พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8221/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตทางจำเป็น: กำหนดความกว้างตามสภาพการใช้งานจริง โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน
ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์ ความจำเป็นของโจทก์คือมีทางเดินออกสู่ทางสาธารณะ ประกอบกับทางพิพาทในสภาพปัจจุบันซึ่งมีความกว้างประมาณ 80 ถึง 90 เซนติเมตร ซึ่งพอสมควรแก่การที่จะใช้เป็นทางจำเป็นสำหรับเดินผ่านในสภาพสำหรับเป็นทางเดินได้แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงยังรับฟังได้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทางพิพาทมีความกว้างแน่นอนเท่าใด การที่จะเปิดทางจำเป็นให้กว้างประมาณ 1 เมตร โดยจำเลยจะต้องทุบผนังบ้านจำเลยออก 1 ด้านนั้น เมื่อคำนึงถึงความเสียหายของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ กรณีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดทางจำเป็นในที่ดินของจำเลยให้มีความกว้างถึง 1 เมตร ศาลฎีกาจึงกำหนดให้ทางจำเป็นมีความกว้างประมาณ 80 ถึง 90 เซนติเมตร ตามสภาพที่ใช้เป็นทางเดินในปัจจุบันเท่านั้น
ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนทางจำเป็นแก่โจทก์ หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยนั้น เมื่อทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแล้ว โจทก์มีสิทธิใช้ทางดังกล่าวได้โดยอำนาจของกฎหมายตาม ป.พ.พ.มาตรา 1349 จึงไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียนทางจำเป็นตามคำขอของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยให้ยกคำขอของโจทก์ในส่วนที่ขอให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนทางจำเป็นแก่โจทก์เสีย
ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนทางจำเป็นแก่โจทก์ หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยนั้น เมื่อทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแล้ว โจทก์มีสิทธิใช้ทางดังกล่าวได้โดยอำนาจของกฎหมายตาม ป.พ.พ.มาตรา 1349 จึงไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียนทางจำเป็นตามคำขอของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยให้ยกคำขอของโจทก์ในส่วนที่ขอให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนทางจำเป็นแก่โจทก์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3090/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อลูมิเนียมฟอยล์และลามิเนตฟอยล์เป็นของใช้ที่ต้องเสียภาษีการค้า พิจารณาจากสภาพการใช้งานจริง
อลูมิเนียมแผ่นเปลวชนิดฟอยล์ (PLAINFOIL หรือ FOIL) และอลูมิเนียมแผ่นเปลวผนึกด้วยกระดาษ (LAMINATEDFOIL) ที่โจทก์ผลิตขึ้นมานั้น จะเป็นของใช้เฉพาะที่ผลิตจากโลหะตามหมวด 9 บัญชีที่ 1 แห่ง พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ.2517หรือไม่ จะต้องพิจารณาจากการใช้ในสภาพปกติของสินค้าดังกล่าวนั้นว่าจะนำไปเป็นของใช้ในตัวของมันเองได้ในทันทีหรือไม่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าผู้ใช้จะต้องนำของนั้นไปปรุงแต่งเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เหมาะสมกับความประสงค์พิเศษของผู้ใช้หรือเพื่อให้รู้แหล่งกำเนิดและชนิดของสินค้านั้นๆหรือไม่ โจทก์ต้องผลิตอลูมิเนียมทั้งสองชนิดดังกล่าวให้มีความหนา ความบาง ความกว้าง ความยาว และอื่นๆตามคำสั่งของลูกค้า แสดงว่าเป็นสิ่งของที่พร้อมจะนำไปใช้จึงมีสภาพที่แท้จริงเป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นเพื่อนำไปใช้ห่อหรือบรรจุของหรือสินค้าอื่น โดยความมุ่งหมายเพื่อเก็บความร้อน ความชื้น และเก็บกลิ่น แม้ลูกค้าที่สั่งซื้อไปใช้อุตสาหกรรมหีบห่อ เช่นพวกซอง ถุงใส่ของ โดยการนำไปพิมพ์ข้อความ เคลือบสี หรือนำไปผนึกเพื่อป้องกันมิให้ความชื้นเข้าไปได้ โดยนำไปทำเป็นซองหรือแผงเพื่อบรรจุสินค้า ก็เป็นเพียงการปรับปรุงอลูมิเนียมแผ่นเปลวชนิดฟอยล์และอลูมิเนียมแผ่นเปลวผนึกด้วยกระดาษให้เหมาะสมกับสภาพที่จะเอาไปห่อหุ้มหรือบรรจุสินค้าของลูกค้า เพื่อให้เกิดความสวยงาม ให้มีความคงทนในการเก็บรักษา ให้รู้ว่าสินค้าที่อยู่ภายในเป็นอะไร ให้รู้แหล่งกำเนิดของผู้ผลิต อลูมิเนียมทั้งสองชนิดนั้นมิได้คลายสภาพเป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นใหม่ ยังคงมีสภาพเป็นของใช้ที่ใช้ห่อหุ้มหรือบรรจุสินค้าอื่นที่ใช้ได้ทันทีในตัวของมันอยู่นั่นเอง จึงเป็นของใช้เฉพาะที่ผลิตจากโลหะตามหมวด 9 ของบัญชีที่ 1 แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวข้างต้น (ซึ่งจะต้องเสียภาษีการค้าไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 5(8) ของพระราชกฤษฎีกาฉบับนั้น)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลดอัตราภาษีเครื่องจักรเกษตรและอุปกรณ์: พิจารณาจากสภาพการใช้งานและวัตถุประสงค์
รถแทรกเตอร์และสินค้าเครื่องอะไหล่ที่โจทก์สั่งจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นเครื่องจักร ส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจะต้องพิจารณาจากสภาพของวัตถุสินค้านั้นๆ ตลอดจนข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์สั่งรถแทรกเตอร์และสินค้านั้นมาจำหน่ายให้แก่ผู้ใด และผู้ซื้อซื้อไปใช้ในกิจการอย่างใด
รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการทำไร่ไถนา มีที่นั่งเดียวสำหรับผู้ขับ ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ โจทก์สั่งมาจำหน่ายแก่ชาวไร่ และเคยขายให้แก่ทางราชการนำไปใช้ในการทำไร่ แสดงว่าเป็นเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้ แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง จึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการเช่นจานไถ เครื่องคราดนาหากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าง ก็หาทำให้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไปไม่ จึงได้รับการลดอัตรารัษฎากร โดยเสียภาษีการค้าในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของรายรับ
ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรม ที่โจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย อยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรารัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร
รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการทำไร่ไถนา มีที่นั่งเดียวสำหรับผู้ขับ ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ โจทก์สั่งมาจำหน่ายแก่ชาวไร่ และเคยขายให้แก่ทางราชการนำไปใช้ในการทำไร่ แสดงว่าเป็นเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้ แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง จึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการเช่นจานไถ เครื่องคราดนาหากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าง ก็หาทำให้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไปไม่ จึงได้รับการลดอัตรารัษฎากร โดยเสียภาษีการค้าในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของรายรับ
ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรม ที่โจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย อยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรารัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1585/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินค้าสำเร็จรูป: การพิจารณาตามสภาพการใช้งานจริง ไม่ใช่แค่ความสามารถในการใช้งานได้ทันที
สินค้าสำเร็จรูป คือ สินค้าซึ่งตามสภาพอาจอุปโภคบริโภคได้โดยไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่น แต่สิ่งใดจะเป็นสินค้าสำเร็จรูปต้องคำนึงถึงการใช้ตามสภาพด้วย มิใช่สักแต่ว่าอาจใช้ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยน ดัดแปลง หรือผสม แล้วก็เป็นสินค้าสำเร็จรูปไปทันที เพราะประมวลรัษฎากรมาตรา 77 มิได้บัญญัติว่า สิ่งใดที่อาจใช้ได้ทันทีเช่นนั้นแล้วก็เป็นสินค้าสำเร็จรูป แต่บัญญัติว่าต้องเป็นสิ่งที่ใช้ได้เช่นนั้นตามสภาพ
แป้งสาลีตามสภาพที่ใช้เป็นปกติ ใช้สำหรับเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้าอื่นต่อไป มิใช่สิ่งที่ตามปกติย่อมนำไปใช้ได้โดยไม่เปลี่ยน ดัดแปลง หรือผสมสิ่งอื่น จึงมิใช่สินค้าสำเร็จรูป
แป้งสาลีตามสภาพที่ใช้เป็นปกติ ใช้สำหรับเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้าอื่นต่อไป มิใช่สิ่งที่ตามปกติย่อมนำไปใช้ได้โดยไม่เปลี่ยน ดัดแปลง หรือผสมสิ่งอื่น จึงมิใช่สินค้าสำเร็จรูป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728-730/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่ออยู่อาศัย vs. เช่าเพื่อค้า: เหตุผลการเช่าและสภาพการใช้งานเป็นหลัก
ในการที่จะวินิจฉัยว่าการเช่ารายใดเป็นการเช่าเพื่ออยู่อาศัยอันได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ หรือเป็นการเช่าเพื่อประกอบธุรกิจการค้าอันมีผลตรงข้ามนั้น จะถือหลักเกณฑ์ตายตัวแบบองค์ความผิดในทางอาญา เป็นต้นว่าที่เช่าอยู่ในทำเลการค้า จดทะเบียนการค้า ยอมให้ขึ้นค่าเช่าได้เรื่อยมา ถือว่าเป็นการเช่าเพื่อประกอบธุรกิจการค้าเช่นนั้นไม่ได้ เหตุผลเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องประกอบข้อวินิจฉัยทั่วๆ ไปเท่านั้น และในเรื่องจดทะเบียนการค้า เมื่อผู้เช่าไปจดทะเบียนประเภทตรงตามที่จำเลยกระทำอยู่ เพื่อความสะดวกในการเรียกเก็บภาษีของเจ้าพนักงานส่วนหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่เป็นการเด็ดขาดตายตัวว่าเป็นการเช่าเพื่อประกอบธุรกิจการค้าขึ้นมาได้
หลักสำคัญอยู่ที่เหตุผลแห่งการเช่าและการค้าของผู้เช่าแต่ละรายในห้องเช่านั้นๆ ว่ามีอยู่มากหรือน้อยเพียงใด ตลอดจนรายได้จากการค้าดังกล่าว อันปรากฏจากพยานหลักฐานในสำนวนประกอบกับสภาพความจริงตามที่ศาลได้ไปตรวจดูสถานที่มานั้น ซึ่งควรที่จะได้บันทึกโดยละเอียดและชัดแจ้ง ย่อมชี้ถึงความจริงได้ว่าเป็นการเช่าเพื่อประกอบธุรกิจการค้าโดยตรง หรือเป็นการเช่าเพื่ออยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ หากแต่มีการค้าปะปนบ้างเล็กๆ น้อยๆ เพียงเพื่อการดำรงชีวิตของตนเองหรือครอบครัวเท่านั้น ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้อเท็จจริงโดยเฉพาะของแต่ละเรื่อง ไม่ใช่หลักเกณฑ์ตายตัวที่จะนำไปใช้กันได้ในทุกเรื่อง
หลักสำคัญอยู่ที่เหตุผลแห่งการเช่าและการค้าของผู้เช่าแต่ละรายในห้องเช่านั้นๆ ว่ามีอยู่มากหรือน้อยเพียงใด ตลอดจนรายได้จากการค้าดังกล่าว อันปรากฏจากพยานหลักฐานในสำนวนประกอบกับสภาพความจริงตามที่ศาลได้ไปตรวจดูสถานที่มานั้น ซึ่งควรที่จะได้บันทึกโดยละเอียดและชัดแจ้ง ย่อมชี้ถึงความจริงได้ว่าเป็นการเช่าเพื่อประกอบธุรกิจการค้าโดยตรง หรือเป็นการเช่าเพื่ออยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ หากแต่มีการค้าปะปนบ้างเล็กๆ น้อยๆ เพียงเพื่อการดำรงชีวิตของตนเองหรือครอบครัวเท่านั้น ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้อเท็จจริงโดยเฉพาะของแต่ละเรื่อง ไม่ใช่หลักเกณฑ์ตายตัวที่จะนำไปใช้กันได้ในทุกเรื่อง