พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5238/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาก่อให้เกิดสิทธิในการได้รับเงินคืนสู่สถานะเดิม แม้จะมีการอ้างเหตุผิดสัญญา
แม้จะฟังว่าจำเลยทั้งสามไม่ได้มาที่สำนักงานที่ดินในตอนเช้าของวันกำหนดนัดโอน แต่เมื่อโจทก์ให้คนไปตามจำเลยทั้งสามก็มา จึงถือไม่ได้ว่า จำเลยทั้งสามไม่ไปโอนที่ดินตามนัด และการที่ได้เลื่อนจะนัดโอนที่ดินใน ตอนบ่ายและจำเลยทั้งสามไม่มาตามนัดก็ได้ความว่า ต้นฉบับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่สำนักงานที่ดิน หาไม่พบ แม้จำเลยจะมาตอนบ่าย เจ้าพนักงานที่ดินก็ไม่สามารถจะจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทได้อยู่ดี จำเลยทั้งสาม จึงมิได้ผิดสัญญาต่อโจทก์
เมื่อโจทก์ได้ฟ้องเรียกเงินมัดจำ 50,000 บาท และเงิน 240,000 บาท อันเป็นเงินที่จำเลยทั้งสามได้รับไว้แล้วเป็นค่าที่ดินคืน แม้โจทก์จะเรียกค่าเสียหายอื่นรวมมาด้วย โดยอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาก็ดี เมื่อปรากฏว่าเป็นเพียงกรณีเลิกสัญญากันและโจทก์มีสิทธิที่จะเรียกร้องเงินส่วนหนึ่งในจำนวนที่เรียกร้องทั้งหมดจากจำเลยทั้งสาม ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้จำเลยทั้งสามคืนเงินจำนวน 290,000 บาท ให้แก่โจทก์ เพื่อให้โจทก์ได้กลับคืนสู่ฐานะดั่งที่เป็นอยู่เดิมได้จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
เมื่อโจทก์ได้ฟ้องเรียกเงินมัดจำ 50,000 บาท และเงิน 240,000 บาท อันเป็นเงินที่จำเลยทั้งสามได้รับไว้แล้วเป็นค่าที่ดินคืน แม้โจทก์จะเรียกค่าเสียหายอื่นรวมมาด้วย โดยอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาก็ดี เมื่อปรากฏว่าเป็นเพียงกรณีเลิกสัญญากันและโจทก์มีสิทธิที่จะเรียกร้องเงินส่วนหนึ่งในจำนวนที่เรียกร้องทั้งหมดจากจำเลยทั้งสาม ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้จำเลยทั้งสามคืนเงินจำนวน 290,000 บาท ให้แก่โจทก์ เพื่อให้โจทก์ได้กลับคืนสู่ฐานะดั่งที่เป็นอยู่เดิมได้จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำพิพากษาโดยคู่ความขาดนัดและการกลับสู่สถานะเดิมหลังพิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวเนื่องจากจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา แล้วพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน โดยไม่มีการส่งคำบังคับให้จำเลย แต่โจทก์นำคำพิพากษาไปให้นายทะเบียนบันทึกการหย่าไว้ในทะเบียนสมรส เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นแล้ว จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่มีการบังคับตามคำพิพากษาดังกล่าวได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208
เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้พิจารณาใหม่แล้ว คำพิพากษาโดยคู่ความขาดนัดของศาลชั้นต้นและวิธีการบังคับคดีที่ดำเนินไปแล้วนั้น ถือว่าเป็นอันเพิกถอนไปในตัวตาม ป.วิ.พ. มาตรา 209 วรรคแรก การที่โจทก์ไปให้นาย-ทะเบียนบันทึกการหย่าตามคำพิพากษาในทะเบียนสมรส จึงถูกเพิกถอนไปด้วยสถานะบุคคลของโจทก์จำเลยยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากการเป็นสามีภริยากัน
เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้พิจารณาใหม่แล้ว คำพิพากษาโดยคู่ความขาดนัดของศาลชั้นต้นและวิธีการบังคับคดีที่ดำเนินไปแล้วนั้น ถือว่าเป็นอันเพิกถอนไปในตัวตาม ป.วิ.พ. มาตรา 209 วรรคแรก การที่โจทก์ไปให้นาย-ทะเบียนบันทึกการหย่าตามคำพิพากษาในทะเบียนสมรส จึงถูกเพิกถอนไปด้วยสถานะบุคคลของโจทก์จำเลยยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากการเป็นสามีภริยากัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาซื้อขายไม้และการกลับสู่สถานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในคดีก่อนจำเลยที่ 2 ยื่นฟ้องโจทก์ขอให้ปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย จ.3 ซึ่งทำกันไว้คือให้โจทก์ชำระหนี้ค่าไม้เป็นเงิน 58,000 บาท แก่จำเลยพร้อมกับมารับโอนกรรมสิทธิ์ไม้ตามสัญญา ศาลฎีกาพิพากษาในคดีนั้นว่าสัญญาตามเอกสารหมาย จ.3 เป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งโจทก์จำเลยมีสิทธิ (ให้อีกฝ่าย) ปฏิบัติการชำระหนี้แต่จำเลยในฐานะลูกหนี้ไม่ชำระหนี้คือไม่ส่งมอบไม้ทั้งหมดแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ภายในเวลาอันควร จนเป็นเหตุให้ไม้เสื่อมคุณภาพใช้ประโยชน์ไม่ได้การชำระหนี้จึงกลายเป็นไร้ประโยชน์แก่โจทก์ โจทก์ได้แสดงเจตนาบอกปัดไม่รับมอบไม้ทั้งหมดจากจำเลยถือว่าเป็นการได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาต่อจำเลย ซึ่งจำเลยก็ได้ทราบแล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับโจทก์ให้รับไม้และให้ชำระเงินแก่จำเลยได้ พิพากษายกฟ้องจำเลยโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าจนบัดนี้โจทก์ยังไม่ได้รับไม้จากจำเลยตามสัญญาเพราะ ไม้ผุเน่าไปหมด จำเลยจึงต้องชำระหนี้ตามสัญญาโดยชำระเป็นเงินค่าไม้แทนคิดเป็นเงิน 203,250 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์ ดังนี้เมื่อโจทก์ซึ่งเคยเป็นจำเลยในคดีก่อนได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาต่อจำเลยแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา 391 เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่ เดิมกล่าวคือเมื่อก่อนทำสัญญาอยู่ในฐานะอย่างไรก็ให้คู่สัญญากลับไปอยู่ในฐานะอย่างนั้นประดุจว่าไม่เคยมีนิติกรรมเกิดขึ้นในระหว่างคู่กรณี เนื่องจากโจทก์จำเลยได้เลิกสัญญาก่อนที่จะได้มีการชำระหนี้ต่อกัน ฉะนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่จะต้องคืนต่อกัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ชำระเงินค่าไม้แทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9004/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากทิ้งฟ้องทำให้กลับสู่สถานะเดิม โจทก์ไม่มีสิทธิขอเลื่อนคดี
การที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ทิ้งฟ้องย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำฟ้อง รวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่นๆ อันมีมาภายหลังยื่นคำฟ้อง ทำให้คู่ความกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นฟ้องเลย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 176 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 จึงไม่มีคดีของโจทก์อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีก