปว่ากล่าวทางแพ่งต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2509/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกทรัพย์คืนขัดแย้งกับข้ออ้างประพฤติเนรคุณ ศาลไม่บังคับตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์และ เอาทรัพย์ที่โจทก์มอบให้จำเลยครอบครองทำกินเพื่อเลี้ยงดู โจทก์ไปทำหลักฐานเป็นชื่อของจำเลยขอให้จำเลยคืนทรัพย์สินดังกล่าวให้โจทก์ฟ้องโจทก์ดังกล่าวเป็นการ ฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์แต่โจทก์กลับไปอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามคำบรรยายฟ้องและตามทางนำสืบของโจทก์มิได้ปรากฏว่าโจทก์ได้ยกทรัพย์พิพาทให้จำเลยจะบังคับ ตามคำฟ้องของโจทก์ให้จำเลยคืนทรัพย์ให้โจทก์ฐานประพฤติเนรคุณ มิได้เพราะสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลัก แห่งข้อหาขัดกันคำวินิจฉัยดังกล่าวจึงมิใช่เป็นการ ฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2227/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มติคณะรัฐมนตรีไม่ผูกพันคู่สัญญา สัญญารับเหมา ศาลไม่บังคับเว้นการปรับ
ผิดสัญญารับเหมาสร้างอาคาร ผู้ว่าจ้างปรับผู้รับจ้างมติคณะรัฐมนตรีไม่ใช่กฎหมายที่ศาลจะบังคับส่วนราชการผู้ว่าจ้างให้งดการปรับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายอมความระงับข้อพิพาทแล้ว ไม่อาจนำข้อพิพาทเดิมมาโต้แย้งได้อีก และศาลไม่บังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายหากไม่มีการขอไว้
ในคดีก่อน โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินแปลงพิพาท และจำเลยยอมรับว่า ได้อาศัยอยู่ในที่ดินนี้ตอนเหนือจนกว่า โจทก์จำเลยจะได้ทำการแบ่งที่ดินกัน ศาลพิพากษาตามยอม เมื่อโจทก์ฟ้องขอแบ่งแยกที่ดินรายนี้ในคดีหลัง จำเลยจะอ้างว่าได้ครอบครองที่พิพาทตอนเหนือโดยปรปักษ์จะได้กรรมสิทธิ์แล้ว และจะขอนำพยานสืบประกอบในข้อนี้หาได้ไม่เพราะข้อพิพาทอันนี้ได้ระงับไปโดยสัญญายอมในคดีก่อนแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินและห้องแถว ในคำขอท้ายฟ้องมีว่า ถ้าไม่สามารถตกลงแบ่งแยกกันได้ ก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง โดยโจทก์ตีราคาที่ดินและห้องแถวส่วนที่ขอแบ่งมาในฟ้องเป็นเงิน 30,000 บาท จำเลยให้การต่อสู้คดีและจำเลยเสนอมาในคำให้การด้วยว่า เพื่อตัดความยุ่งยาก จำเลยยอมให้เงิน 20,000 บาท แก่โจทก์ เท่าที่โจทก์ตีราคามาในฟ้องแทนการต้องแบ่งที่รายนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมตกลงด้วย ข้อเสนอของจำเลยนี้จึงเท่ากับเสนอขอซื้อที่ส่วนได้ของโจทก์ด้วยราคา 30,000 บาท นั่นเอง เมื่อโจทก์ไม่ยินยอมด้วยและตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ก็มิได้ขอให้ชดใช้เงินทำนองนั้นด้วย แม้จะเป็นที่เห็นอยู่ว่า จำเลยอาจต้องเสียหายและเดือดร้อนเพราะการแบ่งแยกก็จริง ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะพึงบังคับให้ได้ตามข้อเสนอของจำเลย อนึ่ง เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ตั้งเป็นประเด็นไว้ด้วยว่า เพื่อมิให้เสียหายและเดือดร้อนแก่จำเลยควรแบ่งกันอย่างไร โดยทดแทนเงินกันเพียงใด จึงจะสมควรตามนัย ป.พ.พ. มาตรา 1364 จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินและห้องแถว ในคำขอท้ายฟ้องมีว่า ถ้าไม่สามารถตกลงแบ่งแยกกันได้ ก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง โดยโจทก์ตีราคาที่ดินและห้องแถวส่วนที่ขอแบ่งมาในฟ้องเป็นเงิน 30,000 บาท จำเลยให้การต่อสู้คดีและจำเลยเสนอมาในคำให้การด้วยว่า เพื่อตัดความยุ่งยาก จำเลยยอมให้เงิน 20,000 บาท แก่โจทก์ เท่าที่โจทก์ตีราคามาในฟ้องแทนการต้องแบ่งที่รายนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมตกลงด้วย ข้อเสนอของจำเลยนี้จึงเท่ากับเสนอขอซื้อที่ส่วนได้ของโจทก์ด้วยราคา 30,000 บาท นั่นเอง เมื่อโจทก์ไม่ยินยอมด้วยและตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ก็มิได้ขอให้ชดใช้เงินทำนองนั้นด้วย แม้จะเป็นที่เห็นอยู่ว่า จำเลยอาจต้องเสียหายและเดือดร้อนเพราะการแบ่งแยกก็จริง ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะพึงบังคับให้ได้ตามข้อเสนอของจำเลย อนึ่ง เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ตั้งเป็นประเด็นไว้ด้วยว่า เพื่อมิให้เสียหายและเดือดร้อนแก่จำเลยควรแบ่งกันอย่างไร โดยทดแทนเงินกันเพียงใด จึงจะสมควรตามนัย ป.พ.พ. มาตรา 1364 จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ให้เช่าในการขอเข้าอยู่อาศัยตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ศาลไม่บังคับระงับการใช้สิทธิ
ผู้เช่าจะฟ้องขอให้ศาลบังคับให้ผู้ให้เช่าระงับการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า เพื่อขอเข้าอยู่ในบ้านที่ผู้เช่าได้เช่านั้น ศาลบังคับให้ไม่ได้ เพราะพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯให้สิทธิผู้ให้เช่าที่จะร้องขอเช่นนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความขัดแย้งระหว่างฟ้องซื้อขายกับหลักฐานสัญญากู้ ศาลไม่บังคับตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินแก่โจทก์ตามที่โจทก์จำเลยตกลงกันไว้โดยบรรยายฟ้องมีความว่าโจทก์จำเลยตกลงซื้อขายที่ดินกัน จำเลยต้องการเงินไปใช้ก่อนโจทก์จึงมอบเงินให้จำเลยไป 700 บาท อีก 100 บาทจะชำระกันเมื่อทำโอนจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นเงิน 800 บาท ต่อมาจำเลยไม่ยอมโอนที่ดินให้แก่โจทก์ ๆ จึงฟ้องและได้แนบสำเนาสัญญากู้มาท้ายฟ้องด้วย ดังนี้แม้เดิมจะไ้ดมีการตกลงซื้อขายที่ดินหรือไม่ก็ดีแต่ที่กล่าวในฟ้องว่าได้ตกลงทำสัญญากู้กันประกอบด้วยตัว สัญญากู้เอง เห็นได้ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องตกลงจะซื้อขายที่ดินกัน ฉะนั้นจึงถือได้ว่าโจทก์ฟ้องเรื่องซื้อขายที่ดินอ้างสัญญากู้มาเป็นหลักฐาน ซึ่งมีข้อความชัดเจนเป็นเรื่องสัญญากู้เงินไว้ชัดแจ้งแล้วเช่นนี้ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินโดยอาศัยสัญญากู้หาได้ไม่ เพราะฟ้องกับคำขอท้ายฟ้องขัดกันอยู่ศาลจะบังคับให้ตามคำขอของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1766-1767/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งปันเป็นโมฆะ ศาลไม่บังคับสัญญาได้
มฤดกซึ่งยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาท ทายาทคนใดคนหนึ่งจะเอาไปขายมิได้ หากไปตกลงขาย ก็ถือว่าทำไปโดยไม่มีสิทธิ ศาลบังคับตามสัญญามิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ชัดเจนจำนวนค่าบำเหน็จนำจับ ศาลไม่บังคับให้จำเลยจ่ายได้
เมื่อฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุจำนวนเงินที่จะต้องเสียค่าบำเหน็จนำจับแก่ผู้รับสินบน ต้องถือว่าฟ้องของโจทก์เลื่อนลอย ศาลจะบังคับให้จำเลยใช้ค่าสินบนนำจับมิได้ อ้างฎีกาที่ 770/2480