คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สถานะทางการเงิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6858/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว โดยพิจารณาจากสถานะทางการเงินและปัจจัยภายนอก
การที่จะพิจารณาว่า ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ ศาลจะต้องพิจารณาถึงสถานะทางการเงินของลูกหนี้ว่า มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินหรือไม่ ในการพิจารณาดังกล่าวจะต้องพิจารณาพยานหลักฐานต่าง ๆ ประกอบกัน อาจเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นข้อสันนิษฐานในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8 หรืออาจจะเป็นข้อเท็จจริงใด ๆ ที่จะแสดงให้เห็นว่ามีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน ในการพิจารณาถึงสถานะที่แท้จริงของลูกหนี้ บัญชีงบดุลของลูกหนี้ เป็นพยานหลักฐานสำคัญประการหนึ่งที่แสดงถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ถ้าหากว่าการจัดทำบัญชีงบดุลนั้นเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีที่กฎหมายกำหนดหรือมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดโดยสมาคมวิชาชีพนั้น ย่อมมีน้ำหนักในการรับฟัง
เมื่อธุรกิจของลูกหนี้มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี สาเหตุที่ลูกหนี้ประสบปัญหาทางด้านการเงินมาจากวิกฤติทางเศรษฐกิจและการชะงักงันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมก่อสร้าง อันถือว่าเป็นปัจจัยภายนอก การฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เป็นวิธีการที่จะทำให้สามารถรักษาองค์กรทางธุรกิจให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งสามารถจะรักษาการจ้างงานจำนวนมากไว้ กรณีจึงมีเหตุสมควรที่จะฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ และได้ความว่ากิจการของลูกหนี้ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยการปรับโครงสร้างทางการเงินทั้งในการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหนี้ ธนาคาร และสถาบันการเงินต่าง ๆ กรณีจึงมีช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้
ในการตั้งผู้ทำแผน เมื่อผู้ร้องขอเสนอให้ตั้งบริษัท บ. เป็นผู้ทำแผน ส่วนลูกหนี้เสนอให้ตั้งบริษัท ป. จึงเป็นกรณีที่ลูกหนี้ยื่นคำคัดค้านได้เสนอให้บุคคลอื่นเป็นผู้ทำแผนมาด้วย ศาลจึงไม่อาจพิจารณาและมีคำสั่งตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นผู้ทำแผนในชั้นนี้ได้ จะต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้ทั้งหลายโดยเร็วที่สุด เพื่อพิจารณาเลือกว่าบุคคลใดสมควรเป็นผู้ทำแผน ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/17
เมื่อผู้ร้องขอมิได้เสนอบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นผู้บริหารชั่วคราว ประกอบกับผู้บริหารของลูกหนี้ได้บริหารกิจการของลูกหนี้มาตั้งแต่ต้นย่อมเป็นบุคคลที่ทราบข้อเท็จจริง ปัญหา ตลอดจนระบบการทำงานของลูกหนี้ได้เป็นอย่างดี เมื่อไม่ปรากฏเหตุที่ไม่สมควรตั้งผู้บริหารของลูกหนี้เป็นผู้บริหารชั่วคราวประกอบกับการตั้งผู้บริหารของลูกหนี้เป็นผู้บริหารชั่วคราวในระหว่างดำเนินการเพื่อตั้งผู้ทำแผนจะทำให้การบริหารงานต่าง ๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง จึงสมควรตั้งผู้บริหารของลูกหนี้เป็นผู้บริหารชั่วคราว ตามมาตรา 90/20 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5756/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะทางการเงินของจำเลยเพียงพอต่อการชำระหนี้ ไม่สมควรให้ล้มละลาย
จำเลยประกอบกิจการรับจ้างทำสื่อโฆษณามาตั้งแต่ปี 2535 และในปัจจุบันยังประกอบการเป็นปกติ แม้ในช่วงระหว่างปี 2540 ถึง 2542 ผลประกอบการยังขาดทุนแต่ก็สามารถลดยอดขาดทุนลงได้มากในปี 2542 ส่วนผลประกอบการในปี 2543 ดีขึ้นมาก โดยจำเลยยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 เพื่อชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งของรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2543 มียอดรายรับหรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของรอบระยะเวลาบัญชีก่อนปีปัจจุบันที่ยื่นแสดงรายการไว้สูงถึง50,779,121.63 บาท และยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1 และ ภ.ง.ด. 1 ก.) กับได้ชำระภาษีสำหรับเดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคม 2543 เป็นเงินประมาณ 700,000 บาท แม้เอกสารหนังสือเสนอขอชำระหนี้แก่โจทก์จะมิใช่เอกสารทางบัญชีที่แสดงรายได้และผลกำไรในปี 2543 แต่สามารถนำมาพิจารณาประกอบเพื่อแสดงถึงสถานภาพของจำเลยว่าการประกอบกิจการของจำเลยยังสามารถดำเนินต่อไปได้ด้วยดี ประกอบกับโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้หลังจากศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เพียง 1 ปีเศษและจำเลยเคยยื่นข้อเสนอในการชำระหนี้แก่โจทก์ก่อนหน้าถูกฟ้องคดีนี้ ซึ่งโจทก์ก็มิได้โต้แย้งว่าจำเลยมิได้ยื่นข้อเสนอเช่นนั้น แสดงว่าจำเลยมิได้ละเลยในการชำระหนี้แก่โจทก์ ดังนั้นเมื่อไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นยื่นฟ้องจำเลยและไม่ปรากฏจากพยานหลักฐานโจทก์ให้เห็นเป็นอย่างอื่น แสดงว่าจำเลยยังมีความน่าเชื่อถือในการประกอบกิจการและฐานะทางการเงินมิใช่เป็นเพียงการคาดคะเน ฉะนั้น เมื่อจำเลยยังประกอบกิจการอยู่เป็นปกติ ยังมีรายได้และผลกำไร จึงอยู่ในวิสัยและมีลู่ทางที่จะชำระหนี้แก่โจทก์ได้ กรณียังมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 14

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะทางการเงินผู้ค้างหนี้: ไม่ถึงขั้นล้มละลาย แม้มีหนี้สินและถูกทวงถาม
จำเลยรับราชการ ได้รับเงินเดือน เดือนละ 8,630 บาทและมีที่ดินมีโฉนดโดยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับ น. แม้ที่ดินดังกล่าวจะติดจำนองธนาคารในวงเงิน 1,300,000 บาท แต่ไม่ได้ความว่าหนี้จำนองดังกล่าวท่วมราคาที่ดินที่ติดจำนอง และไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้บุคคลอื่นอีก ฉะนั้น แม้จะฟังว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์จำนวน 55,000 บาท และจำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้แล้วสองครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวันอันเป็นข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วก็ตาม จำเลยก็ยังอยู่ในฐานะที่สามารถขวนขวายหาเงินมาชำระหนี้โจทก์ได้ พฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุที่ยังไม่สมควรให้จำเลยล้มละลาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะทางการเงินของจำเลยเพียงพอต่อการชำระหนี้ แม้มีหนี้สินและถูกทวงถาม จึงไม่สมควรให้ล้มละลาย
จำเลยรับราชการได้รับเงินเดือนเดือนละ8,630บาทและมีที่ดินมีโฉนดโดยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับ น. แม้ที่ดินดังกล่าวจะติดจำนองธนาคารในวงเงิน1,300,000บาทแต่ไม่ได้ความว่าหนี้จำนองดังกล่าวท่วมราคาที่ดินที่ติดจำนองและไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้บุคคลอื่นอีกฉะนั้นแม้จะฟังว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์จำนวน55,000บาทและจำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้แล้วสองครั้งซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวันอันเป็นข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วก็ตามจำเลยก็ยังอยู่ในฐานะที่สามารถขวนขวายหาเงินมาชำระหนี้โจทก์ได้พฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุที่ยังไม่สมควรให้จำเลยล้มละลาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7348/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการในหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัด และการพิสูจน์สถานะทางการเงินในคดีล้มละลาย
หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องให้จำเลยทั้งสองล้มละลายเป็นหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งสืบเนื่องจากห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ก่อขึ้นในขณะที่จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่จำกัดความรับผิดต้องรับผิดในหนี้สินแทนจำเลยที่1ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1070 และ 1077 โดยไม่จำกัดจำนวนจำเลยที่ 2 ไม่มีอำนาจต่อสู้หรือนำสืบว่าตนมีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 หรือมิใช่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา 7

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำขอให้ล้มละลาย โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ถูกขอ
จำเลยรับราชการเป็นทหารบกยศจ่าสิบเอก รับเงินเดือนอัตรา7,370 บาท และมีสิทธิในที่ดินซึ่งได้มาจากการจัดสรรของกองทัพบกราคาประมาณ 20,000 บาท แม้ว่าจำเลยจะเป็นหนี้โจทก์จำนวน55,668 บาท และเป็นหนี้บุคคลอื่นอีก 10,000 บาทเศษ แต่เมื่อได้พิเคราะห์ถึงสถานะของจำเลยแล้ว จำเลยอยู่ในฐานะที่จะขวนขวายชำระหนี้โจทก์ได้ กรณีมีเหตุที่ยังไม่ควรให้จำเลยล้มละลาย ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีเช็ค: โจทก์ต้องนำสืบสถานะทางการเงินของจำเลย ณ วันที่ออกเช็คเพื่อแสดงมูลความผิด
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์ต้องนำสืบให้ปรากฏถึงวันที่ออกเช็คว่าจำเลยไม่มีเงินในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินตามเช็คหรือบัญชีปิดแล้วด้วย เพราะเป็นสาระสำคัญแห่งคดีที่จะแสดงให้เห็นว่าคดีมีมูลความผิดหรือไม่ เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้ปรากฏ คดีโจทก์ก็ไม่มีมูล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอนาถาหลังศาลวินิจฉัยสถานะทางการเงินโจทก์ คดีถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์โจทก์ขอเลื่อนคดีไป 3 ครั้ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ประวิงคดีไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา เท่ากับได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคำร้องของโจทก์แล้วว่า โจทก์มิใช่คนอนาถาจะใช้สิทธิดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไม่ได้เมื่อโจทก์อุทธรณ์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีย่อมถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดใช้เช็ค: ต้องพิสูจน์สถานะทางการเงินวันออกเช็ค
ในคดีความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คแม้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ก็ต้องนำสืบให้ได้ว่าวันที่ลงในเช็คซึ่งถือว่าเป็นวันออกเช็คนั้นจำเลยไม่มีเงินในบัญชีธนาคารพอที่จะจ่ายเงินตามเช็คด้วยเพราะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้การกระทำเกิดขึ้นสำเร็จอันเป็นสาระสำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่าคดีมีมูลความผิดมิฉะนั้นแล้วคดีโจทก์จะไม่มีมูล.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สถานะทางการเงิน ณ วันออกเช็ค: โจทก์ต้องพิสูจน์เองว่าเงินในบัญชีจำเลยมีไม่พอ ณ วันที่ออกเช็ค
จำเลยออกเช็คพิพาทลงวันที่19เมษายน2526โจทก์นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่20เมษายน2526โดยอ้างว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่ายเมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าในวันที่19เมษายน2526ซึ่งเป็นวันที่จำเลยออกเช็คเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่ายดังนี้จะฟังว่าการที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่20เมษายน2526นั้นในวันที่19เมษายน2526เงินในบัญชีของจำเลยก็มีไม่พอจ่ายด้วยหาไม่ได้จึงลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
of 2