พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3163/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตหน้าที่ - การเบียดบังผลประโยชน์สถานีวิทยุ - ความผิด ป.อ.มาตรา 353
ตาม พ.ร.ฎ.แบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ.2533 ไม่ได้บัญญัติให้สถานีวิทยุ ปชส.8 วิทยุการเกษตรเป็นส่วนราชการของกรมส่งเสริมการเกษตรแต่อย่างใด จำเลยที่ 1เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบด้านจัดรายการของสถานีวิทยุ ปชส.8 วิทยุการเกษตรตามคำสั่งแต่งตั้งของอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร มิใช่ถูกแต่งตั้งอย่างข้าราชการไม่มีการสอบคัดเลือก และไม่ต้องรับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) การถอดถอนหรือให้ออกจากตำแหน่งก็เป็นไปตามที่อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเห็นสมควร ดังนี้ ฐานะของจำเลยที่ 1 เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ดำเนินงานของสถานีวิทยุ ปชส.8 วิทยุการเกษตร ตามมติของคณะกรรมการดำเนินงานสถานีวิทยุ ปชส.8 วิทยุการเกษตร จำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่เจ้าพนักงาน
โจทก์ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามป.อ.มาตรา 353 รวมอยู่ด้วย ทั้งความผิดตามมาตรา 353 ก็มีโทษเบากว่าความผิดตามมาตรา 151 และ 157 ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ และหากทางพิจารณาได้ข้อเท็จจริงเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามมาตรา 353 หรือไม่ ได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคท้าย
จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายให้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลการจัดรายการของสถานีวิทยุ ปชส.8 วิทยุการเกษตร กระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริตนำเอาเวลาออกอากาศให้ บ.เช่าจัดรายการ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และเบียดบังเอาเงินค่าเช่าจาก บ.ไปเป็นของตนโดยไม่นำเงินส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของสถานีวิทยุดังกล่าว โดยจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้รับมอบหมายและมิได้มีหน้าที่เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 แต่ได้ช่วยเหลือและให้ความสะดวกก่อนและขณะที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิด ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 353 และการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดตามมาตรา 353 ประกอบด้วยมาตรา 86
โจทก์ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามป.อ.มาตรา 353 รวมอยู่ด้วย ทั้งความผิดตามมาตรา 353 ก็มีโทษเบากว่าความผิดตามมาตรา 151 และ 157 ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ และหากทางพิจารณาได้ข้อเท็จจริงเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามมาตรา 353 หรือไม่ ได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคท้าย
จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายให้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลการจัดรายการของสถานีวิทยุ ปชส.8 วิทยุการเกษตร กระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริตนำเอาเวลาออกอากาศให้ บ.เช่าจัดรายการ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และเบียดบังเอาเงินค่าเช่าจาก บ.ไปเป็นของตนโดยไม่นำเงินส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของสถานีวิทยุดังกล่าว โดยจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้รับมอบหมายและมิได้มีหน้าที่เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 แต่ได้ช่วยเหลือและให้ความสะดวกก่อนและขณะที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิด ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 353 และการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดตามมาตรา 353 ประกอบด้วยมาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3163/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่สถานีวิทยุเบียดบังเงินค่าเช่ารายการ ถือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2533 ไม่ได้บัญญัติให้สถานีวิทยุ ปชส.8 วิทยุการเกษตรเป็นส่วนราชการของกรมส่งเสริมการเกษตรแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบด้านจัดรายการของสถานีวิทยุ ปชส.8วิทยุการเกษตรตามคำสั่งแต่งตั้งของอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรมิใช่ถูกแต่งตั้งอย่างข้าราชการไม่มีการสอบคัดเลือกและไม่ต้องรับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) การถอดถอนหรือให้ออกจากตำแหน่งก็เป็นไปตามที่อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเห็นสมควร ดังนี้ ฐานะของจำเลยที่ 1 เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ดำเนินงานของสถานีวิทยุปชส.8 วิทยุการเกษตร ตามมติของคณะกรรมการดำเนินงานสถานีวิทยุ ปชส.8 วิทยุการเกษตร จำเลยที่ 1จึงไม่ใช่เจ้าพนักงาน โจทก์ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 รวมอยู่ด้วย ทั้งความผิดตามมาตรา 353 ก็มีโทษเบากว่าความผิดตามมาตรา 151 และ 157ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ และหากทางพิจารณาได้ข้อเท็จจริงเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามมาตรา 353 หรือไม่ ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายให้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลการจัดรายการของสถานีวิทยุ ปชส.8 วิทยุการเกษตรกระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริตนำเอาเวลาออกอากาศให้บ.เช่าจัดรายการ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรและเบียดบังเอาเงินค่าเช่าจาก บ.ไปเป็นของตนโดยไม่นำเงินส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของสถานีวิทยุดังกล่าว โดยจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้รับมอบหมายและมิได้มีหน้าที่เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 แต่ได้ช่วยเหลือและให้ความสะดวกก่อนและขณะที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิด ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 และการกระทำของจำเลยที่ 2เป็นความผิดตามมาตรา 353 ประกอบด้วยมาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1409/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเวลาสถานีวิทยุ: สัญญาไม่ระบุขอบเขตการส่งสัญญาณชัดเจน ไม่ถือเป็นผิดสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าเวลาของสถานีวิทยุกระจายเสียงจังหวัดบุรีรัมย์จากโจทก์ในระบบเอฟ.เอ็มและเอ.เอ็ม ระหว่างสัญญากำลังส่งกระจายเสียงของสถานีวิทยุกระจายเสียงจังหวัดบุรีรัมย์ของโจทก์ทั้งสองระบบรับฟังไม่ชัดเจนในพื้นที่นอกเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เมื่อตามสัญญาเช่าเวลาดังกล่าวไม่มีข้อตกลงในรายละเอียดว่าโจทก์ต้องจัดการให้กำลังส่งกระจายเสียงของสถานีวิทยุกระจายเสียงจังหวัดบุรีรัมย์ทั้งสองระบบดังกล่าวมีกำลังส่งที่ประชาชนซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ทั้งหมดรับฟังได้อย่างชัดเจน และโจทก์จำเลยมีเจตนาผูกพันกันตามสภาพที่กำลังส่งกระจายเสียงของสถานีวิทยุกระจายเสียงจังหวัดบุรีรัมย์มีอยู่ในขณะทำสัญญา ดังนั้นการที่กำลังส่งกระจายเสียงของสถานีวิทยุกระจายเสียงจังหวัดบุรีรัมย์ที่จำเลยเช่าจากโจทก์ไม่สามารถส่งกระจายเสียงให้ประชาชนที่อยู่นอกเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์รับฟังได้ชัดเจนนั้น หาใช่สาระสำคัญถึงขนาดที่จะถือได้ว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาแก่โจทก์เมื่อจำเลยไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่นนี้ แม้จำเลยจะแสดงเจตนาเลิกสัญญาแก่โจทก์ ก็หามีผลเป็นการบอกเลิกสัญญาโดยชอบอันจะทำให้สัญญาเลิกกันไม่ จำเลยจึงต้องผูกพันตามสัญญาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสิทธิเรียกร้องค่าโฆษณา: สถานีวิทยุของรัฐที่หารายได้จากการโฆษณา เข้าข่ายผู้ค้า ต้องใช้ อายุความ 2 ปี
สถานีวิทยุกระจายเสียงของกองทัพเรือโจทก์หารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายของสถานีวิทยุ โดยรับทำการโฆษณาข้อความหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เป็นปกติธุระ ค่าโฆษณามีอัตรากำหนดไว้ให้ชำระเป็นรายเดือน เงินค่าโฆษณามิได้นำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน ดังนี้ ถือว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ คือการโฆษณาข้อความหรือผลิตภัณฑ์ของผู้อื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (7) สิทธิเรียกร้องเอาเงินสินจ้างค่าโฆษณาของโจทก์จึงมีอายุความสองปี และแม้การสื่อสารเป็นราชการ กองทัพเรือซึ่งมีหน้าที่เตรียมกำลังและป้องกันราชอาณาจักร ก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้นำอายุความสิบปีมาใช้บังคับได้ เพราะสิทธิเรียกร้องของรัฐบาลเพื่อหนี้อย่างอื่นต้องบังคับตามบทบัญญัติอายุความในเรื่องนั้น ๆ โดยเฉพาะดังที่บัญญัติไว้มาตรา 167
