คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สถานะผู้เช่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6361/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะบริวารของผู้เช่าและการบังคับคดีตามคำพิพากษา
จำเลยทำสัญญาให้โจทก์ก่อสร้างตึกแถวบนที่ดินจำเลยเมื่อก่อสร้างเสร็จจำเลยยอมให้โจทก์จัดหาบุคคลมาเช่าตึกแถวดังกล่าวมีกำหนด30ปีต่อมาผู้ร้องได้ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทจากห้างหุ้นส่วนจำกัดค. ตัวแทนโจทก์มีกำหนด30ปีโดยผู้ร้องได้จ่ายเงินให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดค. ไป300,000บาทแต่ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยมอบอำนาจให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดค. เป็นตัวแทนสัญญาเช่าดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยส่วนโจทก์ทำสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์ให้จำเลยแต่มีข้อกำหนดว่าการทำสัญญาเช่านั้นให้ทำโดยตรงกับจำเลยมีกำหนดการเช่า30ปีสัญญาเช่าต้องนำไปจดทะเบียนการเช่าดังนั้นการที่ผู้ร้องอาศัยอยู่ในตึกแถวห้องพิพาทโดยที่ยังไม่ได้ทำสัญญาเช่ากับจำเลยจึงถือว่าผู้ร้องอยู่โดยอาศัยสิทธิโจทก์ผู้ร้องจึงเป็นบริวารของโจทก์ ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชดใช้หรือชำระเงินให้แก่จำเลยเดือนละ68,000บาทจนกว่าโจทก์ทั้งสองและบริวารออกไปจากตึกแถวห้องพิพาทแม้มิได้มีข้อความใดๆให้ขับไล่โจทก์และบริวารก็ตามแต่ก็แสดงชัดเจนแล้วว่าโจทก์ทั้งสองและบริวารจะต้องออกจากตึกแถวห้องพิพาทดังนั้นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขับไล่ผู้ร้องจึงมิใช่เป็นการบังคับคดีนอกเหนือคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาเช่านาและการพิสูจน์สถานะผู้เช่าตามกฎหมายควบคุมการเช่านา
ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 46 ที่บัญญัติไว้ว่า การเช่านารายใดซึ่งทำไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าไม่มีกำหนดเวลาหรือมีกำหนดเวลาต่ำกว่าหกปี ให้การเช่านารายนั้นมีกำหนดหกปีนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เว้นแต่ผู้เช่าไม่ประสงค์จะเช่านาต่อไป ย่อมหมายความว่าพระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับแก่การเช่าที่ยังคงมีอยู่ในวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเท่านั้น ที่จะมีการยืดการเช่าออกไปได้ แต่ถ้าหากการเช่านาระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าสิ้นสุดลงแล้วก่อนวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ก็จะนำมาตรา 46 นี้มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะในขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านามีผลใช้บังคับนั้น ไม่มีกำหนดระยะเวลาการเช่านาเหลืออยู่ที่จะยืดออกไปอีกได้
เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยเข้าไปไถทำนาในที่นาที่ผู้เสียหายเช่าจากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าในวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา ผู้เสียหายยังเป็นผู้เช่าทำนาจากจำเลยอยู่ แต่เมื่อจำเลยได้ต่อสู้มาแต่ชั้นสอบสวนว่า สัญญาระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยสิ้นสุดโดยความตกลงของคู่สัญญา มิได้รับในประเด็นข้อนี้ เมื่อโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานเสียแล้วเช่นนี้ คดีก็ยังไม่พอที่จะรับฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่ามา พ.ศ. 2517 มาตรา 28 (4), 45

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาเช่านาและการบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 การพิสูจน์สถานะผู้เช่า
ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 46 ที่บัญญัติไว้ว่า การเช่านารายใดซึ่งทำไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าไม่มีกำหนดเวลาหรือมีกำหนดเวลาต่ำกว่าหกปี ให้การเช่านารายนั้นมีกำหนดหกปีนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเว้นแต่ผู้เช่าไม่ประสงค์จะเช่านาต่อไป ย่อมหมายความว่าพระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับแก่การเช่าที่ยังคงมีอยู่ในวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเท่านั้น ที่จะมีการยืดการเช่าออกไปได้แต่ถ้าหากการเช่านาระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าสิ้นสุดลงแล้วก่อนวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ก็จะนำมาตรา 46 นี้มาใช้บังคับไม่ได้เพราะในขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านามีผลใช้บังคับนั้น ไม่มีกำหนดระยะเวลาการเช่านาเหลืออยู่ที่จะยืดออกไปอีกได้
เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยเข้าไปไถทำนาในที่นาที่ผู้เสียหายเช่าจากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าในวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา ผู้เสียหายยังเป็นผู้เช่าทำนาจากจำเลยอยู่ แต่เมื่อจำเลยได้ต่อสู้มาแต่ชั้นสอบสวนว่า สัญญาระหว่าง ผู้เสียหายกับจำเลยสิ้นสุดโดยความตกลงของคู่สัญญา มิได้รับในประเด็นข้อนี้ เมื่อโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานเสียแล้วเช่นนี้ คดีก็ยังไม่พอที่จะรับฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 28(4), 45

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะผู้เช่า-บริวารหลังหย่า: สิทธิในสัญญาเช่าเดิมเป็นของผู้เช่าเดิม แม้มีการตกลงระหว่างคู่หย่า
ภริยาอยู่ในห้องพิพาทกับสามีซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาเช่าจากผู้ให้เช่า ต่อมาได้หย่าขาดกัน สามีแยกไปอยู่ที่อื่น โดยยอมยกห้องพิพาทให้เป็นสิทธิแก่ภริยา แต่ผู้ให้เช่าไม่ได้รู้เห็นตกลงด้วย การที่ภริยาคงอยู่ในห้องเช่าต่อมาจนครบสัญญาเช่า ถือว่าเป็นการอยู่ในฐานะบริวารของผู้เช่า
อยู่ในห้องเช่าในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่า ไม่ใช่ในฐานะผู้เช่า ผู้ให้เช่าไม่จำต้องบอกกล่าวเลิกการเช่าก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะผู้เช่าห้องแถวบนที่ดินเช่า: ไม่ใช่ผู้เช่าที่ดิน แต่เป็นบริวารผู้เช่า
จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกห้องแถวผู้เช่าห้องแถวจากจำเลยไม่ใช่ผู้เช่าช่วงที่ดินแต่เป็นบริวารของจำเลย
เหมือนฎีกาที่ 377/2500 และ 1000/2503

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าช่วงและการพิสูจน์สถานะผู้เช่า: การไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อคุ้มครองสิทธิ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าอ้างว่าจำเลยเอาไปให้ผู้ร้องเช่าช่วง จำเลยไม่สู้คดี ในชั้นบังคับคดีให้ขับไล่บริวารจำเลย ผู้ร้องซึ่งอยู่ในเรือนรายนี้ร้องว่าโจทก์เก็บค่าเช่าจากผู้ร้องตลอดมา ไม่ใช่บริวารจำเลย ศาลทำการไต่สวน เมื่อตัวผู้ร้องและสามีผู้ร้องเบิกความแสดงว่า สามีผู้ร้องเป็นผู้เช่า ผู้ร้องเป็นผู้อยู่ประจำ ได้ความเพียงเท่านี้ศาลจะด่วนสั่งให้งดสืบพยานเสีย โดยถือว่าผู้ร้องไม่ใช่ผู้เช่า ไม่มีสิทธิคัดค้านการบังคับดคีนั้น ไม่ได้ เพราะผู้ร้องและสามีผู้ร้องมีส่วนได้เสียในสิทธิที่ได้อยู่ในเรือนด้วยกัน คดีต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์สถานะผู้เช่า - การคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ โดยอ้างว่าห้องเช่าอยู่ในทำเลการค้าได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว
จำเลยต่อสู้ว่าเช่าห้องของโจทก์อยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
และจำเลยยังแถลงรับอีกว่าการเช่าไม่มีหนังสือสัญญาต่อกัน ห้องเช่าอยู่ในทำเลการค้าขายจำเลยอยู่อาศัยและค้าขายของชำตลอดมา ดังนี้ จำเลยมีหน้าที่ต้องนำสืบว่า จำเลยมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ อย่างไร ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่สืบพยาน จำเลยไม่มีทางชนะคดีได้ ศาลต้องพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ (อ้างฎีกาที่ 420/2494)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถูกต้อง ไม่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2489 ใช้คุ้มครองแก่กรณีของจำเลยได้แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัตินั้นเพราะจำเลยมิได้ใช้สถานที่เช่าเป็นที่อยู่อาศัยส่วนศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าแล้วพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่านั้นจึงไม่คุ้มครองแก่ฐานะของจำเลยเสียเลยดังนี้ เป็นการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายโดยตรง ไม่ใช่วินิจฉัยข้อเท็จจริงต่างกับที่ศาลล่างได้วินิจฉัยไว้