คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลไม่รับคำร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน น.ส.3/ส.ค.1: ศาลไม่รับคำร้องขอแสดงสิทธิหากไม่มีกฎหมายรองรับ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินที่มีแต่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)และแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) เท่านั้น เป็นกรณีไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้จัดการมรดกซ้ำซ้อน แม้ตามพินัยกรรมต่างฉบับ ศาลไม่รับคำร้องหากจัดการมรดกรายเดียวกัน
เมื่อศาลได้มีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกของผู้วายชนม์ไว้แล้วโดยมิได้จำกัดอำนาจของผู้จัดการมรดก การที่ผู้ร้องมาร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้วายชนม์อีกจึงเป็นการร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกซ้อนกัน แม้จะเป็นการร้องขอจัดการมรดกตามพินัยกรรมต่างฉบับกันก็เป็นการขอจัดการมรดกรายเดียวกัน ศาลไม่รับคำร้อง.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขัดทรัพย์: ศาลไม่จำเป็นต้องรับคำร้องหากไม่มีเหตุแก้ไข & การยินยอมให้ผู้อื่นจำนองทรัพย์สินโดยไม่เปิดเผยตัวตน
การที่ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง เมื่อไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะต้องมีคำสั่งให้คืนไปให้ทำมาใหม่หรือแก้ไขเพิ่มเติมแล้วศาลชั้นต้นก็ต้องสั่งให้รับไว้ คำร้องขัดทรัพย์จะแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องพิจารณาในชั้นตรวจคำร้องขัดทรัพย์ ตามคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องที่อ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินทั้งสามแปลงที่โจทก์นำยึดโดยใส่ชื่อ จำเลยไว้ในโฉนด แทนนั้นหากเป็นความจริงก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อ ยอมให้จำเลยผู้เป็นตัวแทนทำการออกหน้าเป็นตัวการนำที่ดินพิพาททั้งสามแปลงไปจำนองกับโจทก์ ผู้ร้องจึงหาอาจทำให้เสื่อมเสียแก่สิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อจำเลยผู้เป็นตัวแทนและขวนขวายได้สิทธิมาก่อนที่จะรู้ว่าจำเลยเป็นตัวแทนของผู้ร้องได้ไม่ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2585/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องซ้ำคดีเดิมที่ศาลไม่รับคำร้อง และการขาดอายุความในการฟ้องร้อง
ผู้ร้องทั้งสี่เคยร่วมกับพวกอีกสองคนยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ส.นายกสภากรรมการจัดการสมาคมชุดที่ 17 ได้ดำเนินการเลือกตั้งสภากรรมการจัดการสมาคมชุดที่ 18 ไปโดยไม่ชอบ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าคณะกรรมการดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของสมาคมให้เพิกถอนคณะกรรมการชุดนี้ออกจากตำแหน่ง และให้ดำเนินการเลือกตั้งคณะกรรมการสมาคมใหม่โดยเร็ว ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า กรรมการชุดที่ 18 ขอจดทะเบียนอยู่ กองบังคับการตำรวจสันติบาลให้รอการจดทะเบียนไว้ก่อนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เมื่อกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้จดทะเบียนก็ไม่จำต้องสั่งให้ออกจากตำแหน่ง และศาลก็ไม่มีหน้าที่สั่งให้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่กับพวกคดีถึงที่สุด ต่อมาผู้ร้องทั้งสี่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเป็นคดีนี้อีก โดยบรรยายข้อเท็จจริงในคำร้องคดีนี้ทำนองเดียวกับข้อเท็จจริงที่บรรยายในคำร้องคดีก่อนเพียงแต่มีคำขอท้ายคำร้องเพี้ยนไปจากเดิมบ้างเล็กน้อย ย่อมเห็นได้ชัดว่าผู้ร้องทั้งสี่มาร้องเป็นคดีนี้อีกด้วยเหตุอย่างเดียวกันและคำขอทำนองเดียวกัน จึงเป็นการร้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2082/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบแล้ว หากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลไม่รับคำร้องใหม่ตามมาตรา 144
ผู้ร้องร้องขอให้คืนของกลางที่ศาลพิพากษาให้ริบ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว สั่งว่า พยานหลักฐานของผู้ร้องยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของของกลาง ให้ยกคำร้อง ดังนี้เท่ากับฟังว่าผู้ร้องไม่ได้เป็นเจ้าของของกลางอันแท้จริงนั้นเอง ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอคืนของกลางอีกจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 จะอ้างว่าคำสั่งตามคำร้องฉบับก่อนนั้นยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาด ว่าผู้ร้องไม่ได้เป็นเจ้าของแท้จริงหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5487/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาลทำให้ศาลไม่รับคำร้องขัดทรัพย์ และไม่มีสิทธิฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ถึงที่สุดแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคท้าย การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลหลายครั้ง จนครั้งสุดท้ายศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีความเห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ผู้ร้องขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีกนั้นชอบแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งต่อเนื่องจากคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาซึ่งถึงที่สุดแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต่อไปอีก และเมื่อผู้ร้องไม่วางเงินค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด ศาลก็ชอบที่จะไม่รับคำร้องขัดทรัพย์ไว้พิจารณาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคสอง