พบผลลัพธ์ทั้งหมด 88 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6480/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกระทำความผิดอาญา แม้ไม่ได้ลงมือทำร้ายร่างกายโดยตรง แต่มีส่วนร่วมวางแผน
ก่อนเกิดเหตุโจทก์ร่วมเห็น อ. นั่งดื่มสุราอยู่ที่หน้าร้านของจำเลย ต่อมาจำเลยเข้ามาทวงหนี้จากโจทก์ร่วมโดยจำเลยกับ อ. พากันเข้ามาในร้านเกมของโจทก์ร่วมพร้อมกัน แล้วจำเลยชี้ตัวโจทก์ร่วมให้ อ. ดูพร้อมกับพูดว่า คนนี้แหละชื่อยันต์ หลังจากนั้น อ. พูดว่า มึงพากูออกไปตามหาพ่อมึง ติดหนี้แล้วต้องใช้หนี้ เมื่อโจทก์ร่วมบอกว่าไม่ทราบว่าพ่ออยู่ที่ไหนและไม่ยอมไป อ. ก็เดินเข้ามาเตะโจทก์ร่วม พฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยดังกล่าวเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยสมคบร่วมกันกับ อ. มาเตะทำร้ายโจทก์ร่วมแล้ว แม้ขณะที่ อ. เข้ามาเตะทำร้ายโจทก์ร่วม จำเลยจะเพียงแต่ยืนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้พูดอะไรก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดฐานข่มขืน ต้องพิสูจน์การสมคบคิดร่วมกันและผลัดเปลี่ยนกันกระทำ
การกระทำความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสอง นั้น จำต้องมีการร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยมีลักษณะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน จำเลยที่ 1 และนาย ย. ต่างได้พูดขอร่วมเพศกับผู้เสียหายทำนองขอความยินยอมจากผู้เสียหายก่อน หากจำเลยที่ 1 และนาย ย. มีเจตนาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายมาตั้งแต่ต้นก็คงช่วยกันจัดการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อข่มขืน กระทำชำเราผู้เสียหายในทันทีที่เข้าไปพบผู้เสียหายในขนำ ถือว่าจำเลยที่ 1 และนาย ย. ต่างมีเจตนาของตนเองไม่ เกี่ยวข้องกันและกันเพื่อที่จะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง แต่เนื่องจากเมื่อจำเลยพูดขอร่วมเพศกับผู้เสียหายแล้วผู้เสียหายไม่ยินยอม จำเลยซึ่งได้ใช้กำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแต่ไม่สำเร็จ เพราะผู้เสียหายได้บีบอวัยวะเพศของจำเลยที่ 1 ไว้ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดเพียงพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5433/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น: จำเลยให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำผิดหลบหนี ไม่พบเจตนาสมคบคิด
คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแล้ววิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยจอดรออยู่หลบหนีไปด้วยกันโจทก์ไม่มีพยานนำสืบให้เห็นว่าจำเลยได้ร่วมสมคบกับคนร้ายวางแผนและตระเตรียมมาฆ่าผู้ตายจุดที่จำเลยจอดรถจักรยานยนต์อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ200เมตรไม่สามารถมองเห็นที่เกิดเหตุเป็นไปไม่ได้ที่จำเลยจะคอยดูต้นทางให้คนร้ายทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ร่วมกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดอันพึงถือได้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิดการกระทำของจำเลยเป็นเพียงการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่คนร้ายหลบหนีเพื่อให้พ้นจากการจับกุมเท่านั้นจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2073/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการข่มขืน: การสมคบคิดและการช่วยเหลือให้กระทำผิด
จำเลยที่ 1 ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยินยอมจึงไม่เป็นความผิด แต่จำเลยทั้งสองได้สมคบร่วมคิดกันมาก่อนว่าจะให้จำเลยที่ 2 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และการที่จำเลยที่ 1ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก่อนเมื่อเสร็จแล้วก็ออกจากห้องไปเปิดประตูไว้ให้จำเลยที่ 2 เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายย่อมเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 ในการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 2 ในการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1991/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องและการร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ศาลฎีกาพิจารณาพฤติการณ์ปัจจุบันทันด่วนและการสมคบคิด
พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปโดยปัจจุบันทันด่วนต่อเนื่องจากการที่ผู้ตายใช้ศอกกระแทกหน้าอกจำเลย เป็นเหตุให้จำเลยชกต่อยผู้ตาย 1 ทีแล้ววิ่งหนีจากนั้น ส. จึงเข้าซ้ำเติมใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตาย ซึ่งจำเลยและ ส. ต่างคนต่างทำร้ายผู้ตายโดยมิได้สมคบกันมาก่อน ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับ ส. ฆ่าผู้ตายคงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยชกผู้ตาย 1 ที จำเลยจึงต้องมีความผิดแต่เฉพาะการกระทำของตนเองฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2321/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำผิดทางอาญา: การมอบอาวุธปืนไม่ใช่การสมคบหรือกระทำผิดร่วมกันหากผู้รับไปกระทำผิดด้วยตนเอง
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่ 2 แต่การที่จำเลยที่ 2 ท้าผู้เสียหายกับพวกชกต่อยครั้นผู้เสียหายกับพวกลงจากบ้านจำเลยที่ 2 ได้วิ่งหนี แต่เมื่อผู้เสียหายกับพวกวิ่งไล่ตาม จำเลยที่ 2 จึงใช้อาวุธปืนยิง ดังนี้เป็นการตัดสินใจของจำเลยที่ 2 เพียงผู้เดียวเพื่อมิให้ผู้เสียหายกับพวกวิ่งไล่ตาม กรณีถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดอาญา: จำเลยไม่สมคบคิดและไม่ได้ช่วยเหลือขณะกระทำผิด จึงไม่เป็นผู้สนับสนุน
ผู้เสียหายและนาย ม. ชกต่อยกอดปล้ำกันได้ประมาณ 3 นาทีจำเลยจึงขับรถจักรยานยนต์มาที่เกิดเหตุ โดยมีนาย จ. นั่งซ้อนท้ายมาด้วย นางสาวส.เรียกให้นาย จ. ช่วยห้ามและให้เอาตัวนายม.ไป นาย จ. เข้ารวบตัวผู้เสียหาย นายม.ชกต่อยผู้เสียหายอีก 2-3 ครั้ง แล้วขึ้นรถจักรยานยนต์ของจำเลยหลบหนีไป การที่จำเลยนั่งดูอยู่บนรถจักรยานยนต์มิได้เข้าไปเกี่ยวข้อง และที่นายจ.เข้าไปเกี่ยวข้องเนื่องจากนางสาวส.เรียกให้ช่วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้สมคบกับนาย ม.หรือ นายจ.เพื่อทำร้ายผู้เสียหายมาก่อนและการพานาย ม.ออกไปจากที่เกิดเหตุหลังจากเลิกชกต่อยกันแล้วจะถือว่าจำเลยช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นาย ม.ก่อนหรือขณะกระทำผิดหาได้ไม่ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบคิดฉ้อโกง - พยานหลักฐานไม่เพียงพอ - ศาลยกฟ้อง
การที่จำเลยทั้งหกพูดคุยกันอยู่ในห้องพักของโรงแรมว่าจะเริ่มทำงานพรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา โดยแบ่งเป็น 2 สาย สายหนึ่งไปที่ตลาดโคกมะตูมอีกสายหนึ่งจะไปทางห้างสรรพสินค้าท็อปแลนด์ระหว่างที่จำเลยทั้งหกพูดคุยกันมีการนำเอาสร้อยเส้นใหญ่ออกมาแสดงวิธีการทำงานด้วยการกระทำดังกล่าวชี้ให้เห็นไม่ได้ว่าจำเลยทั้งหกร่วมกันวางแผนเพื่อฉ้อโกงประการใด และการที่จำเลยทั้งหกมีของกลาง 11 รายการ ตามที่ยึดมาก็มิใช่ข้อที่ชี้ให้เห็นว่ามีไว้เพื่อการหลอกลวงผู้อื่นให้หลงเชื่อเพื่อให้ได้ทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวง อันจะเป็นข้อแสดงว่าจำเลยทั้งหกร่วมกันวางแผนเพื่อกระทำผิดฐานฉ้อโกง จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งหกกระทำผิดฐานเป็นช่องโจรตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4986/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฐานเป็นซ่องโจร ต้องมีการสมคบคิดร่วมกัน ไม่ใช่แค่การเจรจาต่อบุคคลภายนอก
ความผิดฐานเป็นซ่องโจรนั้น ผู้กระทำจะต้องสมคบกันเพื่อกระทำความผิด คือร่วมคบคิดกัน ประชุมปรึกษาหารือกัน หรือการแสดงออกซึ่งความตกลงจะกระทำผิดร่วมกัน อันมีสภาพเป็นการกระทำระหว่างผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ร่วมกันเจรจากับเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปล่อซื้อเสนอขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมาให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจ มีลักษณะที่เป็นการกระทำต่อบุคคลภายนอก การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานซ่องโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4986/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดซ่องโจร: การสมคบคิดร่วมกันกระทำผิด
ความผิดฐานเป็นซ่องโจรนั้น ผู้กระทำจะต้องสมคบกันเพื่อกระทำความผิด คือร่วมคบคิดกัน ประชุมปรึกษาหารือกัน หรือการแสดงออกซึ่งความตกลงจะกระทำผิดร่วมกัน อันมีสภาพเป็นการกระทำระหว่างผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5ร่วมกันเจรจากับเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปล่อซื้อเสนอขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมาให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจ มีลักษณะที่เป็นการกระทำต่อบุคคลภายนอก การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานซ่องโจร.