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานีวิทยุของกองทัพเรือรับจ้างโฆษณา ถือเป็นผู้ค้า อายุความสิทธิเรียกร้อง 2 ปี
สถานีวิทยุกระจายเสียงของกองทัพเรือโจทก์หารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายของสถานีวิทยุ โดยรับทำการโฆษณาข้อความหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เป็นปกติธุระค่าโฆษณามีอัตรากำหนดไว้ให้ชำระเป็นรายเดือน เงินค่าโฆษณามิได้นำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน ดังนี้ ถือว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ คือการโฆษณาข้อความหรือผลิตภัณฑ์ของผู้อื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(7) สิทธิเรียกร้องเอาเงินสินจ้างค่าโฆษณาของโจทก์จึงมีอายุความสองปี และแม้การสื่อสารเป็นราชการกองทัพเรือซึ่งมีหน้าที่เตรียมกำลังและป้องกันราชอาณาจักรก็ไม่เป็นเหตที่จะให้นำอายุความสิบปีมาใช้บังคับได้เพราะสิทธิเรียกร้องของรัฐบาลเพื่อหนี้อย่างอื่นต้องบังคับตามบทบัญญัติอายุความในเรื่องนั้น ๆ โดยเฉพาะดังที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 167
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายจ่ายลงทุนติดตั้งสถานีวิทยุและเครื่องจักร รวมถึงส่วนลดที่ไม่จ่ายให้ผู้ซื้อ ถือเป็นรายจ่ายทางภาษีได้หรือไม่
รายจ่ายค่าติดตั้งสถานีวิทยุซึ่งตั้งขึ้นแล้วเป็นทรัพย์สินของบริษัทโจทก์ และรายจ่ายให้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งเครื่องจักร และเตาเผาของบริษัทโจทก์ เป็นรายจ่ายที่บริษัทโจทก์จ่ายไปแล้วได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายเกิดเป็นทุนรอน หรือทรัพย์สินของบริษัทโจทก์ถือว่าเป็นรายจ่าย อันมีลักษณะเป็นการลงทุนตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (5)
โจทก์มีหลักเกณฑ์จ่ายเงินส่วนลดให้แก่ผู้ซื้อปูนซิเมนต์ของโจทก์ทุกรายการตามอัตราที่กำหนดเป็นรายต้น กรมชลประทานซื้อปูนซิเมนต์จากโจทก์จำนวนหนึ่ง โจทก์จึงจ่ายเงินส่วนลดตามอัตราที่กรมชลประทานจะได้รับให้แก่สวัสดิการของกรมชลประทาน ซึ่งคณะข้าราชการในกรมชลประทานจัดตั้งขึ้น เพื่อช่วยเหลือข้าราชการในกรมนั้น มิได้จ่ายให้แก่กรมชลประทานผู้ซื้อ เพราะถ้าจ่ายแก่กรมชลประทาน เงินนั้นจะต้องตกเป็นของแผ่นดิน ดังนี้เมื่อโจทก์มิได้จ่ายให้แก่กรมชลประทานจึงมิใช่เป็นการจ่ายให้แก่ผู้ซื้อตามหลักเกณฑ์ที่โจทก์วางไว้ รายจ่ายนี้จึงเป็นรายจ่ายซึ่งมิใช้รายจ่ายเพื่อหากำไร หรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (13) จึงไม่อาจถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้
โจทก์มีหลักเกณฑ์จ่ายเงินส่วนลดให้แก่ผู้ซื้อปูนซิเมนต์ของโจทก์ทุกรายการตามอัตราที่กำหนดเป็นรายต้น กรมชลประทานซื้อปูนซิเมนต์จากโจทก์จำนวนหนึ่ง โจทก์จึงจ่ายเงินส่วนลดตามอัตราที่กรมชลประทานจะได้รับให้แก่สวัสดิการของกรมชลประทาน ซึ่งคณะข้าราชการในกรมชลประทานจัดตั้งขึ้น เพื่อช่วยเหลือข้าราชการในกรมนั้น มิได้จ่ายให้แก่กรมชลประทานผู้ซื้อ เพราะถ้าจ่ายแก่กรมชลประทาน เงินนั้นจะต้องตกเป็นของแผ่นดิน ดังนี้เมื่อโจทก์มิได้จ่ายให้แก่กรมชลประทานจึงมิใช่เป็นการจ่ายให้แก่ผู้ซื้อตามหลักเกณฑ์ที่โจทก์วางไว้ รายจ่ายนี้จึงเป็นรายจ่ายซึ่งมิใช้รายจ่ายเพื่อหากำไร หรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (13) จึงไม่อาจถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8688/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานตั้งสถานีวิทยุ, ปลอมเอกสาร, ใช้ยศเท็จ ศาลฎีกาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดจริง
คดีนี้ สำหรับความผิดฐานมีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 6 เดือน ฐานมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 3 เดือน ฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาว่า ความผิดทั้งสามฐานเป็นกรรมเดียวและมีระวางโทษเท่ากัน ลงโทษฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตเพียงกระทงเดียวและปรับ 30,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 เดือน และปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และคุมความประพฤติจำเลย ดังนี้ แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 จะได้รอการลงโทษจำคุกจำเลยอันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ที่โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษในความผิดทั้งสามฐานดังกล่าวนั้น เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายมาตราดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์ในข้อนี้มานั้นไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การที่จำเลยมีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้ การที่จำเลยนำเครื่องวิทยุคมนาคมที่มีอยู่นั้นมาตั้งเป็นสถานีวิทยุคมนาคมขึ้นก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้เช่นกัน ความผิดฐานมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมกับฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว
เจ้าพนักงานตำรวจยึดประกาศนียบัตรลักษณะเดียวกันหลายฉบับ รูปถ่ายจำเลยซึ่งอุปโลกน์ตนเองเป็นครูบาขาวเจ้าศรีสุธรรม รูปถ่ายสมาชิกแต่งเครื่องแบบทหารและไม่ได้แต่งเครื่องแบบ อาร์มหน่วยปฏิบัติการพิเศษทับทิมดำหน่วยเหนือ ทภ.3 แบบพิมพ์ใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองพันอาสาสมัครป้องกันชาติปฏิบัติการพิเศษทับทิมดำ ภาพสัญลักษณ์หัวเสือคาบดาบหน่วยจู่โจมล่าสังหารเฉพาะกิจลับพิเศษ จทฐ. พล. ร.10 ป.พัน ทับทิมดำ ปฏิบัติการพิเศษ บัตรประจำตัวไทยอาสาป้องกันชาติออกให้โดยอำเภอจุน จังหวัดพะเยา มีรอยแกะรูปถ่ายออก มีรอยลบชื่อและพิมพ์ชื่อของจำเลยแทน ตามบัญชีของกลางคดีอาญา ทั้งในประกาศนียบัตรยังมีตราครุฑ ข้อความว่า ก.ห.0043 ซึ่งตัวย่อ ก.ห. น่าจะหมายถึงกระทรวงกลาโหม มีระบุยศพันโทนำหน้าชื่อของจำเลย หลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่จะยกตนเองขึ้นเป็นใหญ่ เริ่มต้นจากการเป็นครูบาเจ้าสำนัก แล้วซ่องสุมสมาชิกเพื่อสร้างเสริมบารมีให้กับตน โดยแอบอ้างหน่วยงานทางทหารหรือกองทัพบก แม้หน่วยงานที่อ้างจะไม่มีอยู่จริงก็ตาม พฤติกรรมของจำเลยเห็นได้ชัดว่ารู้เห็นเป็นใจในการปลอมประกาศนียบัตรเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการโฆษณาชวนเชื่อจูงใจคนสมัครเป็นสมาชิก และเพื่อให้แนบเนียนสมจริงจึงอุปโลกน์ยศทหารของตนไว้ด้วย ดังเช่นการอุปโลกน์ตนเป็นครูบาขาวเจ้าศรีสุธรรมดังกล่าวข้างต้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และใช้ยศโดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย
การที่จำเลยมีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้ การที่จำเลยนำเครื่องวิทยุคมนาคมที่มีอยู่นั้นมาตั้งเป็นสถานีวิทยุคมนาคมขึ้นก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้เช่นกัน ความผิดฐานมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมกับฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว
เจ้าพนักงานตำรวจยึดประกาศนียบัตรลักษณะเดียวกันหลายฉบับ รูปถ่ายจำเลยซึ่งอุปโลกน์ตนเองเป็นครูบาขาวเจ้าศรีสุธรรม รูปถ่ายสมาชิกแต่งเครื่องแบบทหารและไม่ได้แต่งเครื่องแบบ อาร์มหน่วยปฏิบัติการพิเศษทับทิมดำหน่วยเหนือ ทภ.3 แบบพิมพ์ใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองพันอาสาสมัครป้องกันชาติปฏิบัติการพิเศษทับทิมดำ ภาพสัญลักษณ์หัวเสือคาบดาบหน่วยจู่โจมล่าสังหารเฉพาะกิจลับพิเศษ จทฐ. พล. ร.10 ป.พัน ทับทิมดำ ปฏิบัติการพิเศษ บัตรประจำตัวไทยอาสาป้องกันชาติออกให้โดยอำเภอจุน จังหวัดพะเยา มีรอยแกะรูปถ่ายออก มีรอยลบชื่อและพิมพ์ชื่อของจำเลยแทน ตามบัญชีของกลางคดีอาญา ทั้งในประกาศนียบัตรยังมีตราครุฑ ข้อความว่า ก.ห.0043 ซึ่งตัวย่อ ก.ห. น่าจะหมายถึงกระทรวงกลาโหม มีระบุยศพันโทนำหน้าชื่อของจำเลย หลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่จะยกตนเองขึ้นเป็นใหญ่ เริ่มต้นจากการเป็นครูบาเจ้าสำนัก แล้วซ่องสุมสมาชิกเพื่อสร้างเสริมบารมีให้กับตน โดยแอบอ้างหน่วยงานทางทหารหรือกองทัพบก แม้หน่วยงานที่อ้างจะไม่มีอยู่จริงก็ตาม พฤติกรรมของจำเลยเห็นได้ชัดว่ารู้เห็นเป็นใจในการปลอมประกาศนียบัตรเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการโฆษณาชวนเชื่อจูงใจคนสมัครเป็นสมาชิก และเพื่อให้แนบเนียนสมจริงจึงอุปโลกน์ยศทหารของตนไว้ด้วย ดังเช่นการอุปโลกน์ตนเป็นครูบาขาวเจ้าศรีสุธรรมดังกล่าวข้างต้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และใช้ยศโดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